พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 50

เป็นลูกสุนัขจริงๆ เพราะมันสกปรกเกินไป ดังนั้นในตอนแรกจึงแยกไม่ออกว่ามันเป็นพันธุ์อะไร อายุเท่าไร แต่ฟังจากเสียงร้องของมันแล้ว มันน่าจะยังเป็นลูกสุนัขที่ยังไม่หย่านม

มันดูอ่อนแอมาก และเหมือนกำลังจะตาย ไม่ถูกคนเอามาทิ้งไว้ก็พลัดหลงกับแม่

ฉันยื่นมือออกไปอยากจะลองลูบมันดู แต่ก็กลัวว่ามันจะโจมตีฉัน

ทันทีที่มือของฉันสัมผัสโดนหัวของมัน มันก็หรี่ตาลง

โอ้ มันชอบที่ฉันลูบมัน

มันดูหิวมาก และเบียดตัวอยู่ในฝ่ามือของฉัน

แต่ที่ตัวของฉันไม่มีแม้แต่เจลลี่ชิ้นหนึ่ง จะทำยังไงดี?

ฉันอุ้มมันขึ้นมากอดเอาไว้ มันเบามาก ถ้าไม่มีขนคาดว่าก็คงจะเหมือนกระดูก

เจ้าตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองฉันตาปริบๆ อยู่ในอ้อมกอดของฉัน เห็นท่าทางของมันแล้วทำให้รู้สึกหลงรักจริงๆ

ฉันชอบสัตว์ตัวเล็กๆ มาโดยตลอด ตอนเด็กๆ ฉันกับเฉียวอี้ได้บังเอิญไปเจอเม่นบนภูเขา และไม่รู้ว่านั่นคือเม่น จะพากลับมาและแอบเลี้ยงเอาไว้ สุดท้ายพอมันมีหนามขึ้นตามตัวถึงจะรู้ว่ามันคือเม่น และถูกคุณแม่ของเฉียวอี้ดุอยู่นานเลย

แต่ลูกสุนัขตัวนี้ ทั้งหนาวทั้งหิวทั้งสกปรก ถ้าไม่สนใจมันละก็อีกไม่นานมันก็จะหิวตาย

ตระกูลสีอยู่ตรงหน้า ฉันมาลองคิดดูแล้ว แม้ว่าคุณแม่สีจะไม่ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ฉันแอบพามันกลับไป อาบน้ำให้มัน และป้อนอาหารให้มันได้ หลังจากนั้นค่อยเอามันไปส่งที่โรงพยาบาลสัตว์ ก็น่าจะไม่มีคนรู้

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงแอบอุ้มมันเข้าไปในตระกูลสีด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ และไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในเสื้อผ้าของฉันมีลูกสุนัขซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย ดวงของฉันก็ค่อนข้างดีอยู่เหมือนกันนะเนี่ย แอบเข้ามาในห้องของฉันแล้วและก็ไม่มีใครสังเกตเห็นฉันด้วย

ฉันไม่มีอาหารสุนัข จึงไปที่ห้องครัวขอน้ำแกงหนึ่งชามผสมกับข้าวจากป้าสวี จากนั้นก็หั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ โรยลงไปบนข้าว ฉันลองดมดูแล้วมันหอมมาก

ป้าสวีไม่รู้ว่าฉันกำลังทำอะไร จึงพูดกับฉันด้วยสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกว่า “คุณนายสาม ถ้าคุณหิวฉันจะทำอาหารให้คุณทาน ที่คุณทำนี่มันเหมือนอาหารสุนัขเลยนะคะ”

ก็มันคืออาหารสุนัขน่ะสิ ฉันถือจานเดินออกจากห้องครัว “ฉันชอบกินข้าวแบบนี้ค่ะ ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากหรอกค่ะ”

เจ้าลูกสุนัขหิวมากจริงๆ พอฉันวางจานข้าวลงบนพื้นมันก็ก้มหน้ากินใหญ่เลย และยังส่งเสียงกรนครอกๆ ออกมาเหมือนลูกหมู

ข้าวผสมน้ำซุปทั้งจานถูกมันกินหมดภายในห้านาที และดูเหมือนว่ามันจะยังไม่อิ่ม

ไม่ได้กินข้าวมานานจะกินครั้งเดียวให้เต็มอิ่มไม่ได้ ฉันกำลังจะอุ้มมันขึ้นมาและพามันไปอาบน้ำ ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตูห้องฉัน

ฉันรีบพามันไปซ่อนใต้เตียง จากนั้นก็ไปเปิดประตู

นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสีจิ่นยวน เขายืนยิ้มอยู่หน้าประตู

“ไง เซียวเซิง”

ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมทุกครั้งเขาถึงไม่เรียกฉันว่าพี่สะใภ้สาม ฉันยิ้มให้เขาเช่นกัน “ไง มีอะไรเหรอ? ”

“เปล่าครับ” เขายักไหล่

“อ้อ แต่ฉันมีธุระ งั้นฉันขอปิดประตูก่อนนะ”

แต่เขาใช้มือดันประตูไว้ “สะดวกให้ผมเข้าไปไหม? ”

“ไม่สะดวก” เด็กที่โตในเมืองนอกแบบนี้ล้วนไม่มีข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าอย่างไรฉันก็เป็นพี่สะใภ้ของเขา จะให้เข้าห้องคงจะไม่สะดวกเท่าไร!

“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”

“ทำงานไปเรื่อย”

เขายิ้ม เขายิ้มสวยมากจริงๆ ดวงตาก็เป็นประกายเหมือนดวงดาว “เซียวเซิง ผมพบว่าเวลาคุณคุยกับผมไม่เหมือนเวลาคุณคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รอง ทำไมคุณถึงกลัวพวกเธอขนาดนั้น? ตอนเช้าพวกเธอพูดจาแย่ขนาดนั้น คุณควรจะด่ากลับไปสิ”

“ขอบคุณสำหรับความใจกว้างตรงไปตรงมาของคุณนะคะ แต่ฉันไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง” ฉันเริ่มผลักเขาออกไป “ขอความกรุณาคุณออกไปดีๆ ได้ไหมคะ ฉันยังมีงานต้องทำ”

“เมื่อกี้ผมเห็นคุณถือจานข้าวผสมน้ำซุปเดินเข้าห้องไป” เขายิ้มจนลักยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

“อ้อ ใช่ค่ะ เมื่อเช้าฉันไม่อิ่ม”

“คุณใช้จานกินข้าวเหรอ? ”

“โรงพยาบาลสัตว์มีค่าใช้จ่าย และจะไม่พยายามช่วยคุณดูแลมันให้ดีที่สุด และจะขังมันไว้ในห้องเล็กๆ มืดๆ ทั้งวัน”

“งั้นก็ทำได้แค่นี้แหละ”

เขามองมาที่ฉันอย่างโกรธเคือง “คุณมันไม่มีน้ำใจ”

ฉันเอาลูกสุนัขที่สกปรกแบบนี้ตัวหนึ่งซ่อนไว้ในเสื้อผ้าของฉันและพากลับมาให้อาหารมันกิน เขายังบอกว่าฉันไม่มีน้ำใจอีกเหรอ

“คุณก็แค่แกล้งทำเป็นไม่เคยเห็นมันได้ไหม? ”

“ไม่ได้ คุณรู้ไหมว่าถ้าคุณโยนมันทิ้งไป มันจะตาย น่าสงสารมาก มันเพิ่งจะได้กินข้าวอิ่มไปมื้อเดียวคุณก็จะโยนมันทิ้งแล้ว งั้นคุณก็อย่าเก็บมันกลับมาตั้งแรกยังจะดีเสียกว่า”

“งั้นคุณจะให้ทำยังไงกันแน่? ”

ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเหมือนดอกไม้ที่ผลิบาน ยิ้มจนฉันเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

“พวกเรารับเลี้ยงมันกันดีไหม? ”

ฉันตกใจจนสำลักน้ำลายตัวเอง และไอออกมาอย่างหนัก เขาช่วยตบหลังฉันอย่างใจดี

“ไม่ได้” ฉันไอจนเกือบตาย มือหนึ่งยันกำแพงเอาไว้อีกมือหนึ่งก็สะบัดไปมา “ไม่ได้เด็ดขาด แม่ของคุณไม่ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ ครอบครัวของพวกคุณไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อน คุณเป็นคนบอกเอง”

“เซียวเซิง ตระกูลสีของพวกเราใหญ่ขนาดนี้ มันก็เพิ่งจะตัวเล็กนิดเดียว ใครจะไปรู้ว่าเราเลี้ยงมันไว้ในบ้าน? ”

“ไม่ มันจะเห่า และจะโตขึ้นอีก”

“ไม่มีทางๆ ผมรับประกันกับคุณเลยว่าโอลด์ อิงลิช ชีพด็อกจะไม่โตขึ้นอีก มันจะตัวแค่นี้แหละ และมันก็ไม่ชอบเห่า พอมันติดสัดเราก็พามันไปทำหมันดีไหม? ”

“ไม่ดี” ฉันปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ไปได้อีกกี่วัน แล้วยังจะให้ฉันมาเลี้ยงสุนัขอีก?

“เซียวเซิง ขอร้องล่ะ” เด็กหนุ่มใช้วิธีออดอ้อนอย่างไม่อาย เขาเขย่าแขนของฉันด้วยสีหน้าท่าทางขมขื่นเป็นอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)