ฉันมองตามสายตาสาวที่คลั่งไคล้เขาไปที่ประตูของงาน จึงเห็นสีชิงชวนในชุดราตรีสีดำขลับ เนคไทสีม่วง มิน่าล่ะ คุณย่าถึงให้ฉันใส่ชุดราตรีสีม่วง ที่แท้ก็จะให้ฉันใส่เสื้อคู่กับเขานี่เอง
คนบางคนจะพกความความสดใสมาด้วยจริงๆ อาทิเช่นสีชิงชวนเป็นต้น ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าสู่งาน ห้องโถงที่สว่างแพรวพราวก็ยิ่งละลานตามากขึ้น
ฉันได้ยินสาวๆแอบกระดี๊กระด๊ากันด้วย
“สีชิงชวน สีชิงชวน สีชิงชวน” เสียงร้องอันเป็นจังหวะนี้เปี่ยมไปด้วยความหลงใหลอย่างล้นหลาม ทว่าฉันฟังแล้วเหมือนมีเสียงโครงเคร้งอยู่ในสมอง
ฉันถอยเข้าไปในฝูงชน หวังว่าเขาจะไม่เห็นฉันนะ
จากนั้นฉันก็ถอยมาถึงโซนของว่าง จุดนี้มีแต่ของอร่อยๆ ทว่าชุดราตรีของฉันรัดรูปมาก ฉันเลยไม่กล้ากินตะกละตะกลาม ไม่งั้นพออิ่มแปล้แล้วหน้าท้องจะโผล่ และชุดก็จะขาดลุ่ยได้ แบบนั้นจะขายหน้ากันไปใหญ่
ฉันกำลังเดินเล่นท่ามกลางอาหารเลิศรส ทันใดนั้นเซียวซือก็ปรากฏตรงหน้าฉัน ต่อด้วยมองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สุดท้ายก็พยักหน้าหงึกๆ “สวยมาก”
“ขอบคุณ”
“ฉันไม่ได้มาเพื่อชมเธอโดยเฉพาะหรอกนะ คุณป้าสีให้ฉันมาถามเธอว่าถ้าเธอเต้นเพลงเปิดงานไม่ได้ ฉันจะช่วยเต้นแทนให้ แน่นอน ฉันไม่ได้คิดจะแย่งซีนเธอนะ แต่คุณป้าสีท่านไหว้วานฉันน่ะ”
“ดีๆๆ พี่ช่วยฉันเต้นเลย” ฉันปรารถนาสิ่งนี้สุดหัวใจ
เซียวซือกล่าวจบก็หมุนกายจากไป แผ่นหลังของเธอช่างงดงามราวกับภาพวาดรูปหนึ่ง
ทันใดนั้นบริเวณเอวของฉันก็ส่งกระแสความเจ็บปวดมา ฉันหันขวับไปมองก็เห็นเฉียวอี้กำลังหยิบเอวของฉัน
“เจ็บนะ เธอทำอะไรน่ะ?”
“ทำไมเธอถึงให้ยัยเซียวซือเต้นแทน?”
“ฉันไม่เต้นนานแล้ว ถ้าเต้นผิดขึ้นมาแล้วขายหน้าจะทำยังไง?”
“ไม่ขายหน้าหรอก อีกอย่างสีชิงชวนจะนำเธอเต้นด้วย”
“ไม่เอาแล้ว” ฉันนวดจมูก “ทางนี้มีของอร่อยๆ เต็มไปหมดเลย”
“ไม่ได้เรื่องเลยเธอ” เฉียวอี้กระเทือนเท้าอย่างไม่สบอารมณ์ ท่าทางเธอราวกับอยากโผเข้ามากัดฉันสักคำอย่างไรอย่างนั้น
เมื่องานเลี้ยงเริ่มแสงไฟในงานก็มืดสลัว จึงมองใบหน้าของผู้อื่นไม่ค่อยชัดเจนนัก
ตั้งแต่ที่สีชิงชวนมาถึงก็ไม่ได้มาทักทายฉันเลย มันจึงเข้าทางฉันเลย ฉันรู้สึกผ่อนคลายและทำตัวได้อย่างสบายๆ
ทันทีที่เสียงดนตรีเริ่มบรรเลง ผู้คนก็แหวกทางตรงกลางของห้องโถงให้มีช่องว่าง จากนั้นก็มีแสงชุดหนึ่งฉายบนฟลอร์เต้นรำ
สีชิงชวนเดินเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ เขาพึ่งยืนนิ่ง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย
พิธีกรพูดเสียงร่าเริง “คุณชายสีจากสีซื่อกรุ๊ปให้เกียรติเต้นเปิดงานครับ แล้วคู่เต้นของท่านจะเป็นใครครับ?”
แสงไฟอีกสายหนึ่งหมุนเหนือศีรษะ ทุกคนพากันแหงนหน้ามอง คล้ายกับกำลังเล่นพนันที่เครื่องหยอดเหรียญ ดูว่าวงล้อจะหยุดที่ภาพใด
ส่วนฉันแค่แฝงตัวเข้าฝูงชนแล้วแอบมองสีชิงชวนเงียบๆ เขายืนใต้แสงไฟอันสว่างเจิดจ้า ฉันจึงเห็นทุกอารมณ์ทางสีหน้าเขาอย่างละเอียด
เขายังคงสุขุมเช่นเดิม สุขุมจนเหมือนพวกเราไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้
ฉันยอมรับว่าสีชิงชวนโดดเด่นและเก่งกาจมาก ทุกคนที่เอ่ยถึงเขาต้องรู้สึกเลื่อมใสหรือไม่ก็อิจฉาริษยากันทุกราย
เหมือนอย่างที่เฉียวอี้ตำหนิฉันว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดสีชิงชวน แต่ยังทำหน้าจะเป็นจะตายอีก คนเป็นโชคดีแล้วไม่รู้จักภาคใจซะเลย
เธอไม่เข้าใจฉันหรอก หากคนข้างกายสว่างเกินไปมันจะทำให้ฉันยิ่งไร้แสงประดับกายมากขึ้น
ฉันหลับตาพริ้ม ถึงแม้ฉันจะต้องใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างอกสั่นขวัญแขวน เพราะการขู่เข็ญและตามล่าของแม่เลี้ยง คุณแม่ฉันจึงต้องพาฉันหลบซ่อนไปทั่ว ทว่าคุณแม่ฉันก็ยังคงเห็นคุณค่าของการศึกษาฉัน ท่านส่งฉันเข้าเรียนพิเศษหลายด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเรียนเต้นรำ และท่านก็เต้นเก่งด้วย จึงสอนฉันเต้นเป็นประจำ
หลังจากที่คุณแม่เสียชีวิต ฉันก็ไปเต้นในโรงเรียนสอนเต้นรำของเพื่อนท่าน แต่ฉันไม่ใช่นักเรียนฝึกเต้นนะ ฉันเป็นผู้ช่วยของครูสอนเต้น หารายได้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก แม้แต่เฉียวอี้ฉันก็ไม่ได้บอก เพราะถ้าฉันบอกเธอว่าฉันขาดสนเงินทอง เธอก็จะเอาธนบัตรเป็นปึกๆ มาให้ฉันทันที
คุณพ่อไม่ค่อยอยู่เมืองฮวา ดังนั้นคิดจะเอาเงินจากพ่อบ้านนั้นยากคูณสองเลย ทุกครั้งที่คุณพ่อถามฉันว่าเงินพอใช้ไหม ฉันก็จะตอบว่าพอใช้เสมอ
ฉันยืดตัวตรง เดิมทีคิดจะหลบอยู่ไปอยู่ในมุมหนึ่ง ทว่าสายตาอันเหยียดหยามมากมายกระตุ้นให้ฉันแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา
ฉันก้าวเท้าไปยังสีชิงชวน ก่อนจะยื่นมือของตัวเองไว้ที่ฝ่ามือของเขา
เขาปรายตามองฉันปราดหนึ่งอย่างเรียบเฉย ต่อด้วยการโอบแขนไปรอบเอวบางของฉัน ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “เต้นจังหวะวอลซ์เป็นไหม?”
ความสามารถพิเศษที่สุดแสนพิเศษของฉันก็คือเวียนนิสวอลซ์ คุณแม่ของฉันมักจะชมฉันติดปากว่าฉันเต้นรำได้ปราดเปรียวราวกับนกยูงตัวหนึ่ง
เสียงดนตรีอันรื่นรมย์ใจบรรเลงต่อไปเรื่อยๆ ฉันเงี่ยหูฟังชั่วครู่ ก่อนจะบอกเขาว่า “จังหวะวอลซ์หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าควิกวอลซ์”
เขาเลิกคิ้วแล้วใช้มือข้างที่ว่างจับมือฉัน พลางกดเสียงพูดข้างหูฉันว่า “หวังว่าคุณจะเต้นได้ดีเหมือนที่พูดเก่งในตอนนี้นะ”
เขาไม่เชื่อว่าฉันเต้นเป็น ทว่าก็ไม่ได้ผลักฉันออก นับว่าเป็นบุญของฉันแล้วละ
ฉันแค่เต้นตามจังหวะของสีชิงชวนไม่กี่ก้าว แววตาของสีชิงชวนก็เปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง และไม่ใช่เขาคนเดียวเท่านั้น ทุกคนในงานก็มีความรู้สึกเดียวกัน รวมทั้งเฉียวอี้ก็ไม่คิดว่าฉันจะเต้นได้ดีขนาดนี้ด้วย
ฉันกับสีชิงชวนวาดลวดลายการเต้นอยู่กลางห้องโถง ฉันเห็นสีหน้าที่แตกต่างไปของแต่ละคน
สีหน้าของเซียวซือกับแม่เลี้ยงนั้นเป็นไปในลักษณะเดียวกันคือตกตะลึง ส่วนสีหน้าของคุณแม่สีนั้นคลุมเครือ อ่านใจไม่ออก จากนั้นก็เห็นใบหน้าริษยาของพี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รอง มีเพียงเฉียวอี้คนเดียวที่ยกหัวแม่มือให้ฉัน
ฉันหันหน้าไปแล้วโน้มตัวอย่างงดงาม และตอนที่สีชิงชวนก้มหน้าตามจังหวะการเต้นของฉัน ฉันพูดเสียงเบากับเขาว่า “คุณเต้นผิดไปหนึ่งสเต็ป ฉันช่วยคุณแก้ไขให้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...