พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 31

ในตอนที่พวกเรากลับมาที่บ้านตระกูลเซียว ห้องไว้ทุกข์ก็ได้ถูกรื้อออกหมดแล้ว ห้องโถงก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ

ดูราวกับว่าคุณพ่อยังคงนั่งทำงานและอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือ ไม่รู้เลยว่าจะถือถ้วยน้ำชาเดินออกมาจากข้างในตอนไหน

ฉันมองดูห้องหนังสือชั้นบนอย่างเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าเลยด้วยซ้ำว่าสีชิงชวนมานั่งอยู่ตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่

การที่เขามาอยู่ตอนที่ประกาศพินัยกรรมของครอบครัวเราแบบนี้ดูแปลกมาก แต่ฉันไม่ได้สนใจว่าเขามาอยู่ที่นี่ทำไม

นับตั้งแต่ที่เกิดเรื่องนั้นขึ้นเมื่อวาน เขาก็ไม่มองหน้าฉันแม้แต่นิดเดียวอีกเลย ฉันเองก็ไม่ได้มองเขาเช่นกัน

เมื่อทุกคนนั่งครบแล้ว ทนายยังไม่ทันจะพูดอะไรเซียวหลิงหลิงก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน “น่าแปลกจริงๆ พ่อของฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะตายกะทันหัน ทำไมถึงต้องทำพินัยกรรมด้วย?”

เซียวซือเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง “เซียวหลิงหลิงพี่หุบปากจะได้ไหม?”

“ฉันพูดอะไรผิดล่ะ? มีคนดีๆ ที่ไหนอยู่ดีไม่ว่าดีทำพินัยกรรม?”

“เซียวหลิงหลิง” แม่เลี้ยงเอ่ยเสียงเย็นชาถึงทำให้เธอยอมหุบปาก

ฉันก้มหน้าลงและกัดเล็บของตัวเองโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ทนายไห่ก็เอ่ยชื่อฉันขึ้นมาถึงทำให้ฉันได้สติกลับคืนมา เมื่อก้มลงมองดูก็พบว่าฉันได้กัดเล็บของตัวเองจนน่าเกลียดไปหมดแล้ว

ฉันมักจะชอบกัดเล็บบ่อยๆ มันเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หาย คุณพ่อก็ยังเคยพูดกับฉันอยู่หลายครั้ง บอกว่าเวลาที่ฉันฟุ้งซ่านก็มักจะชอบทำร้ายตัวเองอยู่บ่อยๆ

พอคิดถึงคุณพ่อขึ้นมา ในใจของฉันก็รู้สึกเจ็บปวดหน่วงๆ

ฉันเงยหน้าขึ้น “คุณทนายไห่”

“คุณเซียว คุณฟังอยู่รึเปล่า?”

“ค่ะ” ความจริงแล้วฉันไม่ได้ฟังอยู่ ฉันไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาพูดถึงไหนแล้ว

เขาสะบัดเอกสารในมือเล็กน้อย “ผมได้อ่านเกริ่นนำไปหมดแล้ว ตอนนี้จะเริ่มเนื้อหาส่วนที่สำคัญในพินัยกรรมแล้ว”

ฉันรู้สึกได้ว่าบรรยากาศภายในห้องโถงดูเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว เซียวหลิงหลิงนั่งตัวตรง หลังของเธอดูเหมือนแผ่นเหล็กมาก

จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกว่าตัวของเซียวหลิงหลิงเหมือนกับหมึกกระดอง คือไม่มีกระดูก ไม่ว่าไปที่ไหนก็ดูเหมือนไม่มีแรง น้อยครั้งที่จะนั่งตัวตรงได้เหมือนวันนี้

ฉันพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันกำลังตั้งใจฟังอยู่ ทนายไห่มองฉันด้วยสายตาที่ลึกล้ำแวบหนึ่งก่อนจะเริ่มอ่านต่อ “คฤหาสน์ตระกูลเซียวในปัจจุบันเป็นของผมและเฉิ่งซินหลานภรรยาคนปัจจุบัน หลังจากที่ผมตายให้ยกคฤหาสน์หลังนี้ให้กับเฉิ่งซินหลานภรรยาของผม เธอมีสิทธิที่จะขายหรืออยู่อาศัยได้ ลูกสาวทั้งสามคนของผมมีสิทธิ์ที่จะอยู่อาศัยทุกคน เงินที่ได้จากการขายบ้านและที่ดินเป็นของเฉิ่งซินหลานเพียงผู้เดียว”

คฤหาสน์หลังนี้มีพื้นที่มากพอสมควร ไม่เพียงแต่เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีสี่ชั้น ยังมีสวนดอกไม้ที่ใหญ่มากและทะเลสาบส่วนตัว ถ้าหากขายไปจริงๆ คงได้เงินก้อนโต

เพราะว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของพ่อฉัน

ฉันเหลือบสายตามองดูแม่เลี้ยง สีหน้าของเธอดูสงบนิ่งมาก แต่มุมปากกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอพอใจกับการตัดสินใจของคุณพ่อซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจอะไร

ทนายไห่อ่านต่อไปว่า “ผมเป็นผู้ดูแลบริษัท เซียวกรุ๊ป จำกัดมาโดยตลอด เมื่อผมจากไปแล้วหลิ่วจี้ผู้อาวุโสของบริษัทจะดูแลต่อ ลูกสาวคนเล็กเซียวเซิงเรียนจบด้านการเงิน สามารถเข้าทำงานในบริษัท เซียวกรุ๊ป จำกัด โดยให้ลูกเขยของผมเป็นผู้ช่วยเหลือ”

ฉันยังคงก้มหน้า ส่วนสีชิงชวนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนว่าเขานิ่งไปเสียแล้ว

“ทำไมเซียวเซิงถึงเข้าไปในเซียวซื่อกรุ๊ปได้ ก่อนหน้านี้ฉันอยากจะเข้าไปแต่คุณพ่อก็ไม่อนุญาต ฉันเองก็เรียนจบเกี่ยวกับสาขาด้านการเงินมาเหมือนกัน” เซียวหลิงหลิงพูดแทรกขึ้นมา

พอทนายไห่อ่านจบแล้ว ก็ได้นำสำเนาพินัยกรรมมอบให้พวกฉันคนละฉบับ “เนื้อหาทั้งหมดก็มีอยู่เท่านี้ พวกคุณลองอ่านดูให้ละเอียด ด้านล่างเป็นลายเซ็นที่คุณเซียวหยวนลงมือประทับด้วยตัวเอง เนื้อหาทั้งหมดเป็นความจริงและมีผลทุกประการ”

ฉันรับพินัยกรรมที่ทนายไห่มอบให้ฉัน เนื้อหาส่วนอื่นนั้นฉันไม่ดูเลยสักนิดและดูแค่เพียงลายเซ็นของคุณพ่อเท่านั้น

ลายเซ็นสองตัวอักษรของเซียวหยวนดูเหมือนกับภาพวาดด้วยน้ำหมึก ในตอนนั้นฉันมักจะลองลอกเลียนแบบอยู่เสมอแต่กลับเรียนรู้ได้ไม่ถึงครึ่งเลยสักนิด ฉันบอกได้เลยว่าลายเซ็นของคุณพ่อฉันสามารถจดลิขสิทธิ์เอาไว้ได้ เพราะไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้เลย

นี่เป็นลายเซ็นของพ่อฉัน ปลายนิ้วโป้งของฉันลูบสองคำนั้นเบาๆ และรู้สึกได้ถึงความโค้งนูนไม่เรียบของตัวอักษร ความขรุขระนั้นสัมผัสกับท้องนิ้วของฉัน

“นี่เป็นพินัยกรรมปลอม เซียวหยวนไม่มีทางทำอย่างนี้แน่!” แม่เลี้ยงปาสำเนาเอกสารลงบนพื้น “สามีของฉันจะยกสมบัติทุกอย่างให้กับนังสารเลวคนนี้ได้อย่างไร!”

“คุณนายเซียว” น้ำเสียของทนายไห่ฟังดูเย็นชาอย่างมาก “สิ่งที่ผมได้ประกาศออกไปพวกนี้ คุณเซียวเป็นคนพูดออกมาด้วยตัวเอง จากนั้นผมก็บันทึกลงไปและยังมีการบันทึกเสียงด้วย”

“ฉันจะฟังการบันทึกเสียง”

“เทปบันทึกเสียงถูกเก็บไว้ในตู้เซฟ ถ้าไม่ใช่ช่วงเวลาที่คับขันจริงๆ ไม่สามารถนำออกมาได้”

“ถ้าฉันไม่ได้ฟังก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องพวกนี้แน่!”

“คุณนายเซียว คุณจะยอมรับหรือไม่ยอมรับพินัยกรรมนี้ก็มีผลแล้ว” ทนายไห่เก็บเอกสารต้นฉบับ “ส่วนพินัยกรรมต้นฉบับผมจะนำไปเก็บไว้ในตู้เซฟ ถ้าหากทุกท่านจะเก็บสำเนาเอาไว้ผมก็ไม่ว่าอะไรเช่นกัน”

“ไห่เหอ คุณอย่าเพิ่งไปนะ” แม่เลี้ยงลุกขึ้นมา ฉันดูออกมาเธอร้อนรนใจเป็นอย่างมาก “เซียวหยวนไม่มีทางทำแบบนี้แน่ เขาไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องทำกับฉันแบบนี้ ฉันยอมอดทนปล่อยให้ลูกของผู้หญิงคนนั้นอยู่ใต้จมูกฉันมาตั้งนานถึงเจ็ดปี แต่เขาก็ยังทำกับฉันแบบนี้!”

“หุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว” ทนายไห่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับไม่ได้ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยเกินไป “คุณนายเซียว ขอให้คุณเคารพการตัดสินใจของคุณเซียวด้วยครับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)