“ผมยังขี้เกียจเปลืองน้ำลายเลย รู้ว่าคนอย่างคุณมันดื้อมากแค่ไหน เรื่องที่ตัดสินใจแล้วไม่ว่าใครจะมาพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“คุณไม่ได้มาเพื่อที่จะมาเกลี้ยกล่อมฉันหรอกเหรอ?”
หนีอีโจวยักไหล่ “เกลี้ยกล่อมคุณแล้วมันจะได้ผลไหมล่ะ?”
ฉันส่ายหัว
“งั้นก็ถูกแล้วนี่” เขาหัวเราะ “เกลี้ยกล่อมคุณแล้วไม่มีประโยชน์อะไรแล้วจะเกลี้ยกล่อมไปทำไม ผมรู้ว่าคุณรู้สึกไร้พลังอำนาจในการบริหารบริษัท และรู้สึกว่าไม่ว่าเซียวซื่อกรุ๊ปจะมีคุณหรือไม่ มันก็มีค่าเท่ากันใช่ไหม?”
“ในเมื่อรู้แล้ว ทำไมถึงต้องมาพูดอย่างละเอียดแบบนี้อีกด้วยล่ะ?” ตัวฉันรู้สึกว่ามันเป็นแค่เรื่องๆหนึ่ง แต่พอได้ยินจากปากคนอื่นมาปฏิเสธฉัน มันก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นั่นมันทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย
“ผมขอแนะนำอะไรบางอย่างให้คุณ อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องมอบตำแหน่งของคุณให้กับเซียวซือก็สามารถบริหารเซียวซื่อกรุ๊ปได้อย่างดีเลยทีเดียว”
“ไหนลองเล่ามาสิ๊?”
“คุณยินดีที่จะยอมรับคำแนะนำจากผมเหรอ?”
“คุณยังไม่ได้พูดอะไรเลย ฉันจะยอมรับข้อเสนอแนะยังไง?”
“ความจริงคุณสามารถมอบตำแหน่งของคุณให้คนอื่นได้ เช่น มอบอำนาจให้กับคนที่คุณคิดว่าทำงานได้ดีและไว้ใจได้ คุณสามารถให้เขาใช้อำนาจในการทำงานของคุณแทนคุณได้ แต่ความเป็นจริงคนที่มีอำนาจการตัดสินใจก็ยังเป็นคุณ ยังไงก็ดีกว่าที่คุณมอบอำนาจทั้งหมดให้กับเซียวซือ เมื่อถึงเวลาคิดอยากจะเอาคืน มันก็กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว”
“แล้วจะให้มอบให้ใคร?”
“เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วล่ะ นอกจากเซียวซือแล้ว คนในบริษัทนี้คุณไม่ได้สนิทกับใครเลยเหรอ”
“แต่คุณก็ไม่ควรที่จะให้ฉันสนิทกับใคร ก็มอบตำแหน่งประธานบริษัทให้กับคนนั้นหรอกมั้ง? ใช่ไหมล่ะ? ไม่แน่ว่าการทำแบบนี้ มันอาจจะยุ่งยากเกินไปก็ได้ ความจริงฉันรู้สึกว่าเซียวซือเหมาะสมกว่าฉันมากจริงๆ”
“บางทีเขาอาจจะเหมาะสมมากกว่าคุณก็จริง แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจมีคนที่เหมาะสมกว่าเขาก็ได้ สำหรับการดูแลบริหารบริษัทแล้ว เซียวซืออาจจะไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดก็ได้ เขาก็เป็นแค่หนึ่งในผู้ร่วมลงทุนเท่านั้น ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะสละตำแหน่งนี้ งั้นก็มอบให้กับคนที่ไว้ใจได้ไม่ดีกว่าเหรอ ผมไม่รู้หรอกว่าคนๆนั้นคือใคร คุณสามารถสงวนความคิดเห็นคุณไว้ก่อนได้ อย่าเพิ่งสละตำแหน่งของคุณชั่วคราว รอผมเจอคนที่เหมาะสมแล้วค่อยมาว่ากันอีกที”
ฉันมองหนีอีโจว “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณกำลังถ่วงเวลา?”
เขายิ้ม “ในบางครั้งไหวพริบของคุณก็ดีกมากเหมือนกันนะ ความคิดเห็นของผมก็คือหวังว่าให้คุณลองตั้งใจขัดเกลาดูก่อน”
หากหนีอีโจวมาเสนอความคิดเห็นให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะบอกกับเซียวซือ ฉันคงจะพิจารณาดูดีๆอีกครั้ง แต่ว่านี่ฉันได้พูดกับเซียวซือไปหมดแล้ว หากว่าพรุ่งนี้เธอมาถามฉัน แล้วฉันบอกกับเธอว่าไม่อยากสละตำแหน่งให้กับเธอแล้ว นั่นก็จะกลายเป็นการพูดกลับไปกลับมาไม่ใช่เหรอ? ถึงแม้คุณธรรมที่ดีงามในตัวฉันมันมีไม่มากนัก แต่ว่าสันดานก็ยังไม่ได้แย่ขนาดนั้น หร่วนหลิงไม่สนใจฉันทั้งวันเลย ฉันคงเป็นประธานบริษัทที่ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง แม้กระทั่งเลขาของตัวเองยังไม่อยากจะสนใจฉันเลย
ช่วงบ่ายเฉียวอี้ได้โทรมาหาฉัน ฟังออกว่าหล่อนกำลังยุ่งมาก หล่อนพูดเสียงดังในโทรศัพท์กับฉัน “เซียวเซิง เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่?”
ฉันบอกว่าไม่รู้ แล้วหล่อนก็กล่าวว่า “ฉันกำลังทานมื้อเที่ยงอยู่ไง!”
ฉันมองดูนาฬิกาแล้วเห็นว่านี่มันสี่โมงเย็นแล้ว “ทำไมเธอถึงได้ปล่อยให้ตัวเองต้องมาทานมื้อเที่ยงในเวลานี้ได้นะ?”
“อย่าพูดถึงเลย ฉันเพิ่งรู้ว่าที่แท้พ่อฉันก็ได้เลี้ยงคนโง่ไว้กลุ่มหนึ่งนี่เอง พ่อฉันไม่ได้เข้าบริษัทหลายวัน ในบริษัทก็มีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ พวกเขาไม่มีสมองกันเลยหรือยังไง? เรื่องเล็กๆบางเรื่องก็ควรไปจัดการด้วยตัวเองบ้างสิ”
“เซียวเซิงเธอเป็นไงบ้าง? ความจริงทรัพยากรบุคคลของเซียวซื่อกรุ๊ปยังถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยนะ ไม่งั้นเธอคงไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก”
ใช่สิ อาจเพราะฉันนั้นว่างจนเกินไป แน่นอนว่าฉันไม่กล้าบอกเฉียวอี้เรื่องที่ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว รอให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกก่อน เมื่อถึงเวลานั้นให้หล่อนมาตีฉันให้ตายยังไงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ช่วงดึกฉันกลับบ้านพักสีชิงชวนเองอย่างอัตโนมัติ วันนี้สีชิงชวนกลับมาเร็วมาก หลังจากที่ฉันล้างมือเสร็จแล้วมานั่งบนโต๊ะอาหาร สีชิงชวนก็ได้กลับมาแล้ว
“แล้วคุณคิดว่าไงบ้าง?”
“พรุ่งนี้ฉันจะมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้กับเธออย่างเป็นทางการ”
“อ้อ” เขาก้มหัวแล้วซดน้ำซุปต่อ
ตอนแรกฉันก็นึกว่าอย่างน้อยเขาก็ให้ฉันคิดทบทวนดีๆค่อยตัดสินใจอีกครั้ง หรือไม่ก็พูดคำคมอะไรให้ฉันฟังสักหน่อย แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่พูดอะไรเลย ราวกับว่ากำลังรอให้ฉันตัดสินใจแบบนี้มานาน หลังจากที่เขาทานข้าวเสร็จก็เดินออกจากห้องครัว และพอฉันทานเสร็จก็เดินขึ้นชั้นสองเหมือนกัน สีชิงชวนไม่ได้อยู่ในห้องแต่อยู่บนดาดฟ้า เขาจะสูบบุหรี่บนดาดฟ้าเป็นบางครั้ง เขาไม่ได้สูบบุหรี่เป็นประจำและเขาก็มีความเคยชินที่ดีที่ไม่ได้สูบบุหรี่ในห้อง
ฉันกำลังจะไปห้องแต่งตัวเพื่อที่จะไปหยิบเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำ สีชิงชวนได้โบกมือให้ฉันผ่านประตูกระจก ฉันเดินไปเปิดประตูแล้วถามเขาว่ามีเรื่องอะไร เขาก็ยังคงโบกมือเรียกฉัน ฉันจึงเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า เขาพิงราวจับแล้วโบกมือเพื่อบอกใบ้ให้ฉันเดินไปหา
ฉันยืนอยู่ข้างราวจับแล้วมองไปรอบๆ “ไม่เห็นมีอะไรเลย เรียกฉันมาทำไม?”
“โดดลงไปสิ” เขากล่าว
เขาพูดคำนี้ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล ฉันเลยรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ฉันมองเขาอย่างประหลาดใจ “หมายความว่าไง?”
“คุณเป็นคนที่เชื่อฟังผมมากไม่ใช่เหรอ? ผมบอกให้คุณทำอะไรคุณก็ทำอะไร ตอนนี้ผมบอกให้คุณโดด คุณก็โดดสิ”
“นี่มันชั้นสามนะ” ความสามารถในการกระโดดของฉันด้อยมาตลอด หากว่าโดดลงไป มีหวังตกลงไปเหมือนแผ่นพิซซ่าแน่ๆ ที่แม้แต่ไส้ก็หลุดออกมาหมด
เขาน่าจะหมายถึงเรื่องที่เขาแนะนำฉัน ให้สละตำแหน่งให้กับเซียวซือแน่เลย ฉันก็ทำตามที่เขาบอกแล้วนี่ สมหวังดั่งปรารถนาแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงยังมาพูดแบบนี้ เหมือนว่าเอาประโยชน์จากสิ่งหนึ่งแต่ในขณะเดียวกันก็มาทำเป็นลำบากใจอย่างนั้นเลย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...