พ่ายรักคุณสามี นิยาย บท 142

เซี่ยเหยียนเหยียนสวมชุดเดรสหรูหราและมาถึง ณ ห้องโถงแล้ว เธอได้พบเห็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมากมายในที่แห่งนี้ นี่นับว่าเป็นโอกาสแรกที่เธอได้เข้ามาร่วมงานแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นมาก

ทันใดนั้นเองศาสตราจารย์เฉียนก็เดินเข้ามา “เหยียนเหยียน เธอมาแล้วเหรอ?”

เซี่ยเหยียนเหยียนรีบเดินขึ้นไปคล้องแขนศาสตราจารย์เฉียนทันที “อาจารย์คะ วันนี้มีศาสตราจารย์มากันเยอะแยะเลย หนูเคยดูพวกเขาในการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ และเคยอ่านงานวิจัยทางการแพทย์ของพวกเขาด้วยค่ะ”

ศาสตราจารย์เฉียนพูดขึ้นว่า “เหยียนเหยียน หลายปีที่ผ่านมาเธอร่ำเรียนวิชาอย่างหนักมาโดยตลอด และเพิ่งกลับมาจากเรียนต่างประเทศที่สถาบันเซิงลี่ ยังไม่มีเครือข่ายในวงการศึกษาแพทย์ ครั้งนี้ฉันพาเธอมางานเลี้ยงนี้ก็เพื่อจะแนะนําคนเหล่านี้มาทําความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น และที่สําคัญที่สุดเลยคือเธอจะต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของพวกเขา”

ภายในใจของเซี่ยเหยียนเหยียนเต้นแรง ใช่แล้ว เธอกําลังจะฝากตัวเป็นศิษย์ แล้วผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทุกคนก็มีทีมแพทย์เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น พวกเขาทำงานวิจัยเกี่ยวกับการแพทย์วินิจฉัยที่ทันสมัยที่สุด และมีเส้นสายและเครือข่ายกว้างขวาง เธอจึงต้องการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในนั้นกับพวกเขา

ศาสตราจารย์เฉียนมองไปรอบ ๆ “นักวิชาการหลี่เหวินฉิงจากสถาบันวิจัยของเธอยังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

เซี่ยเหยียนเหยียนส่ายหน้า “ได้ยินว่าอีกหลายวันกว่าท่านอธิการบดีหลี่จะกลับมาค่ะ”

ศาสตราจารย์เฉียนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “ตอนนี้มีนักวิชาการผู้ทรงเกียรติในวงการแพทย์เพียงไม่กี่คน ซึ่งหลี่เหวินฉิงก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้เขายังเป็นอธิการบดีของสถาบันวิจัยซูมี่ และยังมีความสัมพันธ์อันดีกับมหานครเอมพีเรียลอีกด้วย ทุกคนในที่นี้เทียบนักวิชาการหลี่เหวินฉิงไม่ได้สักคน หากสามารถฝากตัวเป็นลูกศิษย์เขาได้ เขาจะต้องพาเธอเข้าสู่มหานครเอมพีเรียลอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็คือศูนย์กลางแห่งวงการแพทย์”

เซี่ยเหยียนเหยียนใจเต้นโครมคราม สีหน้าฉายแววความทะเยอทะยาน “อาจารย์คะ หนูเพียงแค่ต้องฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านอธิการบดีหลี่เท่านั้น แล้วหนูถึงจะได้เข้าไปที่สถาบันวิจัยซูมี่ ตอนนี้ท่านอธิการบดีหลี่ยังไม่กลับมา หนูไม่มั่นใจเลยค่ะ เพราะหลายปีที่ผ่านมานี้ท่านอธิการบดีหลี่ไม่เปิดประตูรับศิษย์คนใหม่เลยสักคน วิสัยทัศน์ของเขาอยู่สูงเกินไป จนถึงตอนนี้หนูยังไม่เป็นที่สนใจเลยค่ะ”

ศาสตราจารย์เฉียนตบมือเล็กของเซี่ยเหยียนเหยียนเบา ๆ “ไม่ต้องห่วง ฉันพอจะสนิทกับท่านอธิการบดีหลี่อยู่ เมื่อเขากลับมาฉันจะช่วยพูดให้เธอเอง”

“จริงเหรอคะ? อาจารย์ อาจารย์ดีกับฉันมากเลยค่ะ!” เซี่ยเหยียนเหยียนยิ้มหวานสดใส

จากนั้นลู่หยินหยินก็ปรากฏตัวขึ้น คืนนี้เธอสวมเดรสยาวสีดํา ทั้งเรือนร่างดูเป็นสาวสวยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม เธอถือแก้วไวน์เดินพบปะผู้คนที่มีหน้าตาในสังคมไปทั่วทั้งงาน ดูราวกับเป็นตัวละครหลักที่น่าเคารพนับถือ

เซี่ยเหยียนเหยียนเห็นลู่หยินหยินแวบแรก เธอก็เคารพชื่นชมอาจารย์ใหญ่ท่านนี้มาก เธอหวังว่าในอนาคตเธอจะได้เป็นแบบอาจารย์ใหญ่ในสักวัน

“อาจารย์คะ พวกเราไปพบอาจารย์ใหญ่กันเถอะค่ะ”

“ไปสิ”

ศาสตราจารย์เฉียนพาเซี่ยเหยียนเหยียนมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่หยินหยิน “อาจารย์ใหญ่คะ นี่คือเซี่ยเหยียนเหยียนเป็นนักเรียนในที่ปรึกษาของฉันค่ะ ฉันจําได้ว่าเหยียนเหยียนเองก็เคยผ่านการสอนของอาจารย์มากับมือแล้ว”

สายตาของลู่หยินหยินจับจ้องไปที่เซี่ยเหยียนเหยียน เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนลู่หานถิงเคยต่อสายตรงโทรหาเธอ และฝากฝังคนคนหนึ่งให้เข้าสถาบันเซิงลี่

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่หานถิงนั้นห่างเหินกันมากมาโดยตลอด ลู่หานถิงโทรมาหาเธอเพื่อเด็กสาวคนเดียว ตอนนั้นเธอเองก็รู้สึกแปลกใจมาก แต่ก็ตกลงรับปากไป เด็กสาวคนนั้นก็คือเซี่ยเหยียนเหยียนที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้เอง

แต่ตอนนั้นเธอถามลู่หานถิงว่าเป็นอะไรกับเด็กสาวคนนี้ ลู่หานถิงบอกแค่ว่าเพื่อทดแทนบุญคุณเท่านั้น

เซี่ยเหยียนเหยียนไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลยในที่ที่อัจฉริยะมารวมตัวกันอย่างสถาบันเซิงลี่ สายตาของลู่หยินหยินจึงไม่ได้สะดุดอยู่กับเซี่ยเหยียนเหยียนแต่อย่างใด เธอจึงค่อย ๆ ลืมไป

เมื่อเห็นลู่หยินหยินมองมาที่ตน เซี่ยเหยียนเหยียนก็เผยรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบออกมา “อาจารย์ใหญ่ สวัสดีค่ะ ฉันชื่นชมคุณมาโดยตลอด คุณเป็นไอดอลของฉันเลยค่ะ”

ลู่หยินหยินมีฐานะสูงส่ง เธออ่านใจผู้คนมานับไม่ถ้วนและมีประสบการณ์ผ่านยุคสมัยของหลินสุ่ยเหยาและหลิวอิงลั่วยุคนั้นมาแล้ว พี่ชายเป็นราชาแห่งวงการธุรกิจ อีกทั้งหลานชายยังเป็นลู่หานถิงและลู่จื่อเซียนอีกด้วย ดังนั้นสายตาเธอจึงเฉียบแหลมมาก เธอมองผู้คนได้อย่างแม่นยํา คนที่เข้าตาเธอมีเพียงเด็กสาวอัจฉริยะอย่างเซี่ยซีหว่านเท่านั้น

ดังนั้นลู่หยินหยินมองปราดเดียวก็เห็นถึงความเสแสร้งและความเจ้าเล่ห์ในใจของเซี่ยเหยียนเหยียนแล้ว เธอจึงพูดเสียงเรียบว่า “ศาสตราจารย์เฉียนเป็นศาสตราจารย์ที่เก่งที่สุดในสถาบันเซิงลี่ของเรา เธอสามารถเรียนรู้จากศาสตราจารย์เฉียนได้มากมายหลายสิ่ง การแพทย์นั้นเป็นสิ่งบริสุทธิ์ เธอต้องตั้งใจให้มาก”

“หว่านหว่าน เธอไม่รู้เหรอว่าที่นี่คือที่ไหน นี่เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดขึ้นโดยอาจารย์ใหญ่ของสถาบันเซิงลี่อย่างไรล่ะ เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับสถาบันเซิงลี่มาบ้างไหม ในตํานานเล่าว่าที่นี่คือตําหนักโรงแพทย์ และที่นี่ก็เป็นสถาบันเก่าที่ฉันจบมาด้วย จริงสินะ คนที่จบมัธยมปลายอย่างเธอคงทําได้เพียงแหงนหน้ามองเท่านั้น ทำไมเธอถึงกล้ามาที่นี่ หรืออยากทําให้ตัวเองอับอายขายหน้า?”

เมื่อเห็นท่าทางภาคภูมิใจของเซี่ยเหยียนเหยียน เซี่ยซีหว่านจึงยิ้มและพูดว่า “เก็บสํานวนที่ว่าทำให้ตัวเองอับอายขายหน้านี้ไว้คนเดียวเถอะ ฉันมาที่นี่ได้แน่นอนว่าต้องมีคนเชิญฉันมา”

เซี่ยเหยียนเหยียนเค้นเสียงแสยะยิ้ม “หว่านหว่าน คนที่มาที่นี่ล้วนเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการแพทย์กันทั้งนั้น พวกเขาจะเชิญเธอไปทําไม ต่อให้เป็นการโกหก เธอก็ต้องเล่าให้มันน่าเชื่อถือหน่อยสิ”

จากนั้นบริกรที่อยู่ตรงประตูก็พูดขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิงครับ คนที่เข้าไปจะต้องแสดงบัตรเชิญสีทอง คุณผู้หญิงมีบัตรเชิญไหมครับ?”

เซี่ยซีหว่านส่ายหัว “ฉันไม่มีค่ะ”

“ขอประทานโทษด้วยครับ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เข้าไปไม่ได้นะครับ”

เซี่ยเหยียนเหยียนหัวเราะหึหึ “หว่านหว่าน เธอรีบกลับไปดีกว่านะ ถ้าเกิดเธอยังไม่กลับไป ฉันจะให้รปภ. มาไล่เธอออกไป”

“เซี่ยเหยียนเหยียน ฉันบอกความจริงกับเธอแล้วแต่เธอกลับไม่เชื่อ แม้ว่าฉันจะไม่มีบัตรเชิญ แต่มีคนเชิญฉันมาจริง ๆ คนนั้นก็คือ...อาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันเซิงลี่ไงล่ะ”

ว่ายังไงนะ?

เซี่ยเหยียนเหยียนตัวแข็งทื่อ ในหัวเธอก็พลันปรากฏภาพท่าทางเย็นชาและหยิ่งยโสของลู่หยินหยินขึ้นมา เธอจะเชิญเซี่ยซีหว่านผู้ไร้ความสามารถมาอย่างนั้นเหรอ?

“หว่านหว่าน เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ คิดว่าฉันจะเชื่อคำโกหกที่โง่เง่าขนาดนี้ของเธอเหรอ? รปภ.รีบไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปค่ะ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี