วารุณีคัดกรองภาพออกแบบไป ถามไปว่า“นิตยสารอะไร?”
“โสภา เป็นนิตยสารแฟชั่นระดับกลางของวงการแฟชั่น”ปาจรีย์ยักไหล่แล้วพูด
อยู่ในระดับกลาง ถึงจะไม่ถือว่าดี แต่ก็ไม่แย่ โดยทั่วไปแล้วล้วนแต่เป็นนางแบบที่พอมีชื่อเสียงหน่อยๆหรือดาราที่ไม่ดังเท่าไหร่ไปถ่าย
วารุณีวางภาพออกแบบลง“ฉันได้ยินว่าโสภา ไม่เลวเลยนะ ก็แค่พวกผู้บริหารอวดรู้มากไป เสื้อผ้าที่เลือกทุกครั้งล้วนแต่เกินมาตรฐานมากไป ไม่สอดคล้องกับรสนิยมความงามของฉัน ฉันไม่เข้าร่วม ให้พวกกสิณาไปร่วมเถอะ สไตล์การออกแบบของพวกเขาเหมาะสมดี”
“โอเค งั้นฉันจะไปบอกพวกเธอเดี๋ยวนี้”ปาจรีย์พยักหน้า หันกลับออกไป
วารุณีก้มหน้าอีกครั้ง ดูภาพออกแบบที่เหลือต่อ
จนดูภาพออกแบบพวกนี้เสร็จ ก็ถึงเวลาเลิกงาน
วารุณีส่งภาพออกแบบที่ต้องแก้ไป แล้วปิดคอมลุกขึ้นออกไปจากออฟฟิศ เตรียมไปรับลูกที่โรงเรียนอนุบาล
สรุปคือเธอเพิ่งออกมาจากประตูของสตูดิโอ ก็มีสายในกระเป๋าโทรมา
วารุณีไม่หยุดฝีเท้าลง เดินไปที่ลิฟต์ต่อ เดินไปหยิบโทรศัพท์ไป
หยิบโทรศัพท์ออกมาดู ตอนที่เห็นนักสืบโทรมา เธอก็รับทันที“ฮัลโหล”
“คุณวารุณี ผมที่คุณต้องการเอามาได้แล้วครับ”นักสืบกำลังพูดเสียงดังอยู่ในสาย
“เร็วขนาดนี้เชียว?”วารุณีอ้าปากอย่างตกใจ
นักสืบหัวเราะ“พวกเขาไม่ใช่คนสูงส่งอะไร ดังนั้นได้เส้นผมมา ไม่ต้องใช้เวลามากเท่าไหร่เลยครับ”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง ฉันเข้าใจแล้ว คุณอยู่ไหนคะ เดี๋ยวฉันไปหาคุณ”วารุณีพูดแล้วกดปุ่มลิฟต์
แป๊บเดียวนักสืบก็บอกที่อยู่
วารุณีคิดเล็กน้อย เลิกคิ้วขึ้นมาหน่อยๆ นี่ไม่ใช่ร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ชั้นล่างเหรอ?
ที่แท้เขาก็มาแล้ว
พอดีเลย เธอก็จะได้ไม่ต้องไป
วางสายแล้ว วารุณีก็เอาโทรศัพท์เก็บไว้ในกระเป๋า เข้าไปในลิฟต์
สองสามนาทีถัดมา เธอก็มาถึงร้านกาแฟร้านนั้น
นักสืบโบกมือให้วารุณีอยู่ไกลๆ
วารุณีพยักหน้า แล้วเดินเข้าไป
พนักงานเสิร์ฟเอาเมนูมาให้
วารุณีสั่งนมวัวให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แล้วก็สั่งกาแฟแก้วหนึ่งให้นักสืบ
หลังจากพนักงานเสิร์ฟลงไป วารุณีจึงถามหาผมด้วยใบหน้าจริงจัง“เส้นผมล่ะคะ?”
“อยู่นี่ครับ”นักสืบเอาถุงกันน้ำออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่อยู่ข้างๆ แล้วยื่นให้เธอ
สองมือของวารุณีรับไป บนถุงกันน้ำ มองเห็นติดป้ายแบ่งแยก ด้านบนเขียนชื่อพวกพิชญาสุภัทรทั้งสี่คน แล้วจึงยิ้มอย่างพอใจ“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ รับเงินมาทำงานให้ สมควรแล้วครับ”นักสืบส่ายมือไปมา สื่อว่าไม่ต้องขอบคุณ
วารุณีเก็บผมไว้เรียบร้อย พนักงานเสิร์ฟก็ถือนมกับกาแฟเข้ามา
วารุณีจิบนมไป แล้วถามอีกว่า“ช่วงนี้พิชญาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เธอออกมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ แต่อาการไม่ดีเท่าไหร่ ร่างกายพัง ขาก็เป๋”
นักสืบคนกาแฟ ทำเสียงจุ๊ๆ พูดไปอีกว่า“อีกอย่างทางด้านตำรวจก็รู้แล้วว่าเธอแกล้งเป็นโรคประสาท จึงตัดสินเธอเพิ่มสองปี ตามตรรกะแล้ว พอเธอออกมาจากโรงพยาบาลจะต้องกลับไปที่เรือนจำ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตำรวจกลับไม่ทำอย่างนั้น เหมือนว่าเตรียมจะให้เธออยู่ในโรงพยาบาลประสาท”
ได้ยินคำนี้ วารุณีกลับไม่แปลกใจเลย
เพราะว่านัทธีพูดกับเธอเรื่องนี้แล้ว เพราะว่าเขาเจรจากับตำรวจแล้ว พิชชาจึงไม่ต้องกลับเรือนจำอีก
ไม่รู้เลยว่า วันข้างหน้าที่พิชญาอยู่ในโรงพยาบาลประสาทนั้น จะต้องไม่ดีไปกว่าเรือนจำแน่
“ฉันเข้าใจแล้ว ทางด้านพิชญาคุณก็ไม่ต้องสอดส่องแล้ว แต่ฉันอยากให้คุณสืบขยานีกับปวิชสองคนนี้หน่อย ฉันอยากรู้อดีตทั้งหมดของพวกเขาเมื่อก่อน”วารุณีวางแก้วนมลงแล้วพูด
วารุณีถอนหายใจออกมา“มันควรเพิ่ม ถ้าเขาไม่เตือนคุณ คุณก็คิดไม่ได้ใช่ไหม?”
“น่าจะนะ”นัทธีพยักหน้า
วารุณีหันหน้าไป มองเขาอย่างไม่พอใจ
เดิมทีหน้าตาของเธอก็สวยสดงดงามอยู่แล้ว สวยจนทำให้คนตะลึง ตอนนี้ทำท่าทางแบบนี้แล้ว ดูยั่วยวนคนอย่างมาก
สายตานัทธีหม่นลง ตอนที่เธอยังไม่หันหน้าไป จึงปล่อยมือข้างหนึ่งที่เอวของเธอ เงยคางของเธอขึ้นมา แล้วก้มหน้าลงจูบ
วารุณีตะลึงก่อน จากนั้นบิดตัวไปมาอย่างอึดอัด ใช้แขนศอกไปด้านหลังผลักเขาออกเบาๆ พูดอย่างหน้าแดงไปว่า“ทำอะไรน่ะ ที่มันห้องครัวนะ ฉันยังล้างชามอยู่”
เธอส่ายมือของตัวเองที่เต็มไปด้วยฟองไปมา
ในเมื่อพวกเขาคบกันแล้ว เรื่องอย่างการจูบกันนั้น เธอจึงไม่ปฏิเสธ
แต่ก็ต้องให้ความสนใจกับโอกาสและสถานที่สิ
อย่างไรก็ตามนัทธีกลับไม่มีจิตสำนึกนั้น ละสายตาลงมองท่าทางที่เขินอายของเธอ แล้วลูกกระเดือกก็ขยับไปมา“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยล้างก็ได้”
พูดจบ จับเธอหันมา มือข้างหนึ่งโอบหลังเอวของเธอ มืออีกข้างจับเธอไว้ที่ท้ายทอย จูบลงไปอีก
“อื้อ......”วารุณีกะพริบตา ในดวงตาเต็มไปด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ผู้ชายคนนี้ ก็รีบร้อนมากไปแล้ว
แต่ว่าครั้งนี้ วารุณีไม่ดันชายหนุ่มออกไปอีก กลับยกมือสองข้างขึ้นมา โอบไปที่คอของเขา แล้วเริ่มตอบสนองเขา
ฟองบนมือของเธอค่อยๆหายไป กลายเป็นหยดน้ำ หยดลงบนคอของชายหนุ่ม เย็นจนร่างกายของชายหนุ่มเกร็ง ขึ้นมา
แต่เขายังไม่ปล่อยวารุณี และจูบเร่าร้อนมากขึ้น
เด็กทั้งสองคนจูงมือกันมาที่ครัว มองเห็นพ่อแม่จูบกัน ก็ตะลึงงัน ตาโตและอ้าปากออกมา
หลังจากผ่านไปสักพัก ไอริณชี้ไปที่วารุณีกับนัทธี“พี่คะ หม่ามี๊กับพ่อกำลังกินอะไรเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...