หนีอีโจวเป็นคนโง่หรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่เรื่องนี้ที่ทำไปมันค่อนข้างรุนแรงจริงๆ ที่สีชิงชวนพูดมันฟังดูมีเหตุผลทุกคำ เขายกสิทธิ์ในการเลือกให้ฉัน ซึ่งมันทำให้ฉันปวดหัวได้ไม่หยุดจริงๆ
ถ้าฉันไม่ยอมมอบอำนาจให้หนีอีโจว งั้นถ้าแพ้คดีความขึ้นมา ถึงตอนนั้นหนีอีโจวคงเป็นทนายไม่ได้อีก อนาคตเขาดับแน่นอน หรือฉันจะต้องฝืนใจบอกว่าฉันเป็นคนมอบอำนาจให้หนีอีโจวฟ้องสีชิงชวนเองเหรอ?
ในใจฉันรู้สึกสับสนวุ่นวาย เหมือนกับสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่มีต้นหญ้าสูงยาวแห่งหนึ่งที่อยู่ๆ ก็มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งลงมาจอด ลมจากใบพัดพัดต้นหญ้าบนสนามหญ้าจนมันยุ่งเหยิงไปหมด
สีชิงชวนนวดให้ฉันเสร็จและออกจากห้องฉันไปเมื่อไหร่ฉันก็ยังไม่รู้ ฉันนอนคว่ำคนเดียวอยู่นานจนคอแข็งจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง คิดไปคิดมาก็โทรไปหาหนีอีโจว
เขากำลังยุ่ง น้ำเสียงที่พูดออกมาเหมือนกำลังใช้ไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้กับแก้ม “ฮัลโหล เซียวเซิง”
“คุณยุ่งอยู่เหรอ?”
“ประชุมเล็กๆ น่ะ”
“งั้นอีกแป๊บหนึ่งฉันค่อยโทรไปดีกว่า”
“ไม่เป็นไร ผมออกมาคุยกับคุณข้างนอก”
ฉันเดินออกไปมองที่ประตูอย่างกล้าๆ กลัวๆ สีชิงชวนไม่ได้อยู่ด้านนอก ฉันจึงล็อกประตูจากด้านในแล้วหลบเข้าไปในห้องนอน น้ำเสียงของหนีอีโจวกลับมาเป็นปกติแล้ว “ฮัลโหล เซียวเซิง”
“คุณฟ้องหย่าสีชิงชวนในนามของฉันเหรอ?”
“อืม คุณรู้แล้วเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ “ใช่ ครั้งก่อนเราคุยกันเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“คุยกันเมื่อไหร่?”
“ไม่เหรอ เซียวเซิง ช่วงนี้คุณเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“เดี๋ยวนะ อีโจว” ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณแค่พูดขึ้นกับฉัน แต่ฉันยังไม่ได้ตกลงเลย”
“คุณลังเลแล้วใจอ่อนตลอด นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด คุณไม่ได้ต้องการไปจากสีชิงชวนเหรอ? คุณอยากอยู่ข้างๆ เขาแบบไม่มีเกียรติแบบนี้เหรอ?”
ฉันไม่ได้คิดว่าจะอยู่ข้างกายสีชิงชวน แต่มันก็ไม่ได้นับว่าไม่มีเกียรติสักหน่อย ถึงสีชิงชวนจะไม่ใช่คนอบอุ่นและเอาใจใส่อะไรสักเท่าไหร่ แต่หลายๆ เรื่องที่ทำช่วงนี้มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมนัก เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรฉัน
“อีโจว เรื่องของสีชิงชวนกับป๋ออวี่มันไม่ใช่แบบที่พวกเราคิด ฉันเข้าใจผิดตั้งแต่แรก ความสัมพันธ์ของเขากับป๋ออวี่มันไม่ใช่แบบนั้น”
“ ใครบอกคุณ? ผู้ช่วยของเขาหรือเขาบอกเอง? เซียวเซิง ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าคุณเป็นคนเชื่อคนง่าย นี่มันเป็นการเดินเกมของพวกเขา ให้ป๋ออวี่มาเคลียร์กับคุณก่อน แล้วสีชิงชวนก็ค่อยใช้บุญคุณและความน่าเกรงขามกับคุณไปพร้อมๆ กัน”
“ไม่” ฉันปวดทั้งหัว ปวดทั้งหลัง “เอาเป็นว่าคุณถอนฟ้องซะ ไม่ต้องฟ้องร้อง ไม่งั้นถ้าคุณชนะสีชิงชวนไม่ได้ คุณก็เป็นทนายต่อไปไม่ได้”
“ผมจะแพ้ได้ไง? ก็มันเป็นเพราะว่าผมมีความเชื่อมั่นว่าผมจะชนะไงผมถึงได้ฟ้องเขา”
“แต่ฉันไม่ได้มอบอำนาจให้คุณ คุณทำไปโดยที่ฉันไม่รู้ อ้อใช่ คุณใช้ชื่อฉันได้ยังไง ไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้ลายเซ็นที่ฉันเป็นคนเซ็นเองไม่ใช่เหรอ?”
“เฉียวอี้เอาตราประทับของคุณให้ผม”
เฉียวอี้ยัยคนสมองเลอะเลือน เดี๋ยวฉันจะด่าเธอให้เข็ดเลยคอยดู
“ยังไม่ได้ผ่านการยินยอมจากฉัน ถ้าสีชิงชวนให้ฉันขึ้นศาลไปเป็นพยาน คุณจะลำบากเอาได้”
“ถ้างั้น” หนีอีโจวเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “คุณจะไปเหรอ?”
นี่มันเป็นสอบปากคำด้วยการทรมานจิตใจชัดๆ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรตอบยังไง
“ใช่ พี่เสี่ยวฉวนช่วยเธอฟ้องหย่า แล้วก็แบ่งสมบัติสีชิงชวนให้ด้วยครึ่งหนึ่ง แค่คิดก็สุดยอดละ” เธอดูจะตื่นเต้นมากจนฉันอยากจะเตะเธอให้ตายคาตีน
“เธอคิดว่าหนีอีโจวทำถูกเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ เธอไม่ได้อยากไปจากสีชิงชวนมาตลอดเหรอ พอดีเลย ตอนนี้มีเรื่องดีๆ นี่มาพอดี พี่เสี่ยวฉวนเนี่ยเก่งจริงๆ ใช้โอกาสได้เก่งมากเลย”
“เฉียวอี้” ฉันล่ะอยากจะโบกเธอสักทีจริงๆ แต่มันติดตรงที่เราคุยโทรศัพท์กันอยู่ ฉันจึงทำได้เพียงคุยกับเธอดีๆ “เธอคิดว่าที่หนีอีโจวทำมันไม่แปลกเลยสักนิดเหรอ?”
“เธอไปอะไรไปเซียวเซิง?”
“เธอลองคิดดูนะ ไม่ว่าเรื่องของสีชิงชวนกับป๋ออวี่จะจริงหรือไม่จริง แต่พวกสื่อเพิ่งแฉออกมาได้ไม่เท่าไหร่ หนีอีโจวก็ใช้เหตุผลนี้มาโจมตีสีชิงชวนแล้ว เธอไม่รู้สึกว่ามันดูต่ำไปหน่อยเหรอ?”
“ทำไมล่ะ?”
“การโจมตีคนอื่นมันไม่ควรใช้เรื่องส่วนตัวและจุดอ่อนของคนอื่นมาโจมตี ถึงฉันกับสีชิงชวนจะไม่ใช่สามีภรรยากันแบบปกติทั่วไป แต่เราไม่ได้มีความโกรธแค้นอะไรกัน ฉันทำแบบนี้จะทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างหนัก ไม่ว่าฉันจะชนะหรือว่าแพ้ ชื่อเสียงของสีชิงชวนก็จะเสียหายอยู่ดี ดูภายนอกก็เหมือนไม่มีอะไร แต่เธอไม่รู้สึกบ้างเหรอว่าที่หนีอีโจวทำแบบนี้มันไม่เหมาะ?”
ปลายสายของเฉียวอี้เงียบเสียงลง เธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องคุณธรรมอะไรแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร และความสามารถในการรับรู้ยังช้าอีกด้วย
เดาว่าเธอคงกำลังขบคิดอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “ก็ดูมีเหตุผลอยู่ แต่ทนายก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ต้องมีความรู้สึกในการรับกลิ่นที่รวดเร็วและหลักแหลม เมื่อจับจุดอ่อนของศัตรูได้ก็จะโจมตีทันที”
“มันดูต่ำไปหน่อย ฉันมองว่าทุกสาขาอาชีพต้องมีการควบคุมจรรยาบรรณ หนีอีโจวเอาเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์แบบนี้ มันทำให้ฉันไม่สบายใจ” ฉันถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง “สารภาพกับเธอตามตรงนะ ของขวัญนั่นฉันเป็นคนมอบให้ป๋ออวี่โดยสวมรอยชื่อของสีชิงชวนเอง เลขาของป๋ออวี่คิดว่าเป็นของขวัญที่มอบให้กับภรรยาของประธานกรรมการบริหาร เรื่องนี้ฉันเป็นคนก่อขึ้นมาเอง อีกอย่าง เรื่องทั้งหมดมันเป็นความเข้าใจผิดของฉัน สีชิงชวนกับป๋ออวี่ไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“จริงเหรอ?” เฉียวอี้นี่คล้อยตามได้ง่ายจริงๆ แค่วินาทีเดียวก็หันเหมาทางฉันอีกแล้ว “ฉันก็ว่าตาสีชิงชวนเนี่ย ฮอร์โมนเพศชายพลุ่งพล่านขนาดนั้น จะเป็นเกย์ได้ไง”
“ยังไงเธอก็ช่วยฉันโน้มน้าวหนีอีโจวหน่อยแล้วกัน ไม่งั้นไปกระตุกหนวดสีชิงชวนเข้า เขาทำอะไรไว้ก็คงต้องรับผลที่ตามมาด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...