พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 392

เฉียวอี้ชอบทานซาชิมิมาก ฉันมักจะรู้สึกว่าของแบบนั้นถ้ากินเยอะๆ แล้วมันจะมีพยาธิ เธอบอกว่าทานวาซาบิเยอะๆ มันจะฆ่าพยาธิได้ แต่ฉันรู้สึกว่าฉันจะตายเพราะทานวาซาบิเยอะๆ ก่อนน่ะสิ

และเฉียวอี้ยังชอบทานหมึกดิบอีกด้วย ผสมกินกับวาซาบิ ปลาหมึกนั่นเคี้ยวหนึบหนับมาก มันจะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในปากจนไม่สามารถกัดมันให้ขาดได้ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ามันอร่อยยังไง

เฉียวอี้บอกว่า การทานหมึกดิบสามารถเพลิดเพลินไปความรู้สึกในการไล่ตาม ฉันรู้สึกว่าเธอมันเพี้ยนไปแล้ว

เธอกำลังทุ่มเทพลังกัดหมึกดิบอย่างเต็มที่ สีหน้าท่าทางดูโหดร้ายทารุณมาก โทรศัพท์ของเธอสั่นอยู่บนโต๊ะมานานแล้ว แต่เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ฉันยื่นหน้าไปดูเป็นสายจากเลขาของเธอ

“เสี่ยวหวงโทรมา” ฉันบอกเฉียวอี้

เลขาของเฉียวอี้เป็นผู้ชาย ชื่อหวงหมิน แต่เธอก็เอาแต่เรียกเขาว่าหวงหมี่ทุกวัน

“ปล่อยให้เขารอไป ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังกินข้างอยู่น่ะ! มีตาหามีแววไม่จริงๆ รู้ว่าฉันมากินข้าวเที่ยงกับเธอที่นี่ทุกวัน แต่ก็ยังจะโทรหาฉันในเวลานี้อยู่ได้”

จริงๆ แล้วหวงหมินเป็นคนที่ตามีแววมากๆ จะต้องมีเรื่องใหญ่เร่งด่วนอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางรีบโทรหาเฉียวอี้ในเวลาทานข้าวกลางวันแบบนี้หรอก

ดังนั้นฉันจึงรับสายแทนเฉียวอี้ และบอกเขาว่าเฉียวอี้กำลังทานข้าวอยู่

น้ำเสียงของเลขาหวงฟังดูลำบากใจเล็กน้อย “ประธานเซียว ตอนนี้มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย ให้ท่านประธานมาคุยเองดีกว่าครับ”

ฉันก็เลยเอาโทรศัพท์ไปแนบไว้ข้างหูของเฉียวอี้ มือซ้ายของเธอกำลังถือซูชิส่วนมือขวาก็ถือกุ้งหวาน เธอดูยุ่งมาก

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ” ในปากของเฉียวอี้เต็มไปด้วยหมึกดิบ เธอจึงถามเขาไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยชัด

ฉันไม่รู้ว่าเลขาหวงกำลังพูดอะไรอยู่ในสาย เพราะฉันไม่ได้เปิดลำโพง แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องของเฉียวกรุ๊ปคงไม่สะดวกถ้าฉันฟังด้วย

ฉันเห็นสีหน้าของเฉียวอี้เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวก็เลิกคิ้วข้างซ้ายขึ้นสูง เดี๋ยวก็เลิกคิ้วข้างขวา เธอกลืนหมึกดิบที่อยู่ในปากลงไป และเอาอาหารที่อยู่ในมือขวากลับไปวางไว้ในจาน หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดมือ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

“รู้แล้วๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย รอเดี๋ยวฉันกำลังไปแล้ว”

ถึงเฉียวอี้จะพูดแบบนี้ แต่เรื่องที่ทำให้เธอวางอาหารในมือลงแล้วรีบไปที่เฉียวกรุ๊ปทันทีได้ มันต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างแน่นอน

ฉันรู้สึกเป็นห่วงนิดหน่อย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเฉียวอี้? ”

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อู๋ซือเหมยทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมาอีกแล้วน่ะ จู่ๆ เธอก็วิ่งไปถือป้ายอยู่หน้าประตูใหญ่ของเฉียวกรุ๊ป แล้วยังคุกเข่าร้องห่มร้องไห้อยู่ตรงนั้นอย่างกับขายตัวเอาเงินไปฝังศพอย่างไรอย่างนั้น”

“เธอถือป้ายอะไร? ”

“ก็เรื่องที่จะให้ฉันโอนหุ้นครึ่งหนึ่งของเฉียวกรุ๊ปให้เฉียวเจี้ยนฉี เพื่อให้เขาเข้าร่วมคณะกรรมการบริหารไง”

“แล้วเฉียวเจี้ยนฉีว่ายังไงบ้าง? ”

“เขาเหรอจะว่ายังไงดีล่ะ ช่วงหลายวันมานี้เขาหนีกลับไปดูแลร้านอาหารของเขาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่หลังแม่ของเขาคอยนั่งเสวยดอกผลของคนอื่น หรือว่าไม่ได้อยากเข้ามายุ่งอะไรมากมายตั้งแต่แรก ก็เลยหนีไปหลบอยู่เงียบๆ หรือเปล่า ใครจะไปรู้กันล่ะ! ”

เฉียวอี้หยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดปากอย่างลวกๆ “ฉันไปก่อนนะ อาหารพวกนี้ถ้าเธอกินไม่หมดก็เก็บไว้ตอนเย็น ตอนเธอทำงานนอกเวลา ฉันจะมากินเป็นเพื่อนเธอ”

ช่วงหลายวันนี้มักจะทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อยๆ เฉียวอี้ก็จะเอางานของเธอมาทำงานนอกเวลากับฉันที่นี่

ฉันเดินไปส่งเธอที่ประตู แต่ก็ยังรู้สึกร้อนใจอยู่นิดหน่อย “อู๋ซือเหมยเอะอะโวยวายเก่งมาก เธออย่าไปทะเลาะกับเธอตรงๆ นะ ไม่อย่างนั้นสังคมจะเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ดีเอาได้”

“ฉันสนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่ไหนกัน พวกเขาจะเรียกฉันว่าเสือตัวเมีย ฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว” เฉียวอี้ตบไหล่ฉันเบาๆ “อย่าไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเธอ ขอแค่เธอจำไว้ว่าตัวเธอในสายตาของพวกเขา ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเธอก็พอแล้ว”

“ฉันไม่สนว่าคุณจะพูดกับแม่ว่ายังไง แต่ตอนนี้เฉียวอี้ลำบากมาก ถ้าคุณอยู่ในเมืองฮวาละก็ คุณรีบไปดูให้หน่อยได้ไหม? ”

เมื่อเทียบกับความกังวลของฉันแล้ว เฉียวเจี้ยนฉีดูเอ้อระเหยลอยชายมากๆ “แม่ของผมก็เป็นแบบนั้นแหละ เฉียวอี้น่าจะรู้วิธีการของท่านดี ปล่อยท่านเอะอะโวยวายไปก็จบแล้ว”

“ฉันกลัวว่าเรื่องราวมันจะใหญ่โต คุณก็รู้นี่ว่าช่วงนี้หุ้นของเฉียวกรุ๊ปไม่ค่อยนิ่ง และกิจการของบริษัทพวกคุณก็มีคู่แข่งปรากฏตัวขึ้นมาเยอะแยะมากมาย ตอนนี้ต้องต้านศัตรูที่มาจากภายนอกก่อน ไม่ใช่มานั่งขัดแย้งกันเองภายในแบบนี้ เฉียวเจี้ยนฉี คุณไปดูหน่อยเถอะ พาแม่ของคุณกลับไปด้วย โอเคไหม? ”

“งั้นพวกเรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกัน ถ้าคุณตอบรับเงื่อนไขของผม ผมก็จะไปดูว่าเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง? ”

ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีทางพูดอะไรดีๆ ออกมาแน่ แต่ฉันก็ยังคงถามเขากลับไป “เงื่อนไขอะไร? ”

“เอาอย่างนี้ละกัน พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าคุณตกลงเป็นแฟนกับผม ผมก็จะไปพาตัวแม่ของผมออกมา”

เขาพูดจาบ้าๆ บอๆ อีกแล้ว

“นี่แลกเปลี่ยนกันอย่างเท่าเทียมแล้วเหรอ? ”

“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าผมไปพาตัวแม่ของผมออกมา นั่นจะต้องทำให้ท่านไม่พอใจแน่ๆ ท่านเป็นแม่ของผมนะ ดังนั้นถ้าจะให้ผมจ่ายราคาแลกเปลี่ยนที่ขมขื่นแบบนี้ งั้นก็ต้องให้ผมได้รับในสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดสิ”

“งั้นคุณก็ไปคุยกับสีชิงชวนเถอะ”

“ถ้าเขาเห็นด้วยล่ะ? ”

“ฉันก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี”

ทันใดนั้นเฉียวเจี้ยนฉีก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง หัวเราะจนหัวฉันดังวิ๊งๆ ไปหมด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)