คราวนี้เซียวซือโกรธจริงๆ เสียงของเธอดังมาก แถมเรายังอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ทุกคนในสำนักงานต่างก็กรูกันเข้ามาดูพวกเรา
คุณบอกให้พวกเราล้อมรอบไว้ ฉันก็กลายเป็นศูนย์กลางวงกลมนั้นทันที เกือบจะยื่นมือทั้งสองข้างออกไปด้วยความอึดอัดและความโง่ มองเซียวซือที่กำลังโกรธ
เซียวซือจ้องฉันและจู่ๆ น้ำตาเม็ดโตๆ ก็พรั่งพรูออกมา “จำได้ว่าตอนที่ฉันอยู่สถานกักกันฉันเคยบอกกับเธอแล้ว ว่าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับฉัน ไม่ว่าเธอจะเชื่อฉันไหม ถึงเธอจะให้ฉันอยู่สถานกักกันต่อไปไม่ต้องปล่อยมาเลยก็ไม่เป็นไร แต่เธอปล่อยฉันมาแล้วกลับมาทำแบบนี้กับฉัน เธอก็พูดออกมาเลยตรงๆ สิว่าเธอเกลียดฉัน ไม่ต้องใช้วิธีอ้อมค้อมแบบนี้หรอก! เซียวเซิง เธอบอกฉันมาสิว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ หรือว่าจริงๆ เธอก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก! เพราะงั้นเธอก็เลยหน้าตาแบบนี้เอาใจพ่อฉันใช่ไหม? เธอใช้วิธีแบบนี้ทำให้สีชิงชวนต้องหันไปสนใจเธอใช่ไหม?? เธอก็ใช้ความเป็นเธอที่เป็นแบบนี้ ทำให้ผู้ชายทุกคนมาหมุนรอบตัวเธอใช่ไหม?”
ความคิดของเซียวซือที่ถามออกมาสามคำถามติดๆ กันทำให้ฉันพูดไม่ออก
ชั้นนี้เป็นห้องเลขาพอดี พวกสาวๆ ล้อมอยู่รอบพวกเราและกระซิบกระซาบกันเบาๆ
ไม่ต้องฟังก็รู้ว่าพวกเธอกำลังพูดอะไรอยู่ ตอนนี้สมองฉันตื้อและสับสนไปหมด
และเซียวซือก็กำลังโมโห ฉันเดินเข้าไปและตั้งใจจะปลอบเธอ “เซียวซือ พี่ใจเย็นก่อนนะ ไม่งั้นเราหาที่คุยกันดีๆ สักหน่อยเถอะ”
ฉันยื่นมือออกไปจับมือเธอไว้ มือของฉันแตะเข้ากับปลายนิ้วที่เย็นเฉียบของเธอแล้ว แต่เธอกลับมองฉันด้วยความคับแค้นใจ จากนั้นทั้งร่างของเธอก็ล้มพับลงไปบนพื้นต่อหน้าฉัน
เลขาพวกนั้นตกใจและรีบประคองเธอคนละไม้ละมือ ฉันไม่รู้ว่าเซียวซือเป็นอะไรไป เป็นไปได้มากว่าเธอคงจะโกรธฉันจนเป็นลม
ฉันมองเธอถูกหิ้วเข้าไปในห้องทำงานอย่างตะลึงงัน จากนั้นพวกเลขาก็กำลังโทรศัพท์และเดินไปเดินมาอยู่ข้างหลังฉัน
พวกเธอโทรเรียกรถพยาบาล บอกว่ารถพยาบาลกำลังจะมาถึง คำพูดพวกนั้นที่เซียวซือพูดกับฉันเมื่อกี้ยังดังก้องอยู่ในหูฉันไม่หยุด
เพราะฉะนั้นมีคนบอกว่าฉันเป็นคนแรดเงียบ ครั้งแรกที่มีคนด่าว่าฉันแอ๊บใส ฉันรับคำปรามาสพวกนี้ไม่ได้จริงๆ
แต่เหมือนคำพูดของเซียวซือจะพอมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่จริงๆ มันก็ไม่ใช่แบบนั้น เซียวซือจำผิดหรือเปล่า?
เธอไม่ได้พูดอะไรกับฉันเลยสักนิดตอนที่เธออยู่ในสถานกักกัน เธอไม่ได้บอกว่าใช่ แล้วก็ไม่ได้บอกว่าไม่ใช่ ทำเพียงแค่เงียบ บางทีเมื่อกี้เซียวซืออาจจะโกรธจนเลอะเลือนไปแล้วก็ได้
ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง นี่เป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งสัปดาห์ที่มีรถพยาบาลมาที่เซียวซื่อกรุ๊ป พนักงานอาสารีบวิ่งผ่านร่างฉันไปทันที
ฉันยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานและมองเซียวซือที่นอนอยู่บนเบาะรองนั่งที่เอามาปูไว้พื้น เธอไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ทั้งดูอ่อนแอและน่าสงสาร
เป็นครั้งแรกในชีวิตฉันที่ทำให้ใครคนหนึ่งโกรธจนเป็นลมล้มพับไปได้
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เซียวซือ จากนั้นก็วางเธอลงบนเปลหามและเดินผ่านหน้าฉันไป
ฉันอยากดึงมือเธอไว้ แต่กลับถูกเลขาของเซียวซือปัดออก เธอจ้องฉันอย่างโกรธเกรี้ยวและน่ากลัว “คุณอย่าเข้าใกล้ประธานเซียวเลยค่ะ เซียวเซิง คุณมันหน้าเนื้อใจเสือเกินไปแล้ว! ไม่คิดเลยว่าคุณจะซ้ำเติมเธอขนาดนี้!”
ฉันถูกเธอผลักออกจนเซถอยหลังไปหลายก้าวและหลังชนเข้ากับกำแพง คราวก่อนฉันบาดเจ็บตรงนั้น ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ่งและฝนตกบางครั้งก็จะรู้สึกเจ็บมาก ตอนนี้ชนเข้าตรงนั้นพอดี ฉันเจ็บจนต้องสูดหายใจ เซียวซือถูกพวกเขาพาออกไปแล้ว
ฉันรู้ว่าตอนนี้ฉันต้องไม่เป็นที่ต้อนรับแน่ๆ แต่จู่ๆ เซียวซือก็เป็นลมไป ฉันก็ควรจะไปโรงพยาบาลด้วยกันสิ
ฉันให้คนขับรถไปส่งฉัน เมื่อฉันมาถึงโรงพยาบาล เซียวซือกำลังตรวจอยู่ในห้องฉุกเฉิน
ในหนึ่งสัปดาห์นี้ฉันพาแม่ของเธอมาก่อน แล้วตอนนี้ก็เป็นเซียวซืออีก
ตอนแรกก็เป็นเพราะเขาที่ทำให้ฉันยกตำแหน่งให้เซียวซือ ตอนนี้คนที่ยุยงให้ฉันเอาตำแหน่งคืนมาก็ยังเป็นเขาอีก
ไปๆ มาๆ แบบนี้เซียวซือต้องรับไม่ได้แน่ ฉันอยู่บนรถที่อยู่ในระหว่างทางกลับกับหร่วนหลิง ฉันเงียบมาตลอดทางและในก็หัวรู้สึกยุ่งเหยิงไปหมด
ฉันอดถามหร่วนหลิงไม่ได้ “ฉันดูแอ๊บมากจริงเหรอ?”
“คุณว่าไงนะคะ?” เหมือนหร่วนหลิงจะได้ยินไม่ชัดจึงเบิกตากว้างมองฉัน “เมื่อกี้คุณว่าไงนะคะประธานเซียว?”
“ฉันถามคุณว่าฉันดูแอ๊บมากเลยเหรอ?”
หร่วนหลิงชะงักไปครู่หนึ่งถึงตั้งสติได้ว่าฉันกำลังพูดอะไร
“ท่านประธานคะ ทำไมคุณถึงว่าตัวเองแบบนั้นล่ะ? คุณไม่ใช่คนแบบนั้น อย่าไปฟังที่เซียวซือพูดแบบนั้นค่ะ จริงๆ ถ้าจะพูดเนี่ย เซียวซือมากกว่าค่ะที่แอ๊บใส”
ฉันมองเธอ จากนั้นน้ำเสียงของเธอก็อ่อนลงเล็กน้อย
เธอถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ดูๆ แล้วเรื่องนี้เหมือนคุณจะแข็งแกร่งกว่า จริงๆ เซียวซือกำลังใช้ความอ่อนแอของเธอมาล้มคุณค่ะ คุณอย่าไปหลงกลนะคะ!”
คำพูดของหร่วนหลิงทำให้ฉันนึกคำพูดพวกนั้นที่เธอพูดกับฉันที่บริษัทเมื่อกี้ออก ที่พูดเกี่ยวกับเรื่องสถานกักกัน ระเบียบแบบแผนของเธอชัดเจนขนาดนั้น ไม่เหมือนคำพูดที่พูดออกมามั่วๆ เพราะโกรธฉันจนเลอะเลือน
เมื่อเห็นว่าฉันใจลอย หร่วนหลิงก็ผลักฉันเบาๆ “ท่านประธานคะ คุณถูกเธอหาเรื่องกลับแล้วก็อย่าไปคิดจริงจังเด็ดขาดนะคะว่าคนที่ผิดคือคุณ คุณไม่ได้ผิด เธอให้คนมาทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ แล้วคุณยังใจกว้างปล่อยเธอออกมาอีก ตอนนี้ถ้าอิงตามความประพฤติด้านศีลธรรมของเธอ เธอก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอจะทำตำแหน่งนี้อีกแล้วค่ะ คุณเอามันคืนมาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วค่ะ ยังไงคุณก็เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของเซียวซื่อกรุ๊ป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...