สีชิงชวนจับนิ้วฉันไปพลิกดูไปมา “ผมกัดนิ้วคุณจนได้แผลเลยเหรอ? คุณร้องซะแรงเลย”
ฉันรีบชักนิ้วตัวเองกลับมาแล้วซ่อนมือไว้ข้างหลังทันที
เซียวซือนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามฉันนี่เอง ทุกความเคลื่อนไหวของพวกเราก็อยู่ในสายตาเธอทั้งนั้น
ถูกเธอมองอยู่อย่างนั้น มันทั้งไม่สบายใจและร้อนใจ ทั้งยังมีความรู้สึกเหมือนกำลังทำเรื่องน่าละอาย
ฉันพบว่าเมล็ดผลไม้ที่ฉันทานเมื่อครู่ถูกสีชิงชวนห่อเอาไว้ด้วยกระดาษทิชชู ฉันคิดว่าเขาจะทิ้งมันลงถังขยะไป แต่เขากลับยัดมันลงกระเป๋า
ฉันถามเขา “ทำไมไม่ทิ้งไปล่ะ ในรถก็มีถังขยะ”
“ผมจะเอามันไปปลูกในสวน มันอาจจะงอกก็ได้ โตขึ้นเป็นต้นเล็กๆ มีลูกดกๆ”
“คุณสนใจเรื่องสวนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“แบบนั้นคุณจะได้กินผลไม้นี่ได้ทุกวันไง” เขากะพริบตามองฉันปริบๆ ยังกลางวันแสกๆ แต่ฉันรู้สึกเหมือนในดวงตาเขามีดวงดาวอยู่ในนั้นเลย
คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว ฉันกระซิบข้างหูเขาเบาๆ “การโปรโมตของคุณมันดูจะพยายามมากเกินไปหรือเปล่า?”
“ชิงชวน” จู่ๆ เซียวซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามเราและมองเราด้วยสายตาเย็นชาอยู่ตลอดเวลาก็พูดขึ้น “คุณไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งเอียงตัวคุยกับเซียวเซิงตลอดแบบนี้มันอันตรายนะ”
“อีกแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว” สีชิงชวนบอก
อีกไม่นานก็จะถึงรีสอร์ตแล้ว วิวที่เกาะสุริยานี่สวยมากจริงๆ แถมยังมีตำแหน่งภูมิประเทศที่ดีมากด้วย วิลล่ามีส่วนหนึ่งที่สร้างบนเนินเขาใกล้ทะเล และมีบางส่วนที่สร้างบนเนินเขาครึ่งหลังที่สูงขึ้นไปอีก
เพิ่งจะได้วางฐาน ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ฉันอยากรอจนถึงวันที่ทุกอย่างสร้างเสร็จแล้วตื่นเช้าขึ้นมาและเปิดหน้าต่างออก จากนั้นก็มองเห็นท้องทะเลสีครามนี่ พร้อมกับลมทะเลที่เย็นสบายพัดมา มันคงเป็นวันหยุดพักผ่อนที่สร้างความสุขให้ฉันมากแน่ๆ
มาถึงก็เที่ยงพอดีและแดดก็แรงมาก ไม่รู้ว่าสีชิงชวนเสกร่มมาจากไหน เขากางมันไว้บนหัวฉัน
“เซียวซือไม่ได้เอาร่มมา” ฉันบอกสีชิงชวน
“ที่ป๋ออวี่มี” สีชิงชวนยื่นมือออกมาดึงฉันไปยืนข้างๆ เขา “คุณชอบตากแดดเหรอ? แดดที่เกาะนี้แรงมากนะ ตากนานๆ รับรอง ผิวลอกแน่”
ป๋ออวี่กางร่มคันหนึ่งออกแล้วกางให้กับเซียวซือ
เซียวซือเอ่ยขอบคุณป๋ออวี่อย่างมีมารยาท ฉันเดินย่ำทรายแล้วหดตัวอยู่ในโลกที่แสนร่มเย็นที่สีชิงชวนสร้างไว้ให้แล้วค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ผ่านหาดทรายนี้ไปก็จะเป็นเขตของวิลล่า
ทรายบนเกาะสุริยาเป็นหาดทรายสีทอง เม็ดทรายล้วนมีสีทองราวกับทองคำที่ส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ ถ้าไม่เคยเจอโลกกว้างมาก่อนก็คงอยากเอาถังมาตักทรายนี่กลับไปด้วยแน่นอน
ฉันใส่รองเท้าส้นสูงมา เดินได้ไม่กี่ก้าวทรายก็เข้าไปในรองเท้าของฉัน มันเสียดฝ่าเท้าจนฉันทั้งคันทั้งเจ็บ
ฉันหยุดฝีเท้าลง สีชิงชวนที่ถือร่มอยู่จึงหันกลับมามองฉัน “ทำไมเหรอ?”
“ทรายเข้ารองเท้า” ฉันจับแขนสีชิงชวนไว้ จากนั้นก็ถอดรองเท้าส้นสูงเอามาถือไว้ในมือซะเลย
“ทรายมันจะเสียดเท้าเอานะ” เขาเตือนฉัน
“ไม่เป็นไร เดินได้”
สีชิงชวนขมวดคิ้วมองฉัน ทันใดนั้นเขาก็ก้มตัวมาอุ้มฉันในท่าเจ้าสาว
“เฮ้ย!” ฉันดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่สบายใจ “คุณปล่อยฉันลงนะ ฉันเดินเองได้”
“อยู่นิ่งๆ อย่าดิ้น คุณกางร่มไป”
เซียวซือที่เดินอยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงของพวกเราจึงหันกลับมามองฉัน ทันทีที่เธอเห็นว่าฉันถูกสีชิงชวนอุ้มอยู่ในอ้อมแขน ฉันกล้ารับรองได้เลยว่าฉันเห็นว่าสายตาเธอฉายแววหงอยเหงาออกมาแวบหนึ่ง
ฉันถือร่มไว้ในมือแล้วกัดหูสีชิงชวน “ขอร้องล่ะ คุณช่วยห่วงความรู้สึกของเซียวซือสักหน่อยเถอะ”
“ทำไม?”
“ทำไมอะไร? หรือเราไม่ควรจะห่วงความรู้สึกเธอสักนิดเลยเหรอ?”
“แล้วทำไมต้องควรห่วงความรู้สึกของเธอ?”
หมายความว่าไง? หรือว่าสีชิงชวนไม่ได้ชอบเซียวซือแล้วเหรอ?
มีความเป็นไปได้นี้ไหม? แต่สีชิงชวนเป็นคนที่มักจะมองไปข้างหน้า เขาจะไร้เยื่อใยกับแฟนเก่าแบบนั้นด้วยหรือเปล่า?
ฉันเงยหน้าขึ้นมองคางของสีชิงชวน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าฉันมองเขาได้ไม่ชัดเลยสักนิด
ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเขารักง่าย แต่จู่ๆ ตอนนี้ฉันกลับคิดว่าเขาไร้เยื่อใยมาก
เมื่อเดินผ่านหาดทรายอันกว้างใหญ่มาได้แล้ว ฉันก็บอกให้สีชิงชวนปล่อยตัวฉันลง
เขารับรองเท้าส้นสูงในมือฉันไปแล้วนั่งลงยองๆ ข้างหน้าฉัน ประคองเท้าฉันขึ้นแล้วใส่รองเท้าให้ฉันอย่างเบามือ จากนั้นก็บีบข้อเท้าฉันและเงยหน้าขึ้นมามอง “ผู้หญิงชอบใส่รองเท้าส้นสูงที่มีส้นแหลมแบบนี้กันหมดเหรอ? คุณชอบใส่หรือว่ามันจำเป็นต้องใส่?”
ฉันขยับเท้าตัวเองออกด้วยความรู้สึกปั่นป่วน “เซียวซือกับป๋ออวี่เดินนำไปข้างหน้าแล้ว เรายังอืดอาดยืดยาดอยู่ข้างหลังอยู่เลย”
“ไม่ได้มาแข่งวิ่งเร็วสักหน่อย” เขาบอก “คุณได้เอารองเท้าคู่อื่นมาบ้างไหม?”
“อยู่ในกระเป๋าเดินทาง”
“ทางข้างหน้ามันเดินลำบาก ถ้าคุณใส่รองเท้าส้นสูงมันจะลำบากมาก”
“แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้” ฉันมองไปข้างหน้า เซียวซือและป๋ออวี่ทิ้งเราไปแล้ว ตลอดทางมักจะรู้สึกว่าฉันและสีชิงชวนใช้คารมหลอกลวงกันอยู่นิดหน่อย
เพราะฉันกับสีชิงชวนเดินกันช้ามาก หัวหน้างานและวิศวกรที่เห็นพวกเราจึงวิ่งมาทางพวกเรา
“คุณสี คุณมาพอดีเลย ทางโน้นเถียงกันเกี่ยวกับแปลนอุปกรณ์ควบคุมเพลิงนิดหน่อย คุณช่วยมาดูให้หน่อยสิครับ”
สีชิงชวนทิ้งร่มไว้ในมือฉัน “ทางนั้นมีต้นไม้ใหญ่ คุณไปรออยู่ใต้ต้นนั้นแป๊บนะ อีกสักพักเดี๋ยวผมไปหา”
ฉันเดินถือร่มไปหาต้นไม้ใหญ่เพื่อหลบแดด ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น ฉันหยิบขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นหนีอีโจวที่โทรเข้ามา
ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับแล้วนำมาแนบหูไว้ “ฮัลโหล อีโจว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...