ฉันถึงกับพูดไม่ออกจึงวางตะเกียบแล้วเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นสีชิงชวนที่อยู่บนเวที เขาที่กำลังมองและโบกมือมาที่ฉัน
อยู่ดี ๆ จะมาชี้ฉันทำไม? แล้วทำไมฉันต้องขึ้นไปบนเวทีด้วย?
ฉันมองอย่างตกตะลึงไปที่เขา เขายังคงพูดด้วยคำที่ฮึกเหิมทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันสักหน่อย?
ฉันมองขึ้นไปเพื่อเผชิญหน้ากับเขา แต่ไม่คิดที่จะขึ้นไปบนเวที
สีชิงชวนก็ยังคงใช้นิ้วชี้มาที่จมูกของฉัน แม้ว่าจะอยู่ห่างกันแต่ฉันคิดว่าปลายนิ้วมือของเขากำลังชี้มาที่จมูกของฉัน
“คุณผู้หญิงที่ใส่ชุดสีน้ำตาลอ่อนที่นั่งอยู่โต๊ะเบอร์ 6 รบกวนขึ้นมาบนนี้ด้วยครับ”
จำเป็นต้องมาพรรณนาพูดชื่อ พูดถึงชุดที่ฉันใส่ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือไง?
แล้วคำว่าคุณผู้หญิงนั่นอีก พูดอย่างกับฉันเป็นคนแก่ไปได้
คนทั้งโต๊ะกำลังมองมาที่ฉัน รวมถึงคนที่อยู่โต๊ะอื่นเองก็ยังหันมามองด้วย
ฉันนั่งต่อไปไม่ไหวแล้ว จำใจต้องลุกออกจากที่นั่งและค่อย ๆ เดินไปที่เวที
ฉันไม่รู้ว่าสีชิงชวนจะเรียกฉันมาทำไม แต่แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
ฉันเดินขึ้นไปยืนข้างเขาบนเวที ก่อนจะถามเขาด้วยเสียงที่เบามาก “เรียกฉันขึ้นมาทำไม?”
เขาแสดงท่าทางเย่อหยิ่ง ไม่แม้แต่ปรายตามามองที่ฉัน และใช้ไมโครโฟนพูดต่อไป “พวกเรามาสอบถามอดีตประธานเซียวกรุ๊ป ที่ประธานเซียวหยวนตั้งใจมอบตำแหน่งประธานให้กับเธอ แต่ดำรงตำแหน่งไปได้ไม่กี่เดือนก็เกินกำลังของเธอ เลยส่งต่ออุดมการณ์ให้กับประธานเซียวซือ”
ฉันเข้าใจใจความสำคัญที่เขาต้องการสื่ออย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาไม่กี่เดือนถึงแม้จะอยากช่วยแต่มันก็เกินความสามารถของฉัน
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเสนอมา
เดิมทีฉันเองก็พยายามที่จะยืนหยัดต่อไป ไม่แน่ในอนาคตก็อาจจะเก่งขึ้นก็ได้
ตกลงสีชิงชวนหมายความว่าอะไรกันแน่ เขาต้องการให้ฉันอับอายต่อหน้าทุกคนงั้นเหรอ?
ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ฉันนึกว่าเขาเพียงต้องการแค่ฉลองให้กับเซียวซือ เขามันคนน่ารังเกียจฉันเองก็เข้าใจได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนชั่วร้ายและก้าวร้าวขนาดนี้ด้วย
ผู้คนด้านล่างเวทีต่างตกตะลึง และมองมาที่ฉัน รวมไปถึงหร่วนหลิงที่มองมาด้วยดวงตาเบิกกว้างอยู่ด้านล่างเวที สายตาของเธอเต็มไปด้วยความโมโหพร้อมที่จะระเบิดออกมา
จริง ๆ แล้วตัวฉันเองก็รู้สึกโมโหเหมือนกัน มือของฉันจับเข้ากับขาตั้งไมโครโฟน มือฉันไปหมดจนแม้กระทั่งขาตั้งไมโครโฟนทั้งหมดเองก็สั่นและแกว่งไปมา
ในตอนนี้ฉันมีหลากหลายความคิดที่ผสมปนเปกันอยู่ในสมอง
ความคิดแรกฉันอยากกระโดดขึ้นไป และใช้แขนของฉันต่อยไปที่สีชิงชวนแรง ๆ ความคิดที่สองถ้าหากฉันเป็นถู่สิงซุน ก็จะสามารถลอยหนีไปจากพื้นดินและแอบชิ่งหนีไปจากสายตาที่จ้องมองอย่างละโมบของคนพวกนี้ได้
แต่ว่าทั้งสองความคิดนี้ฉันทำมันไม่ได้
ฉันจับไมค์แต่กลับไม่มีเสียงอะไรออกมา ในขณะที่สีชิงชวนยังยืนตบไหล่ฉันอยู่ข้าง ๆ
"คุณต้องใช้เวลาเตรียมตัวแค่ไหน?"
“คุณต้องการให้ฉันพูดอะไรกันแน่?” ฉันกัดฟันแล้วพูดเสียงเบา
“พูดต่อหน้าทุกคน พูดอะไรที่มาจากใจจริง คุณอยากพูดอะไรก็ได้” รอยยิ้มของเขาช่างสงบและเหมาะเจาะเหลือเกิน เขาตบไปที่ไหล่ของฉันและเดินลงจากเวทีไป
ฉันจับขาตั้งไมค์แล้วอ้าปากค้าง
ฉันจะพูดอะไรได้? ฉันจะบอกว่าเพราะฉันเป็นคนขี้ขลาด ความสามารถเองก็ไม่มีเท่าคนอื่น ทุกคนในบริษัทเองก็ไม่ไว้ใจฉันเพราะงั้น เมื่อฉันไม่สามารถทนความกดดันได้ก็เลยส่งตำแหน่งประธานให้กับเซียวซืองั้นเหรอ?
และก็ ถ้าหากไม่มีการถือหางจากสีชิงชวน เดิมทีก็คงไม่มีใครที่จะแสดงความเคารพต่อฉันเลย
ฉันหนีมาถึงห้องน้ำแล้วเข้าไปเพื่อทำให้ให้จิตใจสงบ จากนั้นก็เข้ามาหลบอยู่ในฉากกั้นห้องน้ำและนั่งลงบนชักโครกเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
เรื่องซุบซิบมักได้ยินในห้องน้ำเสมอ และแน่นอนก่อนที่ฉันจะได้นั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังพูดชื่อของฉันที่ด้านนอก
“ฉันล่ะไม่เข้าเซียวซือคนนั้นจริง ๆ ทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ถ้าพูดตามจริงเธอก็มาจากพื้นเพที่ดี สามีของเธอก็คือสีชิงชวน ถึงจะรู้กันอยู่ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของเซียวหยวน แต่ก็ยังให้หุ้นกับเธอเยอะขนาดนั้นและไหนจะยกตำแหน่งประธานบริษัทกับเธออีก แต่ทำไมทำได้ไม่กี่วันก็เปลี่ยนคนแล้ว? แล้วยังสละตำแหน่งให้เซียวซือด้วยตัวเองอีก?”
“สละตำแหน่งด้วยตัวเองเป็นเรื่องตลกทั้งนั้น เธอไม่รู้สินะ ว่าเมื่อไม่นานมานี้ผู้คนในบริษัทลงนามเพื่อเสนออย่างเป็นทางการให้เธอพ้นจากตำแหน่ง เธอรู้ว่าตัวเองไม่สามารถจะนั่งในตำแหน่งนั้นได้ในอีกสองสามวัน เพราะงั้นเธอเลยมอบตำแหน่งเพื่อรักษาศักดิ์ศรีตัวเอง”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่ว่าสีชิงชวนเกลียดเธอขนาดนั้น อีกทั้งยังจัดงานเฉลิมฉลองให้กับแฟนเก่าของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งดูถูกภรรยาคนปัจจุบันของเขาสุด ๆ”
“ใช่เลย เซียวเซิงเองหน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ พูดว่าสวยก็คงไม่เกินไปใช่ไหม? อยู่ร่วมกับสีชิงชวนยังไงให้เขาเกลียดเธอได้มากขนาดนี้กัน?”
“สีชิงชวนเป็นเกย์ไง เพราะงั้นทำไมเขาต้องชอบเธอด้วย?”
“เซียวเซิงไม่ใช่ว่าเพิ่งชี้แจงเพื่อล้างมลทินไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ก็อาจจะเพราะถูกสีชิงชวนบังคับ หรือไม่ก็อาจจะเพราะเซียวเซิงหุนหันพลันแล่นเอง เธอเชื่อเรื่องนั้นหรือไง ?”
“งั้นทำไมเขาถึงทำดีกับเซียวซือขนาดนั้นกันล่ะ?”
“ไม่ว่าเขาจะเป็นเกย์ไหม พูดชัด ๆ เลยนะเซียวเซิงภรรยาคนนี้น่ะ ในใจของเขาไม่แตกต่างอะไรจากคนที่แค่ผ่านไปมาหรอก”
เดิมทีฉันคิดจะนั่งบนฝาชักโครกเพื่อจัดการอารมณ์ แต่เมื่อได้วิเคราะห์ความสมเหตุสมผลจากสิ่งที่ได้ยินด้านนอก ใจฉันก็รู้สึกพะว้าพะวัง ราวกับว่าในโถชักโครกมีมือหนึ่งยื่นออกมาหยิกที่ก้นฉันตลอด
เจ็บปวดมาก อับอายมาก รู้สึกเสียหน้ามาก ๆ แต่ฉันกลับจนปัญญา และคิดอะไรไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...