ด้วยออร่ารังสีอันแข็งแกร่งของเขาสามารถบีบบังคับผู้อื่นได้ หลี่เฉิงหมิงพยักหน้าอย่างรวดเร็วราวกับกำลังโขลกกระเทียม “ครับ ครับ รับทราบครับ คำพูดของประธานเซียวผมก็ได้ยินครับ ผมเองก็ไม่ใช่คนปากมาก ผมจะเอาไปพูดมั่วซั่วกับคนอื่นได้อย่างไร? ผมไม่ได้เป็นคนชอบซุบซิบนินทาเหมือนพวกผู้หญิงเสียหน่อย”
ฉันจ้องมองเขา ฉันเองก็เป็นผู้หญิง ฉันไม่เห็นจะปากพล่อยเหมือนกับเขาเลย
สีชิงชวนจับมือฉันไว้และเดินจากมา เขาชอบเอามือไพล่หลัง จากนั้นจูงมือฉัน ราวกับว่าเป็นชายชรากำลังจูงวัวอย่างไรอย่างนั้น
ฉันเดินตามเขาพลางหันศีรษะกลับไปมองหลี่เฉิงหมิง เขาจ้องมองพวกเราอยู่ตลอดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้
“คุณดูโทรศัพท์ของเขาไปทำไม?” ขณะที่เดินเข้าลิฟต์ ฉันเอ่ยถามสีชิงชวน
“ดูการแบ่งแยกพรรคพวกภายในเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกคุณ”
“จากสมุดโทรศัพท์ของเขางั้นเหรอ?”
“อือ เดี๋ยวผมจะจัดการรายชื่อให้คุณทีหลัง คนเหล่านี้คุณต้องระวังไว้ด้วย”
“คุณคัดลอกมาเหรอ?”
“ผมใช้ลูกตาผมคัดลอกได้งั้นเหรอ?” เขาหัวเราะเยาะฉัน
“งั้นคุณจดมาได้อย่างไรล่ะ?”
เขาใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของฉัน “สมองไง เด็กโง่ ใช้สมอง”
ฉันเองก็มีสมอง แต่ใช้งานได้ไม่ดีเท่าเขา
ภายในลิฟต์ มือของเขาเคลื่อนขึ้นลงบนร่างกายของฉันอีกครั้ง ฝ่ามือของเขาสัมผัสเสื้อเชิ้ตตัวบางของฉันและเลื่อนลงอย่างเชื่องช้า
ฉันผลักมือของเขาที่กำลังยุ่มย่ามอยู่ตรงบริเวณเอวของฉันออก “คุณทำอะไรเนี่ย?”
“เหมือนว่าตรงนี้ของคุณจะมีแมลงเกาะอยู่” มือของเขาเป็นเหมือนปลาไหล เมื่อหลุดของจากมือของฉัน เขาก็ยังเคลื่อนไปยังบริเวณเอวของฉันอีกครั้ง
เขาหน้าไม่อายเลย ไหนแมลงที่เกาะอยู่บนร่างกายของฉัน?
“เฮ้ สีชิงชวน” มือของเขาเคลื่อนเข้ามาภายใต้เสื้อผ้าของฉันแล้ว ฝ่ามือของเขาร้อนผ่าวและแนบลงตรงผิวบริเวณเอวของฉัน ราวกับว่าฉันนั้นได้รับข้อความคลุมเครือบางอย่าง
ฉันเงยหน้าจ้องมองดวงตาของเขา นัยน์ตาของเขานั้นลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง
โอ้ อันตรายมาก
“สีชิงชวน” ฉันสัมผัสใบหน้าของเขาไว้ในขณะที่เขากำลังโน้มตัวเข้ามาหาฉัน “ที่นี่คือลิฟต์ คุณอย่าคิดจะทำอะไรเพี้ยนๆ”
“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้การถ่ายทำภาพยนตร์สั้นนั้นมีต้นทุนต่ำมากเท่าไร?” เขาเงยหน้ามองกล้องวงจรปิดภายในลิฟต์ หน้าไม่อายเลยจริงๆ
“หมายความว่าไง?”
“ต้นทุนต่ำมาก แต่ถ้าหากว่าพระเอกและนางเอกนั้นมีเสน่ห์มากพอ อย่างไรก็สามารถขายได้ หากำไรได้มากมายมหาศาลแน่นอน”
“คุณวางแผนจะทำภาพยนตร์สั้นเหรอ? คุณอยากเป็นพระเอกก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉัน ฉันไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน” ฉันไม่รู้เลยว่าเขานั้นจะหมกมุ่นแบบนี้ ฉันดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา
นับว่าโชคดีขณะนี้ประตูลิฟต์เปิดออก มีคนสองสามคนเดินเข้ามา สีชิงชวนก็ไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามกับฉันอีก
พวกเรากลับมายังห้องพักผู้ป่วยของแม่เลี้ยง หล่อนยังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม ฉันไม่แน่ใจว่าหล่อนยังคงเสแสร้งอยู่หรือว่าเสแสร้งจนหลับไปแล้วจริงๆ
“สีชิงชวน” ฉันเงยหน้ามองเขา “ปล่อยเซียวซือและพวกหล่อนเถอะ!”
ตอนนี้แม่เลี้ยงของฉันป่วย ฉันเลิกยืนกรานเรื่องการขอโทษของพวกเขาแล้ว
ครั้งนี้ในที่สุดสีชิงชวนพยักหน้า “ตกลง”
ฉันเห็นว่าลูกตาของแม่เลี้ยงนั้นกำลังขยับเขยื้อนอยู๋ภายใต้เปลือกตาของหล่อน
หล่อนคิดว่าจุดประสงค์ของหล่อนนั้นสำเร็จแล้ว แต่เมื่อหล่อนตื่นขึ้นจากการแสร้งทำเป็นหลับ คาดว่าหล่อนก็ยังคงทำเป็นไม่รู้
ฉันขอให้เซียวซือออกมาพูดคุยกับฉัน เธอไม่รู้ว่าฉันกำลังจะพูดอะไรกับเธอ เธอก้มศีรษะและเดินตามฉันออกมา
พวกเรายืนอยู่ตรงสุดปลายทางเดิน หน้าต่างกำลังเปิดอยู่ วันนี้ลมแรงมาก แทบจะพัดศีรษะของฉันจนปลิว
ฉันปิดหน้าต่าง เช็ดฝุ่นออกจากมือด้วยกระดาษเช็ดมือ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากส่วนไหน
“เซียวเซิง เธอมีเรื่องอะไรเหรอ?” เซียวซือเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบา เบาราวกับว่าเป็นเสียงที่ลอยมาจากด้านนอก
“วันนี้คุณน้ามาที่บริษัท ฉับพลันก็ล้มลงจากโต๊ะและหมดสติ” ฉันกล่าว
“อือ” เธอตอบอย่างแผ่วเบา “เรื่องนี้มีคนบอกฉันแล้ว เซียวเซิง ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเธอ ฉันจะไม่สร้างความลำบากให้กับเธอแน่นอน”
“ฉันไม่ได้จะมาอธิบายเรื่องนี้ ฉันจะบอกเธอ” ฉันหยิบเอกสารการตรวจร่างกายของแม่เลี้ยงออกจากกระเป๋าและยื่นให้กับเซียวซือ “อันนี้ เธออ่านและทำความเข้าใจก่อน จากนั้นพวกเราค่อยไปพูดคุยเกี่ยวกับแผนการเฉพาะกับหมอ”
“แผนอะไร?” เซียวซือไม่เข้าใจ เธอรับเอกสารและเปิดอ่าน เธออ่านด้วยความรวดเร็ว จากนั้นชำเลืองมองฉันและก้มหน้าอ่านอย่างละเอียด
“เนื้องอกในสมองซีกซ้าย?” เธอเอ่ยเสียงเสียงเบาหวิว จากนั้นมองชื่อของผู้ทำการตรวจอีกครั้ง
เธอชะงักไปชั่วขณะและเงยหน้าขึ้นราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
ฉันบอกเธอ “ฉันรู้ว่าวันนี้คุณน้าแสร้งทำเป็นป่วย แต่ทว่าเอกสารฉบับนี้คือเรื่องจริง”
เซียวซือมองฉันเนิ่นนาน ราวกับว่าไม่เข้าใจว่าฉันกำลังพูดอะไร “ฮะ?”
“คุณน้าแสร้งทำว่าป่วยและเป็นลม แต่เมื่อได้ทำการตรวจก็พบว่ามีอาการป่วยจริงๆ ก็คืออาการที่เธอเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้”
“แม่ฉันเป็นเนื้องอกงั้นเหรอ?” ฉับพลันร่างกายเซียวซือสั่นสะท้าน ฉันกังวลว่าเธอจะทรุดลงกับพื้น เช่นนั้นฉันจึงรีบเข้าไปประคองเธอ
“ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือเปล่า เธออย่าเพิ่งกังวลเลย”
“ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่พวกเธอปล่อยพวกเราออกมางั้นเหรอ?” เซียวซือเบิกตากว้าง นัยน์ตาของเธอมีน้ำตาเอ่อล้นอย่างรวดเร็ว “ถ้าหากแม่ของฉันไม่ป่วย ฉันและเซียวหลิงหลิงก็คงจะไม่ได้ออกมาจากสถานที่แห่งนั้นใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...