คืนนี้ฉันนอนหลับไม่ค่อยสนิทราวกับเป็นเด็กทารก
ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกอยู่ตลอดเวลา ช่วงสองสามครั้งแรกที่ตื่นขึ้นมาสีชิงชวนยังคงอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ ฉันเหมือนเดิม ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างเงียบๆ ภายใต้แสงไฟที่อบอุ่นนุ่มนวล ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมากเช่นกัน
ท่าทางที่เขาก้มหน้าอ่านเอกสารนั้นดูหล่อมาก ใจของฉันเต้นแรงราวกับพายุคลื่นทะเลที่โหมซัดสาดเสียงดัง
แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากนั้นอีกที ไฟก็ดับลงแล้ว สีชิงชวนกำลังนอนอยู่ข้างๆ ฉัน
ฉันยื่นมือออกไปอังหน้าผากของเขาเพื่อดูว่าเขายังมีไข้อยู่หรือเปล่าอยู่บ่อยๆ เขายังตัวร้อนอยู่นิดหน่อย
“คุณอยากดื่มน้ำหน่อยไหม? ” ฉันถามเขา
เขาขยับตัวแล้วดึงฉันลงไปนอน
เช้าวันถัดมาเมื่อฉันตื่นขึ้นมา สีชิงชวนก็ตื่นอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเปิดกว้างมองมาที่ฉัน
ฉันตกใจ “ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกฉัน? ”
“ตื่นแล้วทำไมต้องเรียกคุณด้วย? ”
เขามักจะย้อนถามฉันเรื่องนี้อยู่เสมอ ฉันลองถามหลายครั้งแล้วมันเป็นแบบนี้ทุกครั้งจริงๆ
ฉันเอามืออังหน้าผากของเขาดู “เหมือนตัวจะไม่ค่อยร้อนแล้ว”
“อืม” เขายืดเอวบิดขี้เกียจ “ผมไปทำงานนะ”
“นี่ คุณยังไม่หายดีเลยนะ มันก็แค่ไม่มีไข้ชั่วคราวเท่านั้น” เขาต้องสู้ชีวิตขนาดนี้เลยเหรอ?
“ผมว่าตัวเองหายดีแล้ว” เขาทำท่าจะลงจากเตียง ฉันจึงกดเขาลงบนเตียง “เมื่อวานคุณก็ประชุมเสร็จไปแล้วนี่? ทำไมวันนี้ต้องรีบไปด้วย? ”
“ผมกลัวว่าพี่ใหญ่กับพี่รองของผมจะทำบริษัทเจ๊งเอาได้” พอเขาพูดออกมาทีก็โหดร้ายขนาดนี้เลย “เป็นพวกลูกคนรวยอยู่เงียบๆ ก็พอแล้ว ทำไมจะต้องอวดเก่งแสร้งทำเป็นอัจฉริยะทำผลงานอันยอดเยี่ยมด้วย”
“นี่ จะดีจะเลวยังไงพวกเขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของคุณนะ เกิดมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน คุณช่วยพูดให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม? ”
“พวกเขาเคยไปตรวจดีเอ็นเอไหม? ” สีชิงชวนยิ้มเยาะ “พวกเขาหน้าตาเหมือนผมสักนิดหนึ่งบ้างไหม? ”
พูดกันตามตรง พี่ใหญ่และพี่รองของสีชิงชวนหน้าตาไม่ค่อยเหมือนเขาจริงๆ อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่อะไร แต่เมื่อลองเปรียบเทียบหน้าตากับบรรยากาศรอบตัวดูแล้วพวกเขาดูค่อนข้างธรรมดาอยู่เล็กน้อย
“ทำไมจะต้องเหมือนคุณด้วย? เหมือนพ่อคุณก็โอเคแล้วไม่ใช่เหรอ? ” พี่ใหญ่กับพี่รองอาจจะได้ยีนด้อยของคุณพ่อสีมา มุมปากของพวกเขาคล้ายกันอยู่นิดหน่อย มุมปากค่อนข้างตกเล็กน้อย แต่สีชิงชวนค่อนข้างโตมาได้ดีกว่า เขาได้ยีนเด่นมา ปากของเขาเหมือนกับคุณแม่สี มุมปากเป็นเส้นโค้งเหมือนกระจับ
ทันใดนั้นเขาก็งอนิ้วดีดเข้ามาที่หน้าผากของฉัน “อย่าลืมว่าคุณเป็นภรรยาของใคร”
“เจ็บนะ” ฉันเอามือกุมหน้าและจ้องมองไปที่เขา
สีชิงชวนนี่ช่างเลือดเย็นไร้ความปรานีจริงๆ ออกแรงขนาดนี้ ฉันเจ็บมากนะ
ฉันล้างหน้าแปรงฟันเสร็จจากนั้นก็ไปส่องกระจก หน้าผากตรงที่ถูกเขาดีดยังเป็นรอยแดงอยู่เลย
ฉันเดินไปคิดบัญชีกับเขาด้วยความโกรธเคือง “คุณดูนี่ ตรงนี้บวมหมดแล้ว”
เขาชำเลืองตามอง “ไปทำยังไงมาล่ะ? ”
เขายังกล้ามาแสดงใส่ฉันอีกนะ
“คุณเป็นคนดีดไง! ยังจะแสดงอยู่อีก! ยังจะแสดงอยู่อีก!”
ฉันโยนหมอนใส่เขา จากนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปบริษัท
ฉันไม่ได้ไปที่บริษัทมาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว ฉันไม่เหมือนกับสีชิงชวน เขาเป็นเหมือนจิตวิญญาณของสีซื่อกรุ๊ป แต่ฉันเป็นแค่สิ่งโปร่งใส ถ้าไม่ไปให้บริษัทรับรู้ถึงการมีอยู่ของฉัน การมีอยู่ของฉันก็คงไม่มีหลงเหลืออยู่ที่บริษัทอีกเลย
ก่อนที่ฉันจะออกไป ฉันก็กำชับกับเซ่อเบธให้คอยดูเขาด้วย “ถ้าวันนี้เจ้านายของเธอออกไปทำงานละก็ คืนนี้กลับมาเขาก็คงไม่ใช่เจ้านายแล้ว”
เซ่อเบธมองมาที่ฉันอย่างจริงจัง “ตามที่ฉันรู้มา มนุษย์ยังแปลงร่างไม่ได้”
“เขาจะเปลี่ยนจากมีชีวิตอยู่กลายเป็นตายน่ะสิ”
เสียงของสีชิงชวนดังออกมาจากลำโพงที่ติดตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องรับแขก “อย่าสอนอะไรไม่ดีให้หุ่นยนต์ของผม”
ฉันโทรหาเฉียวอี้เพื่อบอกว่าฉันกำลังไปที่บริษัท
“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันรีบโบกมือเป็นพัลวัน จนปากกาที่อยู่ในมือกระเด็นหลุดออกจากมือไป
หนีอีโจวย่อตัวลงไปเก็บมันขึ้นมาและส่งคืนมาให้ฉัน “คุณยังเหมือนเดิมเลยนะ พอตึงเครียดขึ้นมาก็จะโบกมือ”
ฉันยิ้มให้เขาอย่างทำตัวไม่ถูก เขาจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาอ่อนโยน “เซียวเซิง คุณอาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำในเรื่องนี้มันอาจจะทำเกินไปหน่อย แต่ผมอยากบอกคุณว่าจริงๆ แล้วบางครั้งมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ” เขาเอ่ยออกมาช้าๆ แต่ก็จริงใจมาก “โลกใบนี้มันรับความใจดีของคุณไว้ไม่ได้”
ฉันกัดเล็บ เขาดึงมือฉันออกจากปาก “เซียวเซิง คุณควรจะรู้ไว้นะว่าเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องตัดสินใจในทันที คุณอยู่ข้างกายสีชิงชวน ชีวิตแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณ”
“ฉันรู้” เมื่อพูดถึงสีชิงชวน ฉันก็รู้สึกสับสนขึ้นมา “แต่มันยังไม่ถึงเวลา”
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา แม้ว่าตัวของสีชิงชวนจะไม่ได้มาที่นี่ แต่เขาก็โทรมา
ฉันเดินไปรับสายตรงหน้าต่าง เสียงของเขาฟังดูเหนื่อยหน่าย “ตอนเที่ยงจะกินอะไร? ”
“หืม? ” กินอะไรอะไร ฉันรู้สึกงงกับคำถามของเขา “ไม่รู้ว่าเฉียวอี้จะสั่งอะไรมา”
“ผมหมายความว่าพวกเราจะกินอะไร? ”
“สีชิงชวน ฉันจะกินข้าวเที่ยงที่บริษัท คุณก็กินของคุณไป ส่วนฉันก็จะกินของฉัน คุณให้ยัยเซ่อเบธช่วยสั่งอาหารให้คุณก็ได้”
“แต่ผมมีไข้อยู่น้า” ไม่นึกเลยว่าเขาจะแอ๊บแบ๊วด้วย เมื่อเช้าก็ไม่ใช่เขาหรือไงที่บอกว่าตัวเองหายแล้วจะไปบริษัท?
“คุณไข้ขึ้นอีกแล้วเหรอ? ”
“อื้ม” เขาตอบรับอย่างน่าสงสาร “คุณจะไม่กลับมาดูผมหน่อยเหรอ? ”
“ตอนนี้ที่บ้านมีใครอยู่บ้าง? ”
“ที่หายใจได้มีแค่ผมคนเดียว”
พอมาคิดดูแล้ว ถ้าตอนนี้สีชิงชวนกำลังไข้ขึ้น แล้วในบ้านมีแค่เซ่อเบธตัวเดียวคงไม่ดีแน่
แต่ฉันบอกกับหนีอีโจวไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่ของเขา ฉันจะเบี้ยวเขาได้ยังไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...