เฉียวอี้ยังไม่ทันได้ตอบคำถามฉันประตูออฟฟิศก็ได้ถูกผลักออก ฉันที่เพิ่งผ่านศึกสงครามเย็นมาและในขณะเดียวกันก็ได้เห็นชัดว่าคนที่ยืนอยู่หน้าออฟฟิศของฉัน นั่นก็คือสีชิงชวน เขายังคงสวมชุดสีน้ำเงินลายทางสีทองเหมือนในคลิปวีดีโอวันนี้ มันดูเท่ห์ แพรวพราว แต่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
“โอ๊ย” แม้กระทั่งเฉียวอี้ยังถอยหลังแล้วถอยหลังอีก “แรงอาฆาตของเขามันช่างน่ากลัวมาก”
“เฉียวอี้ คุณออกไปก่อน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก
ดูท่าไม่ดีซะแล้ว แน่นอนว่าสีชิงชวนจะไม่เหมือนกับพระเอกในซีรี่ย์ ที่พอเกิดเรื่องอะไรนิดหน่อยก็พูดเสียงดัง ยิ่งเขาเงียบมากเท่าไหร่ มันแสดงให้เห็นว่าความโกรธของเขาได้ระเบิดออกมาแล้ว
เฉียวอี้ขยิบตาไปมา ฉันจับมือหล่อนไว้แล้วส่ายหัว “อย่า”
“เฉียวอี้ ออกไป” สีชิงชวนพูดอีกครั้ง ถึงแม้จะมีแค่สี่คำแต่มันหนาวจนถึงกระดูกแน่นอน
เฉียวอี้มองฉัน “เขามาหาเธอทำไมเหรอ?”
“ฉัน” ถ้าหากเฉียวอี้ยังคงอยู่ตรงนี้ คาดว่าหล่อนจะต้องตายอย่างน่าเวทนากว่าฉันแน่นอน เพราะหล่อนเป็นคนใจร้อนตรงไปตรงมา เดี๋ยวจะเผลอพูดอะไรที่ยิ่งยั่วโมโหสีชิงชวนขึ้นมาอีก คาดการณ์ได้เลยว่าเขาจะชักดาบขึ้นมาแล้วฆ่าเราสองคนอย่างแน่นอน
“เธอออกไปก่อนนะ!” ฉันพูดกับเฉียวอี้ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง “เดี๋ยวฉันจะอยู่คุยกับสีชิงชวนเอง”
“พวกเธอยังมีอะไรให้คุยกันอีกเหรอ? หรือจะคุยเรื่องการหย่า?”
“ออกไปก่อนเถอะนะ!” ฉันผลักเฉียวอี้ออกไปแล้วปิดประตูพร้อมล็อคกลอนประตูไว้
ถึงจะอย่างไรฉันก็ต้องตายแน่ๆ งั้นฉันขอตายอย่างสมศักดิ์ศรีแล้วกัน ฉันหันมาก็เจอเข้ากับสายตาอันเย็นเยือกของสีชิงชวนเลย เมื่อกี้ยังมีใจห้าวหาญพลีชีพแต่แค่ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปหมดแล้ว ฉันกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นไปหมด เขาค่อยๆเดินมาหาฉันทีละก้าวทีละก้าว จนฉันแทบจะหายใจไม่ได้เลย
“สีชิงชวน หยุดนะ” ฉันยกมือขึ้นมาทั้งสองข้างแสดงถึงการยอมจำนน “เจตนาเดิมของฉันมันไม่ได้เป็นแบบนั้น”
เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ผมก็นึกว่าคุณจะแก้ตัวซะอีก ไม่คิดว่าคุณจะยอมรับมันซะงั้น”
“ฉันแค่เห็นว่าคุณทุกข์ใจมาก คิดว่าอยากให้คุณกับป๋ออวี่คุยกันดีๆ แต่ก็กลัวว่าป๋ออวี่จะไม่สนใจคุณ เพราะงั้นฉันเลยส่งของขวัญไปให้ป๋ออวี่หนึ่งชิ้น นั่นมันคือกระดุมข้อมือที่ฉันเคยสั่งทำพิเศษให้กับคุณพ่อของฉัน ใช้เงินของฉันไปตั้งเยอะเลยนะ” ฉันพูดไปพูดมาก็ออกนอกเรื่อง ความกลัวมันทำให้ฉันดึงตัวเองกลับมากอีกครั้ง
“พูดต่อสิ” เขาเดินมาตรงหน้าฉัน มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้พยักหน้าบอกฉันให้พูดต่อ ท่ายืนของเขามันทำให้ฉันโล่งอกเล็กน้อย เพราะว่า ณ ตอนนี้มีแค่มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ ถ้าหากเขาจะบีบคอฉันขึ้นมาจริงๆระดับความยากมันค่อนข้างจะสูงมาก
“ฉันก็เอาของขวัญชิ้นนั้นวางไว้บนโต๊ะของป๋ออวี่ ฉันวางมันไว้เมื่อสองวันที่แล้ว ฉันคิดว่าป๋ออวี่จะมองมันเห็นได้ง่าย แต่ว่าพวกคุณสองคนก็ไม่มีการตอบสนองอะไรเลย”
“แล้วยังไงต่อ”
ฉันกลืนน้ำลายเล็กน้อย “ฉันคิดว่าเลขาอาจจะทำผิดพลาด คิดว่าของขวัญชิ้นนั้นคือของขวัญที่จะให้กับภรรยาของท่านประธาน ผลสุดท้าย สุดท้าย”
“แล้วข้อความบนการ์ดนั่นมันคืออะไร?” ไม่รู้ว่าเขาไปได้การ์ดใบนั้นมาจากไหน เปิดมันออกมาแล้วถืออยู่ต่อหน้าฉัน “จับมือกันไป จนเฒ่าจนแก่”
…..
“นั่นคือบทกวีหนึ่งในหนังสือเพลง ความจริงบทกวีบทนี้มันไม่ได้หมายความถึงคู่รักของชายหญิงทั่วไป มันหมายถึงผู้ชายสองคน” ฉันไม่ได้ตั้งใจอวดความสามารถต่อหน้าคนอื่น ความรู้ส่วนใหญ่ที่ฉันมีมันเกี่ยวกับด้านนี้พอดี
“ผมหมายถึงลายมือนี้ มันเหมือนของผมเป๊ะเลย มันคงไม่ใช่เพราะผมนอนละเมอแล้วเขียนมันขึ้นมาเองหรอกมั้ง?”
ฉันแทบจะหยุดหายใจเลย เขาค่อยๆซักถามทีละนิดทีละนิดแบบนี้ เอามีดมาแทงฉันให้ตายเลยดีกว่า แบบนั้นมันยังจะดีซะกว่า
“ฉันเลียนแบบตัวหนังสือของคุณแล้วเขียนขึ้นมาเอง”
“อ้อ คุณยังมีความสามารถในด้านนี้อีกด้วยเหรอ?”
“ฉันเขียนมั่ว”
ยังจะให้พูดอีกเหรอ มันชัดเจนขนาดนั้น? ทำไมฉันรู้สึกว่าสีชิงชวนในตอนนี้เหมือนสับสนอะไรอยู่? ในตัวเขาคงไม่ได้พกของมีคมมาด้วยนะ! เขาคงไม่ฆ่าฉันตายใช่ไหม?
ฉันแกล้งตอบกลับไปอย่างกล้าหาญว่า “วันนั้น วันที่คุณย่าได้เข้าโรงพยาบาล ฉันเข้าออฟฟิศคุณเพื่อที่จะไปหาคุณ แล้วเห็นเข้าว่าคุณกับป๋ออวี่สัมผัสตัวกันอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“สัมผัสตัวกัน คุณใช้ตาข้างไหนเห็นว่าเรากำลังสัมผัสตัวกันอยู่?”
“ฉันขอสาบานว่าฉันจะไม่พูดมั่วซั่ว ฉันไม่ได้พูดเรื่องกับใครสักคนเลย แม้แต่เฉียวอี้เองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้!”
“ดีมาก พูดต่อสิ” เขาพยักหน้าอย่างอดทน
“ต่อมาฉันได้เห็นป๋ออวี่อยู่ในบาร์เกย์ ถึงมั่นใจว่าเขาคือเกย์ไงล่ะ”
“คุณเห็นป๋ออวี่อยู่ในบาร์เกย์อย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของสีชิงชวนดูแปลกใจมากหรือว่าเขายังไม่เคยไปเหรอ?
“มีเพียงแค่เขาคนเดียวนะ!” ฉันพยายามจะช่วยป๋ออวี่ปิดบังความผิด “ฉันสาบาน”
“แล้วยังไงต่อ?”
“แล้วรอบที่สองฉันก็เห็นพวกคุณสองคนสัมผัสตัวกันอยู่ในออฟฟิศไงล่ะ”
เขาพยักหน้าอย่างมีความอดทน แล้วกวักมือเรียกฉัน “คุณมานี่สิ”
ตีฉันให้ตายอย่างไรฉันก็ไม่กล้าไปหรอก ฉันรู้สึกว่าเขาอาจจะใช้ท่าฉีกปีศาจด้วยมือ มันเป็นท่าที่ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรแต่สามารถฉีกฉันเป็นชิ้นๆด้วยมือได้ ฉันกลัวจนหลอน กลัวจนจะประสาทเสีย ฉันยืนชิดกำแพงไว้ ยังไงก็จะไม่ไปหาเขา ยกเว้นว่าเขาจะดึงตัวฉันไป เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้จริงๆและยังเอามือล้วงกระเป๋าในเสื้อสูทของเขาอีกด้วย หรือว่าเขาซ่อนมีดไว้ในกระเป๋าเสื้องั้นเหรอ? มีดที่เล็กขนาดนั้นมันจะสามารถฆ่าคนและทำให้บาดเจ็บได้เหรอ? แต่ว่า ถ้ามันเป็นมีดผ่าตัดละก็ มันสามารถฆ่าคนและทำให้บาดเจ็บได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ เริ่มจากการกรีดลงกลางหว่างคิ้วของฉันลงช่วงล่างของร่างกาย ฉันก็จะโดนเขาผ่าเป็นสองท่อน ฉันแทบจะอยากเอาตัวเองหายเข้าไปในกำแพงเลย เสียดายฉันไม่ใช่นักบวชเหมาซาน ไม่มีวิชาทะลุผ่านกำแพงได้! สีชิงชวนล้วงกระเป๋าไปด้วยพร้อมกับเดินเข้ามาหาฉัน จากนั้นเขาก็หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาอย่างแรง และแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้น
ฉันหลับตาแล้วร้องกรี๊ดขึ้นมา “ท่านสุภาพบุรุษโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...