พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 144

เฉียวอี้ยังไม่ทันได้ตอบคำถามฉันประตูออฟฟิศก็ได้ถูกผลักออก ฉันที่เพิ่งผ่านศึกสงครามเย็นมาและในขณะเดียวกันก็ได้เห็นชัดว่าคนที่ยืนอยู่หน้าออฟฟิศของฉัน นั่นก็คือสีชิงชวน เขายังคงสวมชุดสีน้ำเงินลายทางสีทองเหมือนในคลิปวีดีโอวันนี้ มันดูเท่ห์ แพรวพราว แต่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต

“โอ๊ย” แม้กระทั่งเฉียวอี้ยังถอยหลังแล้วถอยหลังอีก “แรงอาฆาตของเขามันช่างน่ากลัวมาก”

“เฉียวอี้ คุณออกไปก่อน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งมาก

ดูท่าไม่ดีซะแล้ว แน่นอนว่าสีชิงชวนจะไม่เหมือนกับพระเอกในซีรี่ย์ ที่พอเกิดเรื่องอะไรนิดหน่อยก็พูดเสียงดัง ยิ่งเขาเงียบมากเท่าไหร่ มันแสดงให้เห็นว่าความโกรธของเขาได้ระเบิดออกมาแล้ว

เฉียวอี้ขยิบตาไปมา ฉันจับมือหล่อนไว้แล้วส่ายหัว “อย่า”

“เฉียวอี้ ออกไป” สีชิงชวนพูดอีกครั้ง ถึงแม้จะมีแค่สี่คำแต่มันหนาวจนถึงกระดูกแน่นอน

เฉียวอี้มองฉัน “เขามาหาเธอทำไมเหรอ?”

“ฉัน” ถ้าหากเฉียวอี้ยังคงอยู่ตรงนี้ คาดว่าหล่อนจะต้องตายอย่างน่าเวทนากว่าฉันแน่นอน เพราะหล่อนเป็นคนใจร้อนตรงไปตรงมา เดี๋ยวจะเผลอพูดอะไรที่ยิ่งยั่วโมโหสีชิงชวนขึ้นมาอีก คาดการณ์ได้เลยว่าเขาจะชักดาบขึ้นมาแล้วฆ่าเราสองคนอย่างแน่นอน

“เธอออกไปก่อนนะ!” ฉันพูดกับเฉียวอี้ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง “เดี๋ยวฉันจะอยู่คุยกับสีชิงชวนเอง”

“พวกเธอยังมีอะไรให้คุยกันอีกเหรอ? หรือจะคุยเรื่องการหย่า?”

“ออกไปก่อนเถอะนะ!” ฉันผลักเฉียวอี้ออกไปแล้วปิดประตูพร้อมล็อคกลอนประตูไว้

ถึงจะอย่างไรฉันก็ต้องตายแน่ๆ งั้นฉันขอตายอย่างสมศักดิ์ศรีแล้วกัน ฉันหันมาก็เจอเข้ากับสายตาอันเย็นเยือกของสีชิงชวนเลย เมื่อกี้ยังมีใจห้าวหาญพลีชีพแต่แค่ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปหมดแล้ว ฉันกลัวมาก กลัวจนตัวสั่นไปหมด เขาค่อยๆเดินมาหาฉันทีละก้าวทีละก้าว จนฉันแทบจะหายใจไม่ได้เลย

“สีชิงชวน หยุดนะ” ฉันยกมือขึ้นมาทั้งสองข้างแสดงถึงการยอมจำนน “เจตนาเดิมของฉันมันไม่ได้เป็นแบบนั้น”

เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ผมก็นึกว่าคุณจะแก้ตัวซะอีก ไม่คิดว่าคุณจะยอมรับมันซะงั้น”

“ฉันแค่เห็นว่าคุณทุกข์ใจมาก คิดว่าอยากให้คุณกับป๋ออวี่คุยกันดีๆ แต่ก็กลัวว่าป๋ออวี่จะไม่สนใจคุณ เพราะงั้นฉันเลยส่งของขวัญไปให้ป๋ออวี่หนึ่งชิ้น นั่นมันคือกระดุมข้อมือที่ฉันเคยสั่งทำพิเศษให้กับคุณพ่อของฉัน ใช้เงินของฉันไปตั้งเยอะเลยนะ” ฉันพูดไปพูดมาก็ออกนอกเรื่อง ความกลัวมันทำให้ฉันดึงตัวเองกลับมากอีกครั้ง

“พูดต่อสิ” เขาเดินมาตรงหน้าฉัน มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้พยักหน้าบอกฉันให้พูดต่อ ท่ายืนของเขามันทำให้ฉันโล่งอกเล็กน้อย เพราะว่า ณ ตอนนี้มีแค่มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ ถ้าหากเขาจะบีบคอฉันขึ้นมาจริงๆระดับความยากมันค่อนข้างจะสูงมาก

“ฉันก็เอาของขวัญชิ้นนั้นวางไว้บนโต๊ะของป๋ออวี่ ฉันวางมันไว้เมื่อสองวันที่แล้ว ฉันคิดว่าป๋ออวี่จะมองมันเห็นได้ง่าย แต่ว่าพวกคุณสองคนก็ไม่มีการตอบสนองอะไรเลย”

“แล้วยังไงต่อ”

ฉันกลืนน้ำลายเล็กน้อย “ฉันคิดว่าเลขาอาจจะทำผิดพลาด คิดว่าของขวัญชิ้นนั้นคือของขวัญที่จะให้กับภรรยาของท่านประธาน ผลสุดท้าย สุดท้าย”

“แล้วข้อความบนการ์ดนั่นมันคืออะไร?” ไม่รู้ว่าเขาไปได้การ์ดใบนั้นมาจากไหน เปิดมันออกมาแล้วถืออยู่ต่อหน้าฉัน “จับมือกันไป จนเฒ่าจนแก่”

…..

“นั่นคือบทกวีหนึ่งในหนังสือเพลง ความจริงบทกวีบทนี้มันไม่ได้หมายความถึงคู่รักของชายหญิงทั่วไป มันหมายถึงผู้ชายสองคน” ฉันไม่ได้ตั้งใจอวดความสามารถต่อหน้าคนอื่น ความรู้ส่วนใหญ่ที่ฉันมีมันเกี่ยวกับด้านนี้พอดี

“ผมหมายถึงลายมือนี้ มันเหมือนของผมเป๊ะเลย มันคงไม่ใช่เพราะผมนอนละเมอแล้วเขียนมันขึ้นมาเองหรอกมั้ง?”

ฉันแทบจะหยุดหายใจเลย เขาค่อยๆซักถามทีละนิดทีละนิดแบบนี้ เอามีดมาแทงฉันให้ตายเลยดีกว่า แบบนั้นมันยังจะดีซะกว่า

“ฉันเลียนแบบตัวหนังสือของคุณแล้วเขียนขึ้นมาเอง”

“อ้อ คุณยังมีความสามารถในด้านนี้อีกด้วยเหรอ?”

“ฉันเขียนมั่ว”

ยังจะให้พูดอีกเหรอ มันชัดเจนขนาดนั้น? ทำไมฉันรู้สึกว่าสีชิงชวนในตอนนี้เหมือนสับสนอะไรอยู่? ในตัวเขาคงไม่ได้พกของมีคมมาด้วยนะ! เขาคงไม่ฆ่าฉันตายใช่ไหม?

ฉันแกล้งตอบกลับไปอย่างกล้าหาญว่า “วันนั้น วันที่คุณย่าได้เข้าโรงพยาบาล ฉันเข้าออฟฟิศคุณเพื่อที่จะไปหาคุณ แล้วเห็นเข้าว่าคุณกับป๋ออวี่สัมผัสตัวกันอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“สัมผัสตัวกัน คุณใช้ตาข้างไหนเห็นว่าเรากำลังสัมผัสตัวกันอยู่?”

“ฉันขอสาบานว่าฉันจะไม่พูดมั่วซั่ว ฉันไม่ได้พูดเรื่องกับใครสักคนเลย แม้แต่เฉียวอี้เองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้!”

“ดีมาก พูดต่อสิ” เขาพยักหน้าอย่างอดทน

“ต่อมาฉันได้เห็นป๋ออวี่อยู่ในบาร์เกย์ ถึงมั่นใจว่าเขาคือเกย์ไงล่ะ”

“คุณเห็นป๋ออวี่อยู่ในบาร์เกย์อย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของสีชิงชวนดูแปลกใจมากหรือว่าเขายังไม่เคยไปเหรอ?

“มีเพียงแค่เขาคนเดียวนะ!” ฉันพยายามจะช่วยป๋ออวี่ปิดบังความผิด “ฉันสาบาน”

“แล้วยังไงต่อ?”

“แล้วรอบที่สองฉันก็เห็นพวกคุณสองคนสัมผัสตัวกันอยู่ในออฟฟิศไงล่ะ”

เขาพยักหน้าอย่างมีความอดทน แล้วกวักมือเรียกฉัน “คุณมานี่สิ”

ตีฉันให้ตายอย่างไรฉันก็ไม่กล้าไปหรอก ฉันรู้สึกว่าเขาอาจจะใช้ท่าฉีกปีศาจด้วยมือ มันเป็นท่าที่ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรแต่สามารถฉีกฉันเป็นชิ้นๆด้วยมือได้ ฉันกลัวจนหลอน กลัวจนจะประสาทเสีย ฉันยืนชิดกำแพงไว้ ยังไงก็จะไม่ไปหาเขา ยกเว้นว่าเขาจะดึงตัวฉันไป เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้จริงๆและยังเอามือล้วงกระเป๋าในเสื้อสูทของเขาอีกด้วย หรือว่าเขาซ่อนมีดไว้ในกระเป๋าเสื้องั้นเหรอ? มีดที่เล็กขนาดนั้นมันจะสามารถฆ่าคนและทำให้บาดเจ็บได้เหรอ? แต่ว่า ถ้ามันเป็นมีดผ่าตัดละก็ มันสามารถฆ่าคนและทำให้บาดเจ็บได้อย่างน่าทึ่งเลยล่ะ เริ่มจากการกรีดลงกลางหว่างคิ้วของฉันลงช่วงล่างของร่างกาย ฉันก็จะโดนเขาผ่าเป็นสองท่อน ฉันแทบจะอยากเอาตัวเองหายเข้าไปในกำแพงเลย เสียดายฉันไม่ใช่นักบวชเหมาซาน ไม่มีวิชาทะลุผ่านกำแพงได้! สีชิงชวนล้วงกระเป๋าไปด้วยพร้อมกับเดินเข้ามาหาฉัน จากนั้นเขาก็หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาอย่างแรง และแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้น

ฉันหลับตาแล้วร้องกรี๊ดขึ้นมา “ท่านสุภาพบุรุษโปรดไว้ชีวิตด้วย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)