พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 69

“ไปฉลองชนะคดีกับทนายเหรอ?” ประโยคแรกของสีชิงชวนก็คืออันนี้ ฉันกวาดสายตามองรอบร้านหนึ่งครั้ง และไม่มีเงาของสีชิงชวนเลย

เขาคงรังเกียจร้านแบบนี้ ไม่มาหรอก ทว่าทุกอย่างอยู่ในสายตาเขาจริงๆ ฉันหดหู่ใจเหลือเกิน

“อืม” ฉันตอบเสียงเบา

“กินอิ่มหรือยัง?”

“พึ่งกินเอง”

“อย่ากินเยอะนะ” ฟังไม่ออกว่าเขาพูดล้อเล่นหรือเปล่า “กินเยอะแล้วจะอ้วนเอา ถ้าคุณอ้วนขึ้นมาคือจบเลยนะ”

ฉันอยากจบชีวิตเขาก่อนจัง เวลานี้หนีอีโจวก็เอาเครื่องดื่มมาให้ฉัน “น้ำกีวี่ เมื่อก่อนคุณชอบดื่มมาก”

ใช่ รสเปรี้ยวอมหวาน ฉันชอบสุดๆ ฉันกล่าวคำขอบคุณเขา เสียงเย็นเยียบของสีชิงชวนก็ส่งมาตามสาย “ประธานเซียว ผมมีธุรกิจต้องคุยกับคุณ ตอนนี้ป๋ออวี่รออยู่หน้าร้าน คุณตามเขามาที่บริษัทสีซื่อกรุ๊ปเลย”

ประธานเซียว? ฉันตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ “คุยธุรกิจอะไร?”

“แค่นี้แหละ” เขาวางสายทิ้ง

ฉันกุมสมาร์ทโฟนแล้วทำหน้าอึ้ง เฉียวอี้ถามฉัน “เป็นไร ใครโทรมา?”

“สีชิงชวน” ตอนที่ฉันเอ่ยถึงชื่อเขาก็ลอบมองหนีอีโจวปราดหนึ่ง เขากำลังก้มหน้าช่วยฉันปอกเปลือกกุ้งอยู่ เป็นกุ้งกุลาดำในทะเลน้ำลึก ก้นของนอวบอึ๋มมาก

“เขาพูดอะไร?”

“เขาพูดว่าแค่นี้แหละ”

“แค่นี้แหละมันคือแค่ไหน?”

“เขาบอกว่าจะคุยธุรกิจกับฉัน”

“คุยธุรกิจอะไร?” เฉียวอี้ยังคงถามไม่หยุดหย่อน ฉันหันไปมองประตูหน้าร้านก็เห็นป๋ออวี่

เฉียวอี้มองตามสายตาฉัน “ออ หนุ่มหล่อนี่ ไปจีบหน่อยดีกว่า”

ฉันเห็นเธอลุกขึ้นก็รีบลากตัวเธอไว้ “อย่าเลย เธอไม่ใช่สเปคเขา”

“เธอรู้ได้ยังไง ขอแค่ไม่เป็นเกย์ ฉันก็มีหวังทั้งนั้น”

“อย่าพูดมั่วๆ เธอมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ?” ฉันมองหนีอีโจวอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะพี่เสี่ยวฉวน ฉันมีธุระต้องไปก่อน”

เขาจ้องมองฉัน “ไม่กินก่อนเหรอ คุณยังกินไม่เยอะเลย”

“สีชิงชวนจะคุยเรื่องธุรกิจกับฉันค่ะ”

“ผมไปด้วย” เขาลุกขึ้นยืน

“คุณ?”

“นับจากนี้เป็นต้นไป ผมจะเป็นทนายที่ปรึกษาของคุณ ผมช่วยคุณดูเอกสารหรือสัญญาได้”

ฉันรู้สึกเซอไพรส์และดีใจยิ่ง ตอนแรกฉันทำอะไรไม่ถูกเลยที่จู่ๆ ก็ได้ครอบครองหุ้นส่วนร้อยละสามสิบในบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ป ฉันไม่รู้จะจัดการเช่นไร ตอนนี้หนีอีโจวยอมช่วยฉัน จึงรู้สึกผ่อนปรนขึ้นเป็นกอง

เฉียวอี้ก็เริ่มเสนอตัวขึ้นมา “ฉันเป็นผู้ชายมือซ้ายมือขวาให้”

“แต่เท่าที่ฉันรู้มา หลังเธอเรียนจบ เธอก็ไม่เคยทำงานอะไรเลยน่ะ?”

“พวกเราพึ่งจบได้ไม่ถึงครึ่งปี และที่สำคัญ คุณพ่อมอบบริษัทให้ฉันหนึ่งแห่ง ตอนนี้ยังไม่ล้มละลายนะจะบอกให้” เฉียวอี้ยิ้มแก้มปริบ

ไม่ว่าเธอจะเป็นมืออาชีพหรือไม่ ทว่าตอนนี้ก็ถือว่าจัดตั้งองค์กรเล็กๆ ของพวกเราเรียบร้อยแล้ว

ป๋ออวี่เห็นพวกเราเดินออกไปด้วยกันสามคนก็ตะลึงเล็กน้อย “คุณสีให้ผมมารับเฉพาะคุณนายสีคนเดียวครับ”

ต่อหน้าคนอื่น ฉันกลายเป็นคุณนายสีแล้วหรือนี่

“คุณสีจะคุยธุรกิจกับเสี่ยวเซิงไม่ใช่เหรอ ผมจะไปในฐานะทนายที่ปรึกษาของเธอ” หนีอีโจวยื่นมือไปให้ป๋ออวี่ “เพราะคุณเซียวพึ่งจะได้รับสิทธิ์ครอบครองหุ้นส่วน แต่ยังไม่ได้รับอย่างเป็นทางการ ดังนั้นระหว่างนี้ผมต้องสานงานให้แล้วเสร็จไปพร้อมกับเธอครับ”

“คุณมีหนังสือว่าจ้างไหมครับ?” ป๋ออวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ตามหลักแล้วก็ได้อยู่ครับ แต่คุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเซียวซื่อกรุ๊ปก่อน เท่าที่ผมรู้มา คุณเป็นเพียงทนายในบริษัทของทนายไห่ไม่ใช่เหรอครับ?”

“ช้าเท่าไหร่?”

“ประมาณศูนย์จุดสี่เปอร์เซ็นต์มั้งครับ”

ต่างกันแค่นี้ต้องขนาดนี้เลยหรือ? ฉันลอบพูดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา สีชิงชวนเป็นคนชอบเอาชนะ ฉันสาบานว่าจะไม่ร่วมทำธุรกิจกับเขา ถึงแม้เขาไม่เอาเปรียบฉัน แต่ระยะเวลาการดำเนินงานในแบบฉบับเขาก็เอาฉันเหนื่อยถึงตายได้เลย

สีชิงชวนยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เขวี้ยงเอกสารลงโต๊ะจนกระจัดกระจายไปทั่ว เหล่าพนักงานระดับสูงก้มหน้าเก็บขึ้นมาทีละแผ่นอย่างเจียมตัว ฉันรู้สึกว่าวิธีบริหารพนักงานของสีชิงชวนเหมือนกำลังฝึกสุนัขอยู่ เขาโยนจานร่อนออกไปแล้วให้สุนัขวิ่งไปเก็บกลับมาอย่างไรอย่างนั้น

ในที่สุดพวกพนักงานก็ทนฟังคำก่นด่าเสร็จ เดินคอตกผ่านพวกเราไป ดูเหมือนพวกเขาจะชิมกับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว

ป๋ออวี่บอกฉันว่า “ผมเข้าไปรายงานก่อนนะครับ คุณรอที่นี่สักครู่”

สีชิงชวนยังไม่หายโมโห “ให้เธอเข้ามา”

ฉันคิดว่าเวลานี้ไม่เหมาะที่คุยพบหน้าเขาเป็นอย่างยิ่ง ฉันอยากเผ่นหนีเหลือเกิน ทว่าสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจคือเมื่อฉันเดินไปด้านหน้าโต๊ะของเขาแล้ว ใบหน้าเขาก็แปรเปลี่ยน เกิดรอยยิ้มอันสดใสขึ้นมา

น้อยครั้งนักที่สีชิงชวนจะไม่ยิ้มเย็นใส่ฉัน เมื่อเขายิ้มแบบนี้ หัวใจฉันก็หวั่นๆ

“เชิญนั่ง” เขาชี้ไปยังโซฟา “บอกเลขาหลิ่วให้นำเครื่องดื่มมา เอาเป็นชานมนะ ผมรู้ว่าประธานเซียวชอบดื่มชานม”

เขาอัธยาศัยดีแบบนี้ฉันรู้สึกหวาดกลัวเหลือเกิน ตอนเช้าฉันเจอเขาที่ระเบียงทางเดิน ยังไม่ใช่หน้าแบบนี้เลย

ตอนนั้นเขาไม่มองฉันเลยสักนิด เห็นฉันเป็นอากาศธาตุแล้วเดินผ่านไป

ตอนนี้กลับทำเป็นเอาใจใส่ฉัน ฉันรู้สึกเหนือศีรษะฉันมีมีดหลายอันกำลังเล็งมาที่ฉัน จากนั้นก็จะทำการสับฉันให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น

ฉันหย่อนกายนั่งลงด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน เลขาหลิ่วเข้ามาเสิร์ฟชานมแล้วยิ้มบอกฉันว่า “ประธานเซียวคะ ชานมแก้วนี้พวกเราไปซื้อร้านต้นตำราเลยนะคะ พวกเขาจะใช้ถุงกรองชงเหมือนชาวฮ่องกงค่ะ คุณลองชิมดูค่ะ”

เลขาคนสวยไม่เคยพูดจาดีๆ กับฉันมาก่อน เธอกับเจ้านายถอดแบบเดียวกันเลย ตอนนี้กลายเป็นคนประจบสอพลอฉันซะแล้ว

ฉันพยักหน้าให้เธอ “ขอบคุณ”

เมื่อเลขาหลิ่วเดินออกไป ป๋ออวี่ก็ออกไปด้วย สีชิงชวนมานั่งด้านหน้าฉัน ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มที่ไม่คุ้นชินปรากฏอยู่ มันเป็นรอยยิ้มที่ละมุนละไมมาก ราวกับฉันเห็นหมาป่านั่งยิ้มให้ฉันอย่างไรอย่างนั้น ฉันอยากหนีเหลือเกิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)