พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 185

ฉันโมโหเฉียวอี้จนแทบบ้า อยากจะถีบเธอสักทีจริงๆ

ฉันจ้องหน้าสีจิ่นยวน “นายถามคำถามอะไร นายสนใจด้วยเหรอว่าฉันเคยมีความรักไหม?”

“ก็แค่ถาม ความจริงความกล้าไง ก็ต้องถามอะไรที่มันสำคัญๆ อยู่แล้ว”

“อะไรที่สำคัญมันไม่ควรจะเป็นคำถามที่ว่าฉันมีเงินออมอยู่เท่าไหร่เหรอ?”

“ผมไม่ได้จนกว่าพี่ ผมไม่แคร์ว่าพี่จะมีเท่าไหร่” สีชิงชวนตอบด้วยท่าทางลำบากใจ ใช่สิ เขาเป็นลูกมหาเศรษฐีนี่ พี่ชายเขาเป็นเจ้าสัวทางการเงิน คุณชายมหาเศรษฐีที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เด็กจะขาดแคลนเงินได้ไง?

“เซียวเซิง ไม่ใช่ว่าเธอแคร์ความคิดของสีชิงชวนหรอกใช่ไหม เขาไม่ได้แคร์สักหน่อย” เฉียวอี้ดื่มต่อ แต่ฉันแย่งแก้วของเธอมา ทำให้เธอดื่มต่อไม่ได้อีกแล้ว

“บอกว่าอย่าพูดถึงหนีอีโจว ตอนนี้เหมือนสีชิงชวนจะโกรธแล้วด้วย”

“โกรธก็โกรธสิ สีชิงชวนนี่ขี้น้อยใจจริง พี่เสี่ยวฉวนเป็นทนายนะ การหาจุดอ่อนของเขามาใช้ว่าความมันเป็นสัญชาตญาณในหน้าที่การงาน เขาเอาคืนก็ได้นี่!”

เฉียวอี้และสีจิ่นยวนไม่มีท่าทีกังวล ฉันถอดรองเท้าแตะแล้วตีเธอ “เธอบื้อหรือเปล่า ถ้าสีชิงชวนเอาคืนจริงๆ เธอคิดว่าหนีอีโจวจะรับมือได้เหรอ?”

“เพราะงั้น เธอกำลังปกป้องพี่เสี่ยวฉวนงั้นสิ?” เฉียวอี้อมลูกชิ้นเนื้อวัวลูกหนึ่งไว้ในปากจนแก้มเธอปูดโปนขึ้นมาเหมือนกับหนูแฮมสเตอร์แสนโง่เง่า

ฉันคร้านจะต่อความยาวสาวความยืดกับเธอจึงเช็ดปากและเดินตามออกไป

สวนดอกไม้ที่บ้านเฉียวอี้กว้างมาก แบ่งเป็นสวนทางทิศตะวันออกและสวนทางทิศตะวันตก ในสวนปลูกดอกไม้ที่ชื่อเสียงโด่งดังและมีราคามากมาย

ไม่ใช่ว่าแม่ของเฉียวอี้จะชอบดอกไม้ แต่เธอคิดว่าปลูกดอกไม้ล้ำค่าและมีชื่อเสียงไว้ในสวนให้เต็มจะทำให้ดูมีเกรด

แม่ของฉันชอบปลูกดอกไม้ ในบ้านปลูกดอกไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีราคามากมาย มีส่วนหนึ่งที่ย้ายมาจากแปลงปลูกดอกไม้ที่บ้านของฉัน

ดังนั้นในสวนดอกไม้บ้านเฉียวอี้มีเงาของคุณแม่ของฉันอยู่ ฉันชอบมาที่นี่มาก ทุกครั้งที่มาที่บ้านของเฉียวอี้ก็จะมานั่งเล่นในสวนดอกไม้นานเป็นชั่วโมง

ฉันเดินหาสีชิงชวนที่แปลงปลูกดอกไม้ในสวนทางทิศตะวันออก เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน ฉันคิดว่าเขากำลังสูบบุหรี่เสียอีก แต่เขาทำแค่นั่งไม่มีอะไรทำอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว

ด้านหลังเขามีโคมไฟประดับสวนอยู่ดวงหนึ่ง มันส่องฉายภาพเงาอันทรงพลังของเขาลงบนพื้น

ฉันเดินเข้าไปและพูดขึ้น “ตรงนี้มียุงนะ”

เขาหันกลับมามองฉันแวบหนึ่ง “มาสูดอากาศในสวนน่ะ ทั้งตัวมีแต่กลิ่นหม้อไฟ”

ฉันลืมไปเลยว่าสีชิงชวนมีนิสัยรักความสะอาดอยู่นิดหน่อย ฉันมองข้างล่างก้นของเขา “ฉันคิดว่าเวลาคุณนั่งบนเก้าอี้หินนี่คุณจะรองก้นด้วยผ้าเช็ดหน้าซะอีก”

เขาไม่ได้ตอบฉัน และฉันก็เห็นว่าบนโต๊ะหินมีกล่องบุหรี่ของเขาวางอยู่บนนั้น ซิการ์มวนหนึ่งถูกดึงออกมาแล้วแต่มันกลับไม่ได้ถูกจุดไฟสูบ

“ทำไมไม่สูบบุหรี่ล่ะ? ฉันคิดว่าคุณจะออกมาสูบบุหรี่ตรงนี้ซะอีกนะ”

ถึงสีชิงชวนจะไม่ได้ติดบุหรี่ แต่บางครั้งวันหนึ่งฉันก็จะเห็นเขาสูบอยู่บ้างประมาณหนึ่งถึงสองมวน ไม่ได้เยอะแยะอะไร

สีชิงชวนรู้จักการควบคุมและจำกัดให้อยู่ในเกณฑ์ ไม่มีอะไรที่เขาควบคุมไม่ได้

“ดอกไม้ที่นี่หอมมาก” เขาสูดหายใจเข้า “ไม่อยากให้กลิ่นบุหรี่ไปรบกวนพวกมัน”

ทันใดนั้นส่วนที่อ่อนโยนที่สุดในใจฉันก็ถูกกระตุ้นขึ้น ฉันมองจอมโหดที่อยู่ตรงหน้า มีความรู้สึกที่สุดแสนจะซับซ้อนทั้งยังอธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจ

สีชิงชวนดูเป็นคนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่จริงๆ แล้วส่วนลึกในใจเขากลับมีส่วนที่ละเอียดอ่อนอยู่มาก

ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาและเท้าคางสัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ไปกับเขา

ทันใดนั้นเขาก็ถามฉันขึ้น “นี่ดอกอะไร คุณรู้ไหม?”

“ดอกราตรี” ฉันตอบ

“ดอกราตรีที่เติ้งลี่จวินร้องน่ะเหรอ?”

“ดอกราตรีมีแค่แบบนี้ ถ้าดอกราตรีที่เติ้งลี่จวินร้องเป็นดอกไม้ งั้นก็คงอันนี้แหละ”

สีชิงชวนหันกลับไปมองดอกไม้ในแปลงปลูกดอกไม้พวกนั้น “ที่แท้ดอกราตรีก็เป็นแบบนี้นี่เอง เหมือนดอกแดฟโฟดิลเลย”

“คุณรู้จักดอกแดฟโฟดิลด้วยเหรอ เหลือเชื่อจริงๆ”

ฉันเดินบิดไปบิดมา มันเจ็บจนต้องร้องออกมา สีชิงชวนที่เดินอยู่ข้างๆ ฉันหันมามองฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

ฉันเดินโขยกเขยกไปข้างหน้าอย่างไม่มั่นคง แต่สีชิงชวนก็พยุงฉันไว้อย่างรวดเร็ว “ถ้าจะเจ็บขนาดนี้ก็ใส่รองเท้าเดินเถอะ”

“ถึงจะเจ็บไปนิด แต่พอกลับไปมันก็จะสบายนะ เดินแบบนี้มันจะไปช่วยกระตุ้นจุดต่างๆ ใต้ฝ่าเท้า ได้ผลเหมือนการนวดเลย คุณก็ลองถอดรองเท้าเดินดูบ้างสิ”

“ผมไม่เอาด้วยหรอก” เขาปฏิเสธเสียงเฉียบขาด

“ลองหน่อยน่า นวดฝ่าเท้ายังไม่ได้ผลดีแบบนี้เลย”

“ผมไม่เคยนวดฝ่าเท้าอยู่แล้ว ไม่ชอบให้ผู้หญิงมานวดขึ้นนวดลงอยู่ที่เท้าผม”

“นวดฝ่าเท้าไม่ได้มีแค่หมอนวดผู้หญิงนะที่นวดอะ ผู้ชายก็มี”

“เวลาแบบนี้จำเป็นต้องมาจับผิดกันไหม?”

ฉันไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับเขา ฉันจึงคุกเข่าลงและใช้มือตบไปที่ข้อเท้าของเขา “ถอดรองเท้า ยกเท้าขึ้นๆ”

“ไม่เอา”

“คุณคงไม่ได้กลัวหรอกใช่ไหม?” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ปกติเขาก็สูงอยู่แล้ว พอมองแบบนี้แล้วอย่างกับยักษ์แน่ะ

“วิธียั่วยุใช้ไม่ได้ผลหรอก”

“ฉันว่าคุณก็แค่กลัว คุณกลัวเจ็บ”

ระยะห่างค่อนข้างไกล ฉันจึงมองเห็นสีหน้าเขาไม่ชัด แต่ในที่สุดเขาก็ยอมถอดรองเท้าออกและเหยียบลงไปบนทางเดินหินด้วยเท้าเปล่าเปลือย

เราถือรองเท้าเดินไปข้างหน้า เขาตัวสูงใหญ่จึงมีน้ำหนักกระดูกเยอะ และยิ่งน้ำหนักเยอะก็จะยิ่งเจ็บ

เขาเดินได้ช้ามาก ฉันหันกลับไปมองเขา “เจ็บก็แค่ร้องออกมา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)