สีชิงชวนยังควบคุมตัวเองได้อยู่ ตอนที่ฉันรู้สึกว่าเขาจูบฉันจนฉันรู้สึกไม่ไหวแล้ว และมือของเขาก็ล้วงเข้ามาในเสื้อผ้าของฉันแล้ว แต่ในชั่วพริบตาเดียวเขาก็ลุกจากตัวฉันไปนั่งอยู่ขอบเตียง
ฉันเตือนสติเขาอย่างหวังดี “อยากไปอาบน้ำเย็นๆ หน่อยไหม? ”
“ทำไมคุณไม่ให้ผมกระโดดลงทะเลไปเลยล่ะ น้ำทะเลมันเย็นกว่า”
“ถ้าคุณไม่กลัวจมน้ำตาย ฉันก็ไม่ขัด”
“คุณคิดว่าการที่ผู้ชายไปดับร้อนในเวลาแบบนี้แล้วมันจะได้ผลเหรอ? ”
“งั้นคุณจะเอายังไง? ”
เขาฝังใบหน้าของตัวเองไว้ในฝ่ามือ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาสีหน้าท่าทางก็กลับมาเป็นปกติ
“ดูเหมือนว่าคุณจะเต้นรำเป็น” เขาเอ่ย
“อื้ม”
“วอลซ์ก็เต้นได้ไม่เลวเลย”
“อื้ม”
“เต้นปาโซโดเบลเป็นไหม? ”
“อื้ม”
“ผมมีหุ้นส่วนคนหนึ่ง เขาชอบเต้นปาโซโดเบล แต่ไม่มีใครเต้นเป็น คุณเต้นกับเขาสักเพลงได้ไหม? ”
เขาถามฉันว่าได้ไม่ได้ด้วยความเกรงใจเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะให้ฉันเลือก
บนริมฝีปากของเขายังคงมีลิปสติกของฉันเปื้อนอยู่ แต่หัวใจของฉันกลับห่อเหี่ยวลงทีละนิดๆ
ที่แท้การที่เขาพาฉันมาด้วยก็เป็นแค่ผลประโยชน์ทางด้านประชาสัมพันธ์ เขารู้ว่าฉันเต้นเป็น สามารถทำให้หุ้นส่วนของเขาพอใจได้ ดังนั้นถึงได้เป็นกันเองกับฉันแบบนี้
เหอะ เขาคือสีชิงชวนนะ แน่นอนว่าเขาจะใช้ทุกสิ่งรอบตัวของเขาให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นคนหรืออะไรก็ตาม
ฉันยิ้มให้เขาอย่างว่าง่าย “ได้”
“เขาแค่ชอบเต้นรำ นิสัยก็นับว่าไม่เลวเลย” สีชิงชวนพูดเสริมอีกเล็กน้อย
ฉันยังคงยิ้ม “ฉันไม่ได้จะมองหาสามี ฉันไม่สนว่านิสัยเขาจะเป็นยังไง”
ถึงสีชิงชวนจะเป็นสามีของฉัน แต่นิสัยก็ไม่ได้ดีมาก
ฉันเดินตามสีชิงชวนขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ การเต้นรำชุดแรกเพิ่งจะจบไป ดนตรีในตอนนี้เป็นจังหวะปาโซโดเบลพอดี
กระโปรงของฉันเหมาะกับการเต้นปาโซโดเบลมาก เมื่อหมุนตัวจะต้องสวยมากอย่างแน่นอน
สีชิงชวนมองตรงมาที่ฉัน “ถ้ารู้สึกไม่สบายละก็ คุณสามารถปฏิเสธได้นะ”
“คุณใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ” ฉันอมยิ้มมองไปที่เขา “เรื่องเมื่อคืนฉันต้องขอโทษคุณด้วย ทำให้คุณถูกปาปารัสซี่ถ่ายรูปเอาได้ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะตอบแทนคุณแล้ว”
เขาเดินไปข้างหน้า ฉันเดินตามเขาไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้ชายคนหนึ่ง เขาแนะนำฉันว่า “คุณฉิน นี่คือภรรยาของผมครับ เธอเองก็เต้นปาโซโดเบลเป็นเช่นกัน เช่นนั้นพวกคุณเต้นด้วยสักเพลงดีไหมครับ? ”
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะแนะนำกับคนอื่นว่าฉันเป็นภรรยาของเขา มันทำให้ฉันแปลกใจมาก
ชายคนนั้นสวมหน้ากากอยู่ แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะอายุมากกว่าพวกเรา ผมหยิกเล็กน้อย และมีให้ความรู้สึกเหมือนศิลปินเล็กน้อย
เขายื่นมือออกมาอย่างมีมารยาทและสุภาพ “เชิญครับ”
ฉันวางมือลงบนฝ่ามือของเขาจากนั้นก็เดินเข้าฟลอร์เต้นรำไป
การเต้นปาโซโดเบลของเขาดีมาก ร่างกายอ่อนช้อยมาก ฉันคิดว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นน่าจะไม่ได้น่าเกลียดอะไร
ในตอนที่ฉันหมุนตัว ฉันก็เห็นสีชิงชวน เขายืนมองพวกเราจากด้านข้างอยู่ตลอดเวลา
มองฉันทำไม? ตอนนี้ฉันก็เป็นนักเต้น เต้นรำคู่กับหุ้นส่วนของเขาให้แล้วไม่ใช่เหรอ?
ฉันหมุนตัวแรงขึ้นกว่าเดิม หมุนจนฉันเวียนหัว
ฉันได้ยินอีกฝ่ายพูดกับฉันว่า “คุณเซียว ไม่นึกเลยว่าคุณจะเต้นรำได้ดีขนาดนี้”
ฉันชะงักไปแป็ปหนึ่ง เมื่อสักครู่นี้สีชิงชวนเหมือนจะไม่ได้บอกเขาว่าฉันนามสกุลอะไร แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าฉันนามสกุลเซียว?
ฉันมองดวงตาที่อยู่ภายใต้หน้ากาก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย
คิ้วและดวงตาของเขาเป็นเส้นโค้ง “คุณสามารถเปิดหน้ากากของผมได้ ผมไม่ว่าอะไร”
การเปิดหน้ากากของคนอื่นเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทเป็นอย่างมาก แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปจับขอบหน้ากากของเขา
เขาพยักหน้าให้ฉันอย่างเร่งเร้า ฉันเปิดหน้ากากของเขาออก
“เธอบอกว่าใช่ค่ะ แต่ผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานบนโลกใบนี้ทุกคนคือแฟนของเธอ”
ฉินกวนยิ้มอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้นกว่าเดิม ราวกับดอกไม้ไฟกำลังผลิบานในดวงตาของเขา “งั้นเหรอครับ งั้นผมก็รู้สึกเป็นเกียรติมาก”
“คุณ ไม่มีภรรยาใช่ไหมคะ? ” คนอายุเท่าเขาโดยปกติจะมีภรรยากันแล้ว เฉียวอี้ยัยเด็กโง่คนนั้นดูเหมือนจะชอบเขามาก เธอมักจะพูดถึงเขากับฉันอยู่บ่อยๆ
“ไม่มีครับ” เขาส่ายหน้า
งั้นฉันก็วางใจได้แล้ว ฉันฟุบไปบนราวจับและมองดูวิวทิวทัศน์ของทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
“คุณดูอ่อนแอ แต่พอพูดถึงเฉียวอี้ก็ดูเหมือนแม่ไก่ที่กางปีกทั้งสองข้างเพื่อปกป้องลูกไก่”
“เป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอคะ ต้องเป็นแม่ไก่เท่านั้นเหรอ อย่างเช่นเหยี่ยวตัวผู้ล่ะเป็นไง? ”
เขาพยักหน้า “ได้นะ”
พวกเราหัวเราะให้กัน ไม่รู้ว่าทำไม ฉินกวนถึงให้ความรู้สึกสนิทสนมแบบที่คนอื่นไม่มี และฉันรู้ว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับเฉียวอี้อีกด้วย
“ผมได้ยินเฉียวอี้บอกว่าวันนั้นเกิดเรื่องที่ไม่ดีมากๆ ขึ้น” ฉินกวนสังเกตสีหน้าของฉัน
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า “คุณพ่อของฉันเสียชีวิต”
เขาจ้องมาที่ฉัน “ขอโทษครับ”
ฉันส่ายหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี
“จริงสิ เฉียวอี้รู้เรื่องอีกฐานะของคุณหรือเปล่า? นักธุรกิจ? ”
“เธอไม่ได้ถาม ผมก็เลยไม่ได้บอก”
“อ้อ”
“พวกเราไปทานอะไรสักหน่อยทางด้านนั้นกันเถอะครับ” เขาชี้ไปทางเรืออีกลำหนึ่ง ของกินทั้งหมดอยู่บนเรือลำนั้น
ฉันเดินตามเขาไปทานอาหาร ทันใดนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ว่าในวันนั้นฉันได้ทานขนมไม้วอร์มวูดที่เขาทำ
ฉันเอ่ยขึ้น “ขนมไม้วอร์มวูดที่คุณทำรสชาติเหมือนของที่คุณแม่ของฉันทำเลยค่ะ”
“งั้นเหรอครับ? ” เขาคีบเค้กมาวางลงบนจานของฉันชิ้นหนึ่ง “แฟนคนแรกของผมเป็นคนสอนผมทำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...