สีจิ่นยวน เป็นชื่อที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
แต่ดวงตาของเขาสวยมากจริงๆ ราวกับมีดอกไม้นับร้อยดอกไม้กำลังเบ่งบานอยู่ด้านในนั้น
ทำไมในดวงตาของคนบางคนถึงสามารถเต็มไปด้วยแสงอาทิตย์ได้ และในดวงตาของบางคนก็บานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้
แต่ในดวงตาของสีชิงชวนกลับเต็มไปด้วยไฟนรก
“คุณผู้หญิง คุณคือใครเหรอครับ? พักอยู่ในบ้านของพวกเราเหรอครับ? ”
“อ้อ” ฉันพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ก็ใช่ค่ะ”
“คุณคือ” เขากะพริบตา “คุณคงจะไม่ใช่ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันของพี่สามของผมหรอกใช่ไหม? ”
เขาเป็นน้องชายของสีชิงชวนจริงๆ ด้วย เขาฉลาดมาก ฉลาดเหมือนสีชิงชวน
ฉันยิ้มให้เขา “ใช่ค่ะ ฉันชื่อเซียวเซิงนะ”
“คุณเด็กมาก” เขามองสังเกตฉันจากบนลงล่าง และสรุปออกมาแบบนี้
“คุณก็เด็กมากเหมือนกัน”
เขายิ้ม เผยฟันขาวออกมาให้เห็น “ปีนี้ผมอายุยี่สิบ กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในแคลิฟอร์เนียครับ”
“ปีนี้ฉันอายุยี่สิบสามปี เพิ่งเรียนจบ”
“เพิ่งเรียนจบก็แต่งงานกับพี่สามของผมแล้ว ความรักของพวกคุณดีมากเลยใช่ไหมครับ? ”
“เอ่อ” ฉันไม่อยากตอบคำถามนี้ จึงชี้ขึ้นไปบนฟ้ามั่วๆ “คุณดูสิ นกพิราบล่ะ”
เขาเงยหน้าขึ้น แสงแดดส่องเข้าตาของเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “โอ้ ท้องฟ้าบริเวณบ้านของพวกเรายังมีนกพิราบอยู่ด้วย ผมคิดว่าในบ้านของพวกเรานอกจากคนแล้วจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อยู่แล้วซะอีก”
“มีอยู่นะ ครั้งก่อนป้าสวียังเอาห่านขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งมาอยู่เลย”
“หลังจากนั้นล่ะ? ” เขามองมาที่ฉัน
“พอตอนบ่ายก็ถูกเอาไปตุ๋นเป็นซุปห่าน”
เขาชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
เขาหัวเราะอย่างมีความสุขมาก ฉันเองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะไปพร้อมกับเขา
นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้หัวเราะแบบนี้
ไม่ต้องคิดอะไร แค่หัวเราะจนแทบจะขาดใจตายให้กับเรื่องที่ก็ไม่ได้ตลกอะไรเรื่องหนึ่งเหมือนคนโง่เท่านั้น
เมื่อเขาหัวเราะจนพอแล้ว ก็หอบหายใจบอกกับฉันว่า “ตั้งแต่เด็กจนโตในบ้านไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ผมชอบสุนัขมาก ผมขอแม่ของผมอยู่นานมากแต่ท่านก็ไม่อนุญาตให้เลี้ยง”
“ทำไมล่ะ? ”
“เพราะแม่ของผมเป็นโรคแพ้ก้อนขน”
“อะไรคือโรคแพ้ก้อนขนเหรอ? ”
“ท่านไม่ชอบสัตว์ที่มีลักษณะเหมือนลูกบอล”
“งั้นก็เลี้ยงแมวสฟิงซ์สักตัวหนึ่งก็ได้”
พวกเราต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคุยเล่นไร้สาระ แต่กลับพูดคุยกันสนุกสนานเป็นอย่างมาก
นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้พูดคุยบ้าๆ บอๆ แบบนี้กับคนอื่น
แต่ความสุขชั่วคราวระหว่างฉันกับน้องชายก็ถูกปีศาจร้ายทำลายลงอย่างรวดเร็ว ฉันได้ยินเสียงของสีชิงชวนดังอยู่เหนือหัวของฉัน “สีจิ่นยวน”
น้องชายเงยหน้าขึ้น ความปีติยินดีผลิบานอยู่ในลักยิ้มของเขา เขากระโดดเข้าไปโอบไหล่ของสีชิงชวน “พี่สาม! พี่กลับมาแล้ว! ”
โอ้ สีจิ่นยวนยังเตี้ยกว่าสีชิงชวนอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆ ที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ในยามเย็นอันงดงาม แต่สีชิงชวนที่สวมใส่เสื้อนอกสีดำก็ยังคงเหมือนยมบาลหรือยมทูตจากนรกอยู่ดี
สีชิงชวนกับสีจิ่นยวนกอดกัน ดูออกเลยว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ดีมาก
ในที่สุดตระกูลสีก็มีคู่พี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
สีชิงชวนยังมีพี่ชายอีกสองคน แต่ในด้านของความสัมพันธ์ก็งั้นๆ พูดให้ถูกคือสีชิงชวนไม่ได้สนใจพวกเขาสักเท่าไร
แต่ครั้งนี้แม้ว่าฉันจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นไป ฉันก็ยังได้ยินเสียงของพี่สะใภ้ใหญ่กำลังเรียกชื่อของฉันเสียงดัง “เซียวเซิง”
ฉันได้แต่เงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้เธอ “พี่สะใภ้ใหญ่”
“ได้ยินมาว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเซียวหยวนเหรอ? ” พี่สะใภ้ใหญ่กำลังทานเกี๊ยวน้ำซุปเสฉวน บนฟันของเธอจึงเต็มไปด้วยน้ำมันสีแดง
เวลาพี่สะใภ้พูดจาเธอไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นเลย หรือก็คือเธอแค่ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของฉันเลย
คำถามแบบนี้ จะให้ฉันตอบว่าอย่างไร
ฉันก้มหน้าลงไปใหม่อีกครั้งและทำเป็นไม่ได้ยิน
“เซียวเซิง ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ! ” พี่สะใภ้ใหญ่ใช้ช้อนซุปของเธอเคาะลงบนโต๊ะ “งั้นนี่หมายความว่าเธอยอมรับแล้วนะ? ”
เวลานี้เอง ป้าสวีก็ยกก๋วยเตี๋ยวผัดเปรี้ยวเผ็ดของฉันเข้ามา “คุณนายสาม คุณลองชิมดูนะคะว่าทานได้ไหม? ”
ฉันทานเข้าไปหนึ่งคำ เส้นก๋วยเตี๋ยวเคี้ยวหนึบมาก และน้ำซุปก็สดชื่นมาก “อร่อยมาก ขอบคุณค่ะป้าสวี”
“ในครัวยังมีอีกนะคะ”
“พอทานแล้วค่ะ”
หลังจากป้าสวียกก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินกลับเข้าไปในครัว ฉันหวังว่าเธอจะอยู่ให้นานกว่านี้สักหน่อย อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันอีกสักพัก
ฉันก้มหน้าทานอาหาร ส่วนพี่สะใภ้รองก็กำลังพูดกับพี่สะใภ้ใหญ่ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ถึงพี่ถามเธอ เธอก็ไม่ยอมรับหรอก ก็แค่รู้สึกไม่ดีแทนเจ้าสาม ทำไมถึงได้แต่งคนป่าเถื่อนแบบนี้กลับมา”
นี่พวกเธอต้องดูถูกฉันมากขนาดไหนกัน แม้แต่คำพูดแบบนี้ก็ไม่พูดลับหลังฉัน
ฉันควรจะโกรธ ควรจะเอาชามที่อยู่ในมือโยนใส่พวกเธอทันที สาดหน้าพวกเธอด้วยน้ำซุปเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ
ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเธอตื่นตระหนกเล็กน้อยจริงๆ และหลบไปทางด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
ฉันจับชามไว้ในมือ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยกมันขึ้นมา
หลังจากนั้นฉันก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเสียงเหยียดหยามของทั้งสองคนอย่างชัดเจน “เป็นยังไง ต้องไปคุยกับคุณแม่ไหม? ยังจะให้เธอเดินกรีดกรายเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในตระกูลสีของพวกเราอีกเหรอ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...