พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 227

“คุณคิดว่าฉันพูดถึงที่ไหนล่ะ?”

“ตอนนั้นพอเดินเข้ามาฉันก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ข้างบนเป็นเซียวซือ รู้สึกเหมือนโดนกดทับ แต่เซียวเซิงบอกว่าไม่เป็นไร บอกว่าพวกเราเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกจะต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว”

“ถ้าคุณเป็นพนักงานต๊อกต๋อยก็ควรจะเจียมตัวไว้ ทว่าคุณอยู่ในสถานะแบบนี้แล้ว ถ้ายังจะเจียมตัวอีกก็หมายถึงการขี้ขลาดตาขาว” สีชิงชวนสายตาลุกวาว จ้องมองมาหาฉัน ฉันรู้สึกเหมือนจะตาบอดเลย

“พูดได้ดี” หรือเฉียวอี้จะเห็นด้วยกับสีชิงชวน ปรบมือรัวๆ “เสี่ยวเซิง ฉันเคยบอกไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เธอเป็นถึงท่านประธาน จะต้องเผด็จการ จะต้องยกตนข่มท่าน ทุกครั้งที่ผู้จัดการพวกนั้นเจอเธออยากเรียกก็เรียก แล้วเธอยังไปตีสนิทกับพวกเขาอีก”

สีชิงชวนกวาดสายตาดุดันมาหาฉัน “ผู้จัดการคนไหน?”

ใจฉันแทบจะตกไปอยู่ตาตุ่ม โบกมือในทันที “คุณอย่าไปฟังเฉียวอี้พูดซี้ซั้ว”

ถ้าเขาไล่พนักงานชนชั้นกลางของเซียวซื่อกรุ๊ปไปอีก เกรงว่าการเปลี่ยนคนของบริษัทเราจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่

“ฉันพูดซี้ซั้วที่ไหน เป็นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พวกเขาแทบจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ”

สีชิงชวนยืนพิงวงกบประตูอยู่ ไม่ยอมเดินเข้าไปสักที “ที่นี่กลิ่นอับแรงมาก เปลี่ยนออฟฟิศใหม่”

วันนี้สีชิงชวนมาจับผิดโดยเฉพาะ รู้แบบนี้ยังไงก็ไม่ให้เขามาเด็ดขาด

เฉียวอี้กระโดดโลดเต้นคึกคัก “ได้ๆ ฉันอยากเปลี่ยนออฟฟิศมาตั้งนานแล้ว ที่นี่อึดอัดเกินไป แต่ปัญหาก็คือจะย้ายไปที่ไหนล่ะ?”

สีชิงชวนมองมาหาฉัน “ชั้นบนสุดนะสิ คุณไปเลือกได้ตามอำเภอใจเลย ชอบห้องไหนก็เลือกห้องนั้นแหละ”

“ออฟฟิศชั้นบนมีคนอยู่แล้ว” ฉันให้สีชิงชวนเข้าใจในประเด็นนี้ด้วย

“งั้นก็แลกกับคุณซะสิ คุณยังอยู่ได้เลยทำไมพวกเขาจะอยู่ไม่ได้?” สีชิงชวนล็อกข้อมือฉันไว้ดุจคีมเหล็ก จากนั้นก็ลากฉันออกไปจากออฟฟิศ

เฉียวอี้ติดตามพวกเราอยู่ข้างกายพร้อมกับเสนอความคิดเห็น “สีชิงชวน ผู้หญิงสามคนนั้นอยู่ชั้นบนหมดทุกคน ทั้งเซียวหลิงหลิง ฮวาหยุนและเซียวซือ”

ฮวาหยุนเป็นชื่อของแม่เลี้ยงฉัน ฉันจ้องเฉียวอี้ปราดหนึ่ง “เธอเรียกประธานสักคำจะเป็นจะตายหรือยังไง?”

“เรื่องที่ประธานทำเป็นสิ่งที่ไม่ควร” เฉียวอี้เป็นทุกข์ถึงขีดสุด

ฉันพยายามเกลี้ยกล่อมสีชิงชวนแล้ว ตอนอยู่ในลิฟต์ “ยังไงทุกคนก็ต้องเจอหน้ากันเป็นประจำ ทำไมต้องทำให้มันดูแย่ขนาดนี้เลยล่ะ?”

ฉันไปยึดครองออฟฟิศใครก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะของแม่เลี้ยง ถึงแม้หุ้นส่วนของเธอจะน้อยกว่าฉัน แต่เธออาวุโสกว่าฉัน ทั้งยังเป็นคู่สมรสของพ่ออีกต่างหาก ถ้าไปยึดมาดื้อๆเธอจะต้องอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่

เซียวหลิงหลิงยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่ ต่อให้รอบนี้จะสลับออฟฟิศให้ฉันได้สำเร็จเพียงเพราะอำนาจสีชิงชวน ทว่าครั้งหน้าเธอคงเอาฉันตายแน่

ในส่วนของเซียวซือ ฉันไม่คิดที่จะเอาห้องของเธอเลย

“ก็เพราะเจอหน้ากันอยู่บ่อยครั้ง พวกเธอปฏิบัติต่อคุณแบบนี้ คุณยังทนได้อยู่อีกเหรอ?”

“แค่ออฟฟิศเท่านั้นเอง”

“ไม่ใช่แค่เรื่องของศักดิ์ศรี เซียวเซิง คุณต้องจำไว้ว่าคุณเป็นถึงประธานของเซียวซื่อกรุ๊ป พวกเขาต้องเคารพคุณเพียงคนเดียว”

“ที่นี่ไม่ใช่พระราชวังสักหน่อย” ฉันบ่นพึมพำ

“ไม่ต่างกันนักหรอก บริษัทก็เป็นเหมือนสังคมขนาดเล็ก ซึ่งมันทั้งซับซ้อนและโหดร้าย ถ้าคุณจิตใจเมตตาบวกกับขี้ขลาดก็จะถูกข่มเหงรังแกเอาได้

เหตุผลข้อนี้ฉันรู้อยู่ เพียงแต่...

อาจจะเป็นเพราะฉันถูกเซียวหลิงหลิงรังแกจนชินมาตั้งแต่ยังเด็ก รู้สึกแค่ว่าผู้อื่นไม่มาแยแสฉันก็นับว่าบุญแค่ไหนแล้ว

เดินออกมาจากลิฟต์ ชั้นนี้เป็นชั้นที่สูงที่สุดของเซียวซื่อกรุ๊ป ออฟฟิศของแม่เลี้ยงเองก็อยู่ชั้นนี้เช่นกัน

สีชิงชวนผลักฉันออกเบาๆ “เลือกเอาเองเลย”

“สีชิงชวน” ฉันมองเขาด้วยความกระอักกระอ่วน

เขามีท่าทีไม่เลิกราง่ายๆถ้าฉันไม่ยอมเลือกสักที เฉียวอี้ดึงแขนฉันไป “ไปเลือกสิ!”

เธอผลักประตูออฟฟิศออก พบว่าเป็นออฟฟิศของเซียวหลิงหลิง

“ออฟฟิศเอาไว้ทำอะไร ก็เอาไว้ทำงาน เดือนหนึ่งเธอมาสักกี่ครั้งเชียว?” สีชิงชวนบีบหัวไหล่ของฉัน “คุณต้องเข้าใจว่า คุณเป็นเจ้าของบริษัท อย่าให้พวกไก่กามาครอบครองไปโดยพลการสิ”

“ฉัน” ฉันจ้องมองเฉียวอี้อย่างสับสนงุนงง เธอแทบอยากจะขนของๆฉันขึ้นมาไว้เลยทีเดียว

ฉันรู้ว่าแบบนี้จะทำให้พนักงานอาวุโสในบริษัทเกิดความไม่พอใจ เพราะพวกเขาต่างเข้าข้างแม่เลี้ยงกันทั้งนั้น

ทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงของเซียวซือดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“เซียวเซิง ชิงชวน พวกคุณคิดจะทำอะไรน่ะ?”

ฉันรีบหันกลับ เห็นเซียวซือยืนอยู่หน้าประตู ราวกับฉันเห็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาเพื่อขอความเมตตา “เซียวซือ”

“ออฟฟิศนี้เป็นของประธานมาตั้งแต่แรก เซียวเซิงจะย้ายเข้ามาเดี๋ยวนี้” เฉียวอี้พูดเร็วกว่าฉันไปก้าวหนึ่ง

เซียวซือเดินมามองตาฉัน “ฉันรู้ว่าออฟฟิศในตอนนี้ของพี่บรรยากาศไม่ค่อยเท่าไหร่ ฉันอยากเสนอตั้งนานแล้ว เอาแบบนี้ไหม เธอแลกกับฉัน ฉันยกออฟฟิศของฉันให้ดีไหม?”

“ไม่ไม่ไม่ ออฟฟิศตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว” ฉันเพิ่งจะพูดจบก็โดนเฉียวอี้หยิกไปที่สะโพกด้านหลัง เจ็บมากๆ

“เซียวเซิง เธอก็รู้อยู่ว่าแม่คิดถึงพ่อขนาดไหน ที่ตรงนี้มีความทรงจำของพ่อ เพราะฉะนั้นในออฟฟิศนี้ทำให้แม่สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของพ่อ” เซียวซืออุมมือฉันอย่างอ่อนโยน ในดวงตาทอประกายแสงวิบวับของหยดน้ำตา “ออฟฟิศนี้ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปจะได้ไหม?”

“ได้สิ...”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ สีชิงชวนก็ปริปากพูดขึ้น “ได้ยินมาว่า คุณป้าฮวารีโนเวทเดิมจากที่เป็นห้องอ่านหนังสือของพ่อคุณให้กลายเป็นห้องหมากรุก ห้องอ่านหนังสือของคุณลุงน่าจะเป็นที่ๆหลงเหลือความทรงจำได้ดีที่สุดไม่ใช่หรือไง ถ้าป้าฮวาอยากจะรำลึกถึงคุณลุงให้อยู่ในห้องอ่านหนังสือมากหน่อยก็ได้นี่ จำเป็นต้องยึดออฟฟิศที่เดือนหนึ่งจะมาสักครั้งไว้ด้วยหรือ?”

เซียวซืออ้าปากค้าง มองหน้าฉัน และสีชิงชวนตามลำดับ “เอิ่ม...”

“ถ้าต้องแจ้งแม่เลี้ยงของคุณก็โทรหาเธอได้ ได้รับการยินยอมจากเธอเมื่อไหร่ก็ค่อยย้าย”

“แม่ฉันอยู่ต่างประเทศ”

“งั้นก็ได้แต่ย้ายแล้วค่อยแจ้งแล้วนะสิ” สีชิงชวนกำชับอย่างเย็นชา “ไปเรียกเลขามาย้ายของให้ท่านประธาน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)