พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 231

ฉันต่อคำพูดของต้วนอ้ายไว้ไม่ทัน ได้แต่ยิ้มแหยๆ

เดิมทีสีชิงชวนกำลังพูดคุยสัพเพเหระกับเพื่อนเขาอยู่ จู่ๆก็หันหน้ากลับมาพูดกับฉัน “จะไปห้องน้ำหรอ?”

“หะ” ฉันชะงักไป “ว่าไงนะ?”

“ผมจะไปเข้าห้องน้ำ ไปด้วยกัน” เขาพูดๆอยู่ก็ลุกขึ้นยืน

ฉันคิดว่ามีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะรวมตัวกันไปเข้าห้องน้ำ ผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขาจะเข้าห้องน้ำทำไมต้องเรียกฉันไปด้วย?

อันที่จริงฉันก็อยากจะไปอยู่ แต่เพราะสวมเสื้อตัวเดียวกันเลยไม่กล้าลุกขึ้นยืน

เขาจึงเอื้อมมือมาฉุดฉันขึ้น และในช่วงจังหวะที่ฉันลุกขึ้นยืนนั้นก็ได้ไปเห็นแววตาของต้วนอ้ายฉายแววความประหลาดใจและขวยเขินออกมา

เฮ้อ ใครจะยอมให้คนอื่นแต่งตัวเหมือนเธอกันล่ะ มิหนำซ้ำเธอยังเป็นหญิงผู้เลอโฉมอีกต่างหาก

คาดว่าขณะซื้อเสื้อผ้า พนักงานจะต้องบอกกับเธอว่าเป็นรุ่นจำนวนจำกัดอะไรแบบนั้น ไม่นึกไม่ฝันว่าจะใส่ชุดเดียวกันได้อีก

สีชิงชวนจูงมือฉันเดินไปตามทางเข้าห้องน้ำ ฉันใส่รองเท้าส้นสูงอยู่จึงเกลียดที่เขาเดินเร็วฉับๆ “ทำไมต้องไปห้องน้ำด้วยกัน? แปลกจริงๆ”

“ผมไม่ได้เข้าห้องน้ำผู้หญิงและคุณก็ไม่ได้เข้าห้องน้ำผู้ชายด้วย มีอะไรน่าแปลกเหรอ?” จู่ๆเขาก็ชะงักฝีเท้า ฉันเกือบจะเดินชนเขา

เขาบีบหัวไหล่ฉัน สีหน้าปานกินของที่ตัวเองไม่ชอบไป “เซียวเซิง คุณชอบซาดิสม์เหรอ?”

“หมายความว่าอะไร?”

“ต้วนอ้ายโจมตีคุณแทบจะทุกคำ ทำไมคุณถึงไม่ตอบกลับบ้าง?”

“มีหรอ?” ฉันจึงหวนคิดกลับไปอย่างละเอียด “ดาราสาวพูดแบบนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?”

“ใครบอกดาราสาวพูดแบบนี้กันทั้งนั้น? คุณนึกว่าพวกเธอถ่ายละครเรื่องศึกบุปผาวังมังกรอยู่ตลอดยังงั้นหรือไง? บนโลกใบนี้คนที่ประจบสอพลอและสั่งคนไปวางยาได้เก่งที่สุดก็คือดาราสาว คุณยังไม่เคยเจอสีหน้าท่าทางตอนที่เธอคุยกับเราสินะ”

“คุณโกรธเหรอ?” ฉันคาดคะเนจากสีหน้าของเขา “ก็เพราะเธอตีสุนัขไม่ดูเจ้าของไง?”

จู่ๆสีชิงชวนก็โกรธจนหัวเราะออกมา เขาใช้หมัดที่กำไว้แน่นทุบศีรษะตัวเอง “เซียวเซิง คุณเปรียบตัวเองเป็นสุนัข ฉันละหมดคำจะพูดเลย”

ฉันใช้คำศัพท์ผิดไป ใครจะไปยอมว่าตัวเองแบบนั้นกันล่ะ

ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย สิ่งที่ต้วนอ้ายพูดกับฉันเมื่อครู่ไม่ค่อยเฟรนลี่นัก ฉันจะฟังไม่ออกได้ไงกัน?

“อดีตต้วนอ้ายเคยเป็นชู้กับคุณหรือเปล่า ไม่งั้นจะมาลงกับฉันทำไม?”

“ผมไม่สนใจในดาราสาว ผู้หญิงบนโลกนี้ต่างก็ชอบผม นี่เป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้” เขาพูดคำพูดไร้ยางอายเช่นนี้ยังจะจริงใจได้ขนาดนี้เชียว มันน่าโมโหนัก

จู่ๆเขาก็หยิกแก้มฉัน เจ็บจังเลย

“เซียวเซิง เดี๋ยวคุณด่ากลับไปให้ผมที”

“เมื่อกี้คุณก็ได้ยินแล้ว ทำไมถึงไม่ด่ากลับไปเลยล่ะ?”

“ไม่เถียงว่าใครผิดใครถูกกับผู้หญิง ถือเป็นบรรทัดฐานของผม” เขาไม่หยิกแก้มของฉันแล้ว แต่เปลี่ยนมาบีบคางแทน “คุณพูดจามีคารมคมคายไม่ใช่หรือ ประเดี๋ยวก็ช่วยด่ากลับไปให้ผมเป็นฉอดๆหน่อย”

“คุณอยากเอาชนะขนาดนั้นเลยเหรอ? คนเค้าต่อว่าฉันก็ยังจะไปขัดหูขัดตาคุณอีก?”

“เชอะ ใครให้คุณสลักชื่อเป็นภรรยาของผมล่ะ ตีสุนัขก็ต้องดูเจ้าของด้วยไม่ใช่หรือไง?” เขาหัวเราะจนฉันแทบอยากจะต่อยเขา เสียดายที่มีคนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ฉันจึงได้แต่จ้องเขาเดินเข้าห้องน้ำชายไป

เข้าห้องน้ำเสร็จกลับไปที่โต๊ะต้วนอ้ายก็จับจ้องกระโปรงของฉันอยู่ตลอดโดยไม่ละสายตา

เครื่องแต่งกายของฉันกับของเธอแทบจะเหมือนกัน100เปอร์เซ็นต์ มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างคือเข็มกลัดบนเสื้อ

ดูท่าเธอน่าจะสนใจอยู่ไม่น้อย “เข็มกลัดสวยจัง ทว่าดูไปแล้วคุ้นตาจัง”

“มันคู่กับกระโปรงอีกตัว ฉันหยิบมาใช้ค่ะ”

“กระโปรงตัวนั้นฉันรู้ สปอนเซอร์ให้มา ฉันไม่ได้ขอ เขาให้ผู้ช่วยฉันมาอีกที” เธอยิ้มหวานหยาดเยิ้ม

ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองเหยียบหางเส้นไหนของเธอไป ถึงได้แยกเขี้ยวยิงฟันประหนึ่งแมวกำลังพองขน

เพราะฉะนั้นถ้าจะโจมตีเธอทางด้านอายุล่ะก็ ยังไงก็ไม่ชนะ

ความโกรธของเธอมันชัดเจนมาก ฉันแอบมองสีชิงชวน รอยยิ้มตรงมุมปากเขาแทบจะทะลักออกมา

การสู้รบตบมือนี้ ให้ตัวเขาต่อกลอนเองก็พอแล้ว ยังชอบดูฉันต่อสู้กับคนอื่นอีก โรคจิตซะเหลือเกิน

คุยกันไม่ถูกคอแค่ครึ่งคำก็มากเกินพอ ซ้ำเธอยังเสียเปรียบอีกด้วย พบเจอกับอุปสรรคทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เลยไม่พูดจากับฉัน

ผ่านไปสักพักเธอก็ไปเข้าห้องน้ำ สีชิงชวนจึงเขยิบมาหาฉัน ใช้นิ้วสะกิดไปยังจมูกของฉัน “ฮื่อ เธอดูมีอนาคต ควรค่าแก่การปลูกฝัง”

“คุณชอบสู้คนนักเหรอ?”

“คุณชอบให้คนอื่นเอาเปรียบคุณนักเหรอ?”

เอาเถอะ เขาชนะแล้ว อันที่จริงความรู้สึกที่ได้ต่อว่ากลับไปก็สะใจดี

“พยายามต่อไปนะ” เขาเอ่ยขึ้น

“หยุดเถอะ แค่นี้ก็พอแล้ว” ผมยังอยากดูต่อ งอแงเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ต่อไปถ้าได้เห็นละครของเธออีกก็คงรู้สึกแปลกประหลาด

พอดูก็จะนึกขึ้นได้ว่าฉันเองก็เคยทะเลาะกับนางเอกคนนี้มาก่อน

“คุณก็ล้มเลิกง่ายเกินไป รู้ไว้ด้วย” เขาเข้ามาใกล้ตรงหูพลางเอ่ยเสียงแผ่ว “เมื่อกี้เธอยั่วผมด้วย”

“หะ?” ฉันจ้องหน้าเขา “เมื่อกี้เธอคุยกับผมตลอด”

“แต่ขาของเธอสะกิดผมใต้โต๊ะไม่หยุดไม่หย่อน”

ฉันกะพริบตาปริบๆ “ลูกผู้ชายต้องรู้จักปกป้องตัวเองเมื่ออยู่ข้างนอก”

“เพราะฉะนั้นคุณต้องปกป้องฉันงั้นเหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)