พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 221

คืนนี้ฉันนอนหลับไม่ค่อยสนิทราวกับเป็นเด็กทารก

ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกอยู่ตลอดเวลา ช่วงสองสามครั้งแรกที่ตื่นขึ้นมาสีชิงชวนยังคงอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ ฉันเหมือนเดิม ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างเงียบๆ ภายใต้แสงไฟที่อบอุ่นนุ่มนวล ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมากเช่นกัน

ท่าทางที่เขาก้มหน้าอ่านเอกสารนั้นดูหล่อมาก ใจของฉันเต้นแรงราวกับพายุคลื่นทะเลที่โหมซัดสาดเสียงดัง

แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากนั้นอีกที ไฟก็ดับลงแล้ว สีชิงชวนกำลังนอนอยู่ข้างๆ ฉัน

ฉันยื่นมือออกไปอังหน้าผากของเขาเพื่อดูว่าเขายังมีไข้อยู่หรือเปล่าอยู่บ่อยๆ เขายังตัวร้อนอยู่นิดหน่อย

“คุณอยากดื่มน้ำหน่อยไหม? ” ฉันถามเขา

เขาขยับตัวแล้วดึงฉันลงไปนอน

เช้าวันถัดมาเมื่อฉันตื่นขึ้นมา สีชิงชวนก็ตื่นอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเปิดกว้างมองมาที่ฉัน

ฉันตกใจ “ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกฉัน? ”

“ตื่นแล้วทำไมต้องเรียกคุณด้วย? ”

เขามักจะย้อนถามฉันเรื่องนี้อยู่เสมอ ฉันลองถามหลายครั้งแล้วมันเป็นแบบนี้ทุกครั้งจริงๆ

ฉันเอามืออังหน้าผากของเขาดู “เหมือนตัวจะไม่ค่อยร้อนแล้ว”

“อืม” เขายืดเอวบิดขี้เกียจ “ผมไปทำงานนะ”

“นี่ คุณยังไม่หายดีเลยนะ มันก็แค่ไม่มีไข้ชั่วคราวเท่านั้น” เขาต้องสู้ชีวิตขนาดนี้เลยเหรอ?

“ผมว่าตัวเองหายดีแล้ว” เขาทำท่าจะลงจากเตียง ฉันจึงกดเขาลงบนเตียง “เมื่อวานคุณก็ประชุมเสร็จไปแล้วนี่? ทำไมวันนี้ต้องรีบไปด้วย? ”

“ผมกลัวว่าพี่ใหญ่กับพี่รองของผมจะทำบริษัทเจ๊งเอาได้” พอเขาพูดออกมาทีก็โหดร้ายขนาดนี้เลย “เป็นพวกลูกคนรวยอยู่เงียบๆ ก็พอแล้ว ทำไมจะต้องอวดเก่งแสร้งทำเป็นอัจฉริยะทำผลงานอันยอดเยี่ยมด้วย”

“นี่ จะดีจะเลวยังไงพวกเขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของคุณนะ เกิดมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน คุณช่วยพูดให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม? ”

“พวกเขาเคยไปตรวจดีเอ็นเอไหม? ” สีชิงชวนยิ้มเยาะ “พวกเขาหน้าตาเหมือนผมสักนิดหนึ่งบ้างไหม? ”

พูดกันตามตรง พี่ใหญ่และพี่รองของสีชิงชวนหน้าตาไม่ค่อยเหมือนเขาจริงๆ อันที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่อะไร แต่เมื่อลองเปรียบเทียบหน้าตากับบรรยากาศรอบตัวดูแล้วพวกเขาดูค่อนข้างธรรมดาอยู่เล็กน้อย

“ทำไมจะต้องเหมือนคุณด้วย? เหมือนพ่อคุณก็โอเคแล้วไม่ใช่เหรอ? ” พี่ใหญ่กับพี่รองอาจจะได้ยีนด้อยของคุณพ่อสีมา มุมปากของพวกเขาคล้ายกันอยู่นิดหน่อย มุมปากค่อนข้างตกเล็กน้อย แต่สีชิงชวนค่อนข้างโตมาได้ดีกว่า เขาได้ยีนเด่นมา ปากของเขาเหมือนกับคุณแม่สี มุมปากเป็นเส้นโค้งเหมือนกระจับ

ทันใดนั้นเขาก็งอนิ้วดีดเข้ามาที่หน้าผากของฉัน “อย่าลืมว่าคุณเป็นภรรยาของใคร”

“เจ็บนะ” ฉันเอามือกุมหน้าและจ้องมองไปที่เขา

สีชิงชวนนี่ช่างเลือดเย็นไร้ความปรานีจริงๆ ออกแรงขนาดนี้ ฉันเจ็บมากนะ

ฉันล้างหน้าแปรงฟันเสร็จจากนั้นก็ไปส่องกระจก หน้าผากตรงที่ถูกเขาดีดยังเป็นรอยแดงอยู่เลย

ฉันเดินไปคิดบัญชีกับเขาด้วยความโกรธเคือง “คุณดูนี่ ตรงนี้บวมหมดแล้ว”

เขาชำเลืองตามอง “ไปทำยังไงมาล่ะ? ”

เขายังกล้ามาแสดงใส่ฉันอีกนะ

“คุณเป็นคนดีดไง! ยังจะแสดงอยู่อีก! ยังจะแสดงอยู่อีก!”

ฉันโยนหมอนใส่เขา จากนั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปบริษัท

ฉันไม่ได้ไปที่บริษัทมาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว ฉันไม่เหมือนกับสีชิงชวน เขาเป็นเหมือนจิตวิญญาณของสีซื่อกรุ๊ป แต่ฉันเป็นแค่สิ่งโปร่งใส ถ้าไม่ไปให้บริษัทรับรู้ถึงการมีอยู่ของฉัน การมีอยู่ของฉันก็คงไม่มีหลงเหลืออยู่ที่บริษัทอีกเลย

ก่อนที่ฉันจะออกไป ฉันก็กำชับกับเซ่อเบธให้คอยดูเขาด้วย “ถ้าวันนี้เจ้านายของเธอออกไปทำงานละก็ คืนนี้กลับมาเขาก็คงไม่ใช่เจ้านายแล้ว”

เซ่อเบธมองมาที่ฉันอย่างจริงจัง “ตามที่ฉันรู้มา มนุษย์ยังแปลงร่างไม่ได้”

“เขาจะเปลี่ยนจากมีชีวิตอยู่กลายเป็นตายน่ะสิ”

เสียงของสีชิงชวนดังออกมาจากลำโพงที่ติดตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องรับแขก “อย่าสอนอะไรไม่ดีให้หุ่นยนต์ของผม”

ฉันโทรหาเฉียวอี้เพื่อบอกว่าฉันกำลังไปที่บริษัท

“ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันรีบโบกมือเป็นพัลวัน จนปากกาที่อยู่ในมือกระเด็นหลุดออกจากมือไป

หนีอีโจวย่อตัวลงไปเก็บมันขึ้นมาและส่งคืนมาให้ฉัน “คุณยังเหมือนเดิมเลยนะ พอตึงเครียดขึ้นมาก็จะโบกมือ”

ฉันยิ้มให้เขาอย่างทำตัวไม่ถูก เขาจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาอ่อนโยน “เซียวเซิง คุณอาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำในเรื่องนี้มันอาจจะทำเกินไปหน่อย แต่ผมอยากบอกคุณว่าจริงๆ แล้วบางครั้งมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ” เขาเอ่ยออกมาช้าๆ แต่ก็จริงใจมาก “โลกใบนี้มันรับความใจดีของคุณไว้ไม่ได้”

ฉันกัดเล็บ เขาดึงมือฉันออกจากปาก “เซียวเซิง คุณควรจะรู้ไว้นะว่าเรื่องบางเรื่องก็จำเป็นต้องตัดสินใจในทันที คุณอยู่ข้างกายสีชิงชวน ชีวิตแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณ”

“ฉันรู้” เมื่อพูดถึงสีชิงชวน ฉันก็รู้สึกสับสนขึ้นมา “แต่มันยังไม่ถึงเวลา”

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา แม้ว่าตัวของสีชิงชวนจะไม่ได้มาที่นี่ แต่เขาก็โทรมา

ฉันเดินไปรับสายตรงหน้าต่าง เสียงของเขาฟังดูเหนื่อยหน่าย “ตอนเที่ยงจะกินอะไร? ”

“หืม? ” กินอะไรอะไร ฉันรู้สึกงงกับคำถามของเขา “ไม่รู้ว่าเฉียวอี้จะสั่งอะไรมา”

“ผมหมายความว่าพวกเราจะกินอะไร? ”

“สีชิงชวน ฉันจะกินข้าวเที่ยงที่บริษัท คุณก็กินของคุณไป ส่วนฉันก็จะกินของฉัน คุณให้ยัยเซ่อเบธช่วยสั่งอาหารให้คุณก็ได้”

“แต่ผมมีไข้อยู่น้า” ไม่นึกเลยว่าเขาจะแอ๊บแบ๊วด้วย เมื่อเช้าก็ไม่ใช่เขาหรือไงที่บอกว่าตัวเองหายแล้วจะไปบริษัท?

“คุณไข้ขึ้นอีกแล้วเหรอ? ”

“อื้ม” เขาตอบรับอย่างน่าสงสาร “คุณจะไม่กลับมาดูผมหน่อยเหรอ? ”

“ตอนนี้ที่บ้านมีใครอยู่บ้าง? ”

“ที่หายใจได้มีแค่ผมคนเดียว”

พอมาคิดดูแล้ว ถ้าตอนนี้สีชิงชวนกำลังไข้ขึ้น แล้วในบ้านมีแค่เซ่อเบธตัวเดียวคงไม่ดีแน่

แต่ฉันบอกกับหนีอีโจวไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่ของเขา ฉันจะเบี้ยวเขาได้ยังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)