พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 60

เฉียวอี้ยังคงมีความเมตตา แม้ปากเธอจะดุ ทว่าก็ไม่ได้ฉันดื่มน้ำซุปนั่น ระหว่างที่ฉันกำลังจะตักใส่ปาก เธอก็แย่งไป “ก็ได้ ก็ได้ ฉันไม่โหดร้ายให้เธอดื่มน้ำซุปที่คุณแม่ฉันเคี่ยวหรอก เดี๋ยวฉันจะไปเททิ้งเอง”

“ไม่ดีมั้ง”

“งั้นเธอดื่มสิ”

“เททิ้งดีกว่า”

เธอทำตาขวางใส่ฉันปราดหนึ่ง ก่อนจะเทน้ำซุปกลับเข้าที่เดิม ดูจากรูปการณ์เธอแล้วคงคิดจะเทศนายาวเหยียดให้ฉันรับฟังแน่

ทันใดนั้นก็มีเสียงปังๆลอยเข้ามาทางหน้าต่าง เธอเงี่ยหูฟัง “เสียงอะไรน่ะ?”

“สีจิ่นยวนเล่นบาสอยู่มั้ง”

“เล่นบาส?” เฉียวอี้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที วิ่งไปมองตรงหน้าต่าง ดีใจเสียจนเกือบกระโดดลงจากหน้าต่าง “ออ บาสเหรอ นายนั่นก็คือน้องชายของสีชิงชวนสินะ เล่นบาสได้ไม่เลวเลยนี่ เซียวเซิง เซียวเซิงไปเล่นบาสกัน”

“ฉันเป็นแบบนี้จะเล่นบาสได้ไง อีกอย่างฉันยัง...” ฉันพูดไม่ทันจบ เฉียวอี้ก็วิ่งออกมาดุจดั่งสายลมพัดผ่าน “ฉันไปเล่นกับน้องชายแป๊บหนึ่ง”

“เฉียวอี้...”

เธอเห็นลูกบาสเกตบอลก็จะเกิดความกระตือรือร้น แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนฉัน อย่างน้อยเธอก็ไม่จุ้นจ้านใส่ฉันอีก หูของฉันจะได้สงบสุขบ้าง

ไม่นานด้านนอกก็มีเสียงของเฉียวอี้ส่งมา “พวกเรามาเก่งกันว่าใครชู้ตแม่นกว่ากัน ถ้าใครแพ้ก็กินไอศกรีมสิบแท่ง”

นี่คือนิสัยของเฉียวอี้ ตอนเรียนมหาลัยก็ชอบทำแบบนี้ตลอด เพราะที่บ้านฐานะร่ำรวย ปกติคนแพ้จะเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อหรือไอศกรีมแค่ไม่กี่แท่ง แต่บางทีก็จะเป็นน้ำอัดลมไม่กี่ขวด ทว่าคุณเฉียวอี้คือสายเปย์ แย่งเป็นเจ้าภาพตลอด แถมยังซื้อกองเบ้อเริ่มเทิ่มให้คู่แข่งกินอีก มีอยู่ครั้งหนึ่ง นักบาสที่ชอบเล่นกับเธอเป็นประจำกินจนท้องเสีย จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเล่นกับเธอไปสักพักใหญ่ๆ เลย

ป้าสวีขึ้นมาเก็บถ้วยชาม “คุณเฉียวเป็นคนร่าเริงจริงๆ เลยค่ะ พึ่งจะรู้จักคุณชายสี่ก็เล่นบาสด้วยกันแล้ว”

“ใช่ค่ะ” ฉันกล่าว “เธอจะสนิทกับคนอื่นตั้งแต่รู้จักกันครั้งแรกเลย”

“สนิทกันตั้งแต่รู้จักครั้งแรกแบบนี้ก็ดีค่ะ คุณเฉียวนิสัยดี คุณนายสามก็ยังสาวยังสวย น่าจะสดใสเหมือนคุณเฉียวนะคะ”

ฉันมองป้าสวีด้วยความงงงัน เธอคิดว่าตัวเองพูดผิด รีบเอ่ยว่า “ขอโทษค่ะคุณนายสาม ป้าพูดมากไปใช่ไหมคะ?”

“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ ป้าสวีมองแล้วฉันไม่สดใสเหรอ?”

“ค่ะ คุณยิ้มให้ทุกคนที่เห็นเป็นประจำ ตอนเห็นพวกเรายังยิ้มให้เลย แต่ป้ารู้สึกว่ายิ้มไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนไม่ได้กลั่นออกมาจากใจค่ะ”

แม้แต่ป้าสวีก็ดูออกว่าฉันไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ?

ฉันไม่มีความสุขจริงๆ หรือ? ทำไมฉันไม่รู้ตัวเลย

มิน่าล่ะเมื่อคืนสีชิงชวนจึงหาว่าฉันเสแสร้ง

ฉันฝืนยิ้มให้ป้าสวี “ฉันก็ยังดีๆ อยู่นะคะ ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรเลย”

“แต่ป้ารู้สึกคุณอมทุกข์อยู่ค่ะ”

สมัยนี้การที่จะทำตัวมีความสุขนั้นยากเหลือเกิน!

คงเป็นเพราะหลังจากที่คุณแม่เสียชีวิต ความสุขของฉันก็ลดน้อยถอยลงกว่าครึ่ง และหลังจากที่หนีอีโจวย้ายถิ่นฐาน ความสุขที่มีอยู่ของฉันก็ลดลงอีกหนึ่งครึ่ง ตอนที่คุณพ่อพาฉันกลับมาอยู่บ้านตระกูลเซียว ตอนท่านอยู่บ้าน ฉันก็มีความสุขมากเลย ทว่าส่วนมากท่านจะไม่อยู่บ้าน

มีเพียงตอนอยู่กับเฉียวอี้เท่านั้นที่ฉันจะยิ้มออกมาจากใจจริง

ป้าสวีกลัวฉันถือสา รีบกล่าวคำขอโทษ “ป้าแค่พูดผ่านๆ คุณนายสามอย่าถือสาเลยนะคะ”

ฉันส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะป้าสวี พูดได้ทุกอย่างค่ะ”

ฉันเข้ากับคนได้ง่าย และคงเป็นเพราะจุดนี้ ที่บ้านตระกูลสีจึงมีเพียงป้าสวีคนเดียวที่เกรงใจฉัน

ฉันนั่งบนเตียงนานเกินไปแล้ว จึงลุกขึ้นไปดูเฉียวอี้กับสีจิ่นยวนเล่นบาสเกตบอลที่หน้าระเบียงห้อง

ปกติสีจิ่นยวนจะเล่นบาสคนเดียว วันนี้มีคนมาเล่นเป็นเพื่อนด้วย พวกเขาสองคนจึงเล่นกันอย่างสนุกสนาม

ฉันเท้าคางแล้ววางข้อศอกตรงราวระเบียง จากนั้นก็ดูพวกเขาเล่นบาสด้วยกัน ตลอดทั้งสี่ปีที่อยู่ในรั้วมหาลัย เฉียวอี้ก็เล่นบาสตลอด แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้กติกาหรอก รู้เพียงว่าชู้ตเข้าแล้วจะชนะ แต่ไม่รู้หรอกว่าชู้ตจุดไหนจะได้กี่คะแนน

สีจิ่นยวนกระโดดขึ้นแล้วเหลือบมาเห็นฉัน จึงตะโกนถามฉันว่า “เซียวเซิง ดีขึ้นหรือยัง?”

“อืม” ฉันตอบ

“ผ่านมาหลายวันแล้วนี่ เขายังเป็นแฟนเธออยู่อีกหรือ?” ช่วงนี้เกิดเรื่องมากมาย ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย ปกติเฉียวอี้จะคบกับแฟนไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง

“หลังจากที่เจอหน้ากันครั้งนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก ดังนั้นยังเป็นแฟนฉันอยู่ คนนี้ฉันจริงจังนะจะบอกให้ เธอจะไปกับฉันไหม?”

“ไม่แล้ว” ฉันไม่มีกะจิตกะใจ

“เธอไม่ไปก็ได้ ออ ฉันเกือบลมไปเลย พี่เสี่ยวฉวนนัดเธอไปคุยเรื่องคดีตอนบ่ายสามนะ”

“ก็ให้เธอไปแทนแล้วนี่?”

“ฉันมีนัดกับแฟน” เฉียวอี้ยกกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิขึ้น “ฉันจะบอกแม่ว่าเธอดื่มซุปแล้ว”

“เฉียวอี้” ฉันคว้ามือเธอไว้ “ไปหาแฟนตอนไหนก็ได้ แต่เธอช่วยไปเจอหนีอีโจวแทนฉันก่อน”

“เซียวเซิง เธอกลัวอะไร?” เฉียวอี้ขมวดคิ้วมองฉัน “มีอะไรน่ากลัว?”

“สถานะของฉันตอนนี้ไม่สะดวก...”

“ไม่สะดวกตรงไหน แค่ไปคุยธุระ ไม่ใช่ไปเป็นชู้กันสักหน่อย” เธอพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย

เธอวิ่งไปถึงหน้าประตูก็โบกมือให้ฉัน “บ่ายสามโมงที่ร้านซิงป้าป่าในถนนอีเจียง ห้ามลืมละ”

เฉียวอี้เปิดประตูก็วิ่งออกไป จากนั้นก็ชนกับพี่สะใภ้รองที่ระเบียงทางเดิน ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมๆ ของพี่สะใภ้รองด้วย “โอ๊ย! ใครกันเนี่ย ปัญญาอ่อนมาจากไหน เกือบชนฉันตายแล้วไหมล่ะ”

“เธอนั่นแหละใคร พูดภาษาคนเป็นไหม?”

“เป็นใครมาจากไหน ทำไมมาวิ่งในบ้านฉันได้...”

เมื่อทั้งสองคนทำท่าจะทะเลาะกัน ฉันจึงรีบวิ่งออกไปดึงตัวเฉียวอี้ จากนั้นก็ขอโทษพี่สะใภ้รอง “ขอโทษนะ คนนี้เพื่อนฉันเอง นี่คือพี่สะใภ้รองของฉัน”

“ออ” เฉียวอี้พยักหน้าแล้วมองพี่สะใภ้รองทั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “ฉันอยากรู้มานานแล้วว่าคนปากพล่อยจะมีหน้าตายังไง ที่แท้ก็เธอนี่เอง”

“พอแล้วเฉียวอี้มีอะไรทำก็ไปทำๆ ซะ” ฉันผลักเธอไปชั้นล่าง ส่วนพี่สะใภ้รองโมโหจนหน้าเปลี่ยนสี ทว่าเธอกลับไม่ได้โต้แย้ง หมุนกายกลับเข้าห้องนอนตัวเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)