พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 278

แม้แต่คนอย่างฉันที่ศึกษาเรื่องดอกไม้มาก็ยังไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไร เมื่อเขาเห็นว่าฉันนั้นจ้องมอง เขายื่นดอกไม้ช่อนั้นเข้ามาไว้ภายในอ้อมแขนของฉันทันใด “นี่เรียกว่าอกาแพนทัส ดอกสีฟ้าเป็นสายพันธุ์ใหม่ เดิมทีใช้เป็นดอกไม้ที่เอาไว้แซมดอกไม้ชนิดอื่นภายในช่อดอกไม้ เป็นเสมือนดวงดาวที่เอาไว้เติมเต็มท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้น ผมเห็นว่าดอกขนาดเล็กนั้นสวยดีผมเลยให้พนักงานที่ร้านมัดเป็นช่อขนาดใหญ่ คุณลองดูสิ เซียวเซิง” นิ้วเรียวยาวของเขานั้นลูบไล้ดอกไม้ “สิ่งของบางอย่าง อันที่จริงแล้วสามารถเป็นแกนหลักหรือเป็นตัวชูโรงได้ เพียงแต่ว่าคนอื่นกลับไม่ให้โอกาส”

ฉันไม่รู้ว่าเขานั้นกำลังตีวัวกระทบคราด[1]ใคร แต่ทว่าเมฆหมอกนี้งดงามมากจริงๆ

ฉันกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ ขณะเดียวกันฉันก็กังวลกับชะตากรรมของช่อดอกไม้นี้เช่นกัน

ดอกกุหลาบเมื่อวานถูกโยนออกไปที่ระเบียงนอกหน้าต่าง คาดว่าถูกความร้อนของคอมเพรสเซอร์แอร์เป่าใส่เมื่อคืนนี้ ตอนนี้ก็คงจะร่วงโรยหมดแล้ว

เฉียวเจี้ยนฉีหยิบช่อดอกไม้ออกไปจากอ้อมแขนของฉัน “ภายในห้องของคุณมีแจกันอันอื่นอีกหรือเปล่า?”

ในไม่ช้าเขาก็พบแจกันว่างเปล่าบนขอบหน้าต่าง อันที่จริงแล้วเป็นของเมื่อวานนี้

เขาหยิบมันขึ้นมาและจ้องมอง หันศีรษะกลับมามองฉัน “เหมือนว่าจะเป็นแจกันใบเมื่อวาน?”

ฉันหัวเราะด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ เป็นเพราะว่าเขานั้นยื่นคอออกไปมอง เขาเห็นกุหลาบของเมื่อวานกำลังนอนอย่างเหี่ยวเฉาอยู่บนระเบียงดาดฟ้า

เฉียวเจี้ยนฉีนั้นเป็นคนฉลาด เขาหยิบดอกไม้ใส่แจกันโดยที่ไม่เอ่ยถามอะไรอีก

ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันถามป๋ออวี่ก่อนที่เฉียวเจี้ยนฉีจะมาถึง เขาบอกว่าลูกค้าที่นัดไว้จะยังคงมาตามเวลาเดิม ดังนั้นยังเหลือเวลาอีกมาก ฉันจะรีบไปที่สุสาน จากนั้นจะรีบกลับมา เวลาน่าจะไล่เลี่ยกันพอดี

“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉันกล่าวกับเฉียวเจี้ยนฉี เขาพยักหน้า “ครับ”

แดดด้านนอกร้อนราวกับโดนแผดเผา ไม่รู้ว่าเฉียวเจี้ยนฉีนั้นไปหยิบร่มจากที่ไหนขึ้นมากางเหนือศีรษะของฉัน ฉันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ฉันไม่คิดว่าคุณเป็นคนประเภทที่จะใช้ร่มกันแดด”

“ผมเองก็ไม่คิด” เขายิ้มอย่างมีความสุข เผยให้เห็นฟันขาวเรียงสวย “เตรียมเอาไว้เป็นพิเศษเพื่อคุณ ผู้หญิงมักจะกลัวผิวไหม้และดำคล้ำ คุณเองก็ผิวขาวขนาดนี้ต้องดูแลผิวให้ดี”

“คุณนี่ช่างเอาใจใส่ ดูเหมือนว่าคุณจะเคยมีแฟนมาแล้วหลายคน ไม่งั้นคงไม่มีประสบการณ์เช่นนี้”

“แน่นอนว่าผมเคยมีแฟนมาก่อน อย่างไรเสียผมก็ต้องดูแลผู้หญิง” เขาขยิบตาให้กับฉัน

เขาพูดมาได้อย่างถูกต้อง สมัยเด็กเขาพาฉันและเฉียวอี้ไปเล่นด้วยกัน เขาปีนต้นไม้เพื่อเก็บลูกพีชผลเล็ก เฉียวอี้อยากจะปีน แต่ทว่าเขานั้นไม่ให้หล่อนปีน เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยตนเองจากนั้นเขาโยนผลลูกพีชลงมาและให้พวกเราคอยรับ

เขานั้นดูแลคนอื่นได้อย่างดี นี่คือความประทับใจเล็กน้อยที่ฉันมีต่อเขา

เฉียวเจี้ยนฉีขับรถด้วยตนเอง ฉันนั่งเบาะข้างคนขับ เขาเอาใจใส่เป็นอย่างมาก คอยช่วยฉันคาดเข็มขัดนิรภัย

“คุณทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง?” ขณะที่เขาสตาร์ทรถ เขาเอ่ยถามฉัน

“ทานแล้วค่ะ”

“อ้อ งั้นพวกเราตรงไปสุสานกันเลยนะครับ”

อันที่จริง ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์หลักการไปไหว้พ่อของฉันที่สุสานของเฉียวเจี้ยนฉี เขาอยากใกล้ชิดกับฉัน หรือว่าอยากสร้างความประทับใจที่ดีต่อหน้าฉันเพื่อผลประโยชน์ในการทำงานกับเฉียวกรุ๊ปในภายภาคหน้า?

ฉันพอจะรู้สึกได้ว่าเขานั้นไม่ใช่คนเสแสร้ง แต่ทว่าแม้แต่สีชิงชวนที่ฉันอยู่ด้วยตลอดทั้งเช้าและเย็น ฉันยังมองเขาไม่ออก ฉันจะไปมองคนอื่นออกได้อย่างไร

เมื่อมาถึงสุสาน เฉียวเจี้ยนฉีหยิบถุงกระดาษออกมาจากท้ายรถ ฉันไม่รู้ว่าด้านในนั้นคืออะไร มือข้างหนึ่งของเขากำลังถือร่มให้กับฉัน ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“ฉันถือเองได้นะ” ฉันเอ่ย

“ไม่ได้หรอก ผู้หญิงออกมาด้านนอกกับผู้ชาย เรื่องการถือร่มนั้นให้ฝ่ายหญิงเป็นคนทำไม่ได้เด็ดขาด เรื่องเหล่านี้ต้องให้ฝ่ายชายเป็นคนทำ” เขาเป็นคนตัวสูงและร่มที่เขาถืออยู่นั้นก็สูงมาก ร่างกายทั้งหมดของฉันนั้นอยู่ภายใต้ร่มเงา

พ่อเพิ่งถูกฝังได้ไม่นานเท่าไรนัก ก่อนหน้านี้เถ้ากระดูกนั้นถูกวางอยู่ภายในที่เก็บโกศมาโดยตลอด ต่อมาก็ได้หาฤกษ์ดีเพื่อทำการฝัง

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ฉันเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดป้ายหลุมศพฝังจนสะอาดสะอ้าน ตอนนี้ก็ยังคงสะอาดอยู่

เฉียวเจี้ยนฉีหยิบสิ่งของที่เขานำมาออกจากถุงกระดาษ

ฉันพบว่าเขานั้นนำกระติกน้ำเก็บอุณหภูมิมากระติกหนึ่ง กาน้ำชาขนาดเล็กและแก้วชาอีกสองสามใบ อีกทั้งยังมีกล่องเก็บใบชาด้วย

“ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณอาเซียวนั้นชอบดื่มชาขาวชนิดนี้มากที่สุด”

“เดี๋ยวคุณจะไปไหนหรือเปล่า? ผมไปส่งคุณ”

“ฉันจะกลับโรงพยาบาล” ฉันเอ่ย

“อ้อ” เขาพยักหน้าและไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก “งั้นผมจะไปส่งคุณที่โรงพยาบาล”

เขาเปิดประตูรถและฉันก็เข้าไปนั่งภายในรถ เขานั้นช่วยฉันคาดเข็มขัดนิรภัยอีกครั้งด้วยความเอาใจใส่ ฉันกล่าวว่าฉันสามารถทำเองได้ แต่เขารีบคาดเข็มขัดนิรภัยให้ฉัน จากนั้นเอียงศีรษะจ้องมองฉัน “ผมจะสตาร์ทรถแล้ว”

ระหว่างทาง ฉันนั้นไม่ได้กล่าวอะไร “เมื่อเช้าคุณได้ไปเยี่ยมพ่อบุญธรรมหรือเปล่า?”

“อือ เขากำลังทานโจ๊กอยู่ ผมเลยทานเป็นเพื่อนเขาชามหนึ่ง”

“วันนี้พ่อบุณธรรมเป็นอย่างไรบ้าง?”

“สามารถทานอาหารได้ก็ถือได้ว่าโอเคแล้ว” เขาหันศีรษะกลับมาและชำเลืองมองฉัน “มนุษย์เราไม่ได้มีอะไรมากมายนักหรอก กินอิ่มนอนหลับก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้แล้ว”

ฉันคิดว่าเขานั้นก็ยังอายุไม่มาก แต่ทว่ากลับมีความคิดเช่นนี้

ฉันคิดว่าเขานั้นน่าจะผ่านเรื่องราวชีวิตมามากมาย แต่ใบหน้าของเขานั้นมักมีรอยยิ้มอยู่เสมอ

“ดูเหมือนว่าคุณจะชอบรอยยิ้มนะ” ฉันเอ่ย

“อือ ชอบตั้งแต่เด็กเลย” เขาขยิบตาให้กับฉัน “คุณลืมไปแล้วเหรอ? ครั้งหนึ่งแม่ของผมไปสร้างปัญหาให้คุณน้าฝานชิน ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนและนั่งหัวเราะอยู่กับพวกคุณ จากนั้นแม่ของผมก็ลืมและไปสร้างปัญหาให้กับคุณน้าฝานชิน จากนั้นผมก็โดนตี”

โอ้ เรื่องนี้ฉันจำได้แม่นเลยล่ะ

ความประทับใจของฉันที่มีต่อแม่ของเฉียวเจี้ยนฉี หล่อนเป็นผู้หญิงที่อารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่ายและขี้โมโหมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะโมโห ไม่เพียงแต่จะคอยก่อกวนแม่เฉียวเท่านั้น แต่หล่อนก็ยังอารมณ์ร้ายกับลูกชายของตนอีกด้วย ไม่เคยแสดงใบหน้าอ่อนโยนเลย

ฉันคิดว่าผู้หญิงแบบนี้ พ่อเฉียวนั้นอาจอยากจะมอบความรักให้แก่หล่อน แต่ทว่าเขาอาจจะรักหล่อนไม่ลง!

ตีวัวกระทบคราด[1] หมายถึง เหน็บแนมหรือรังควานอีกคนเพื่อให้กระทบถึงคนที่ตนโกรธแต่ทำอะไรโดยตรงไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)