“ไม่บอกก็ไม่บอก หม่ามี๊ไม่อยากรู้หรอก” วารุณีหยิกหน้าของอารัณเบาๆ
อารัณแลบลิ้นให้เธอ จากนั้นก็เอามือเกาะตรงที่นั่งคนขับพลางถาม “คุณอานัทธี พวกเราจะไปได้หรือยัง?”
เขาอยากจะกลับไปทำตามแผนของเขาเต็มทนแล้ว
นัทธีหันหน้าไปเล็กน้อย พลางมองลูกผมที่ชี้ไปมาบนหัวของอารัณ ก็คิดอยากจะลูบสักหน่อย
แต่อารมณ์เย็นชาของเขา ทำให้คนอื่นมองไม่ออก
“ได้ งั้นหนูนั่งให้ดีก่อนเถอะ” นัทธีเคาะพวงมาลัย พลางพูดเบาๆ
อารัณพยักหน้า ก่อนจะกลับไปนั่งข้างๆ วารุณีอย่างเชื่อฟัง
เมื่อรถขับออกไป ไอริณก็หาวขึ้นมาทันที “หม่ามี๊ ไอริณง่วงแล้ว อยากนอนแล้ว”
“งั้นนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวถึงแล้วหม่ามี๊จะปลุกหนูเองนะ” วารุณีกดเธอเอนลงมานอนบนตัก
แก้มแดงๆ ของไอริณถูไถกับต้นขาของวารุณี จากนั้นก็หลับตาลง เพียงไม่นานก็หลับไป แถมยังกรนเล็กน้อยด้วย
เมื่อเห็นดังนั้น อารัณก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย
ดีมากเลย น้องสาวคนนี้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเลยล่ะ
เขาแค่อยากให้เธอแกล้งหลับ หลังจากที่ลงรถไป ถึงจะหาเหตุผลหลอกให้คุณอานัทธีไปที่บ้านของพวกเขาได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะหลับไปจริงๆ
แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าแกล้งหลับจะถูกจับได้ง่าย ถ้าหลับไปจริงๆ เขาเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
ระหว่างทางไม่มีการพูดคุย เพียงไม่นาน ก็ไปถึงที่คอนโดแล้ว
นัทธีช่วยอุ้มไอริณไปวางบนโซฟา ก่อนจะยืดตัวขึ้นมองห้องพักแห่งนี้
คอนโดนี้มีเพียงสองห้องนอน เล็กกว่าบ้านเขามาก แต่กลับจัดวางตกแต่งได้ดูอบอุ่นเป็นอย่างดี เหมาะกับการอยู่เป็นครอบครัว
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ที่พักนี้มีแต่ของใช้ผู้หญิงกับเด็ก แต่กลับไม่มีของใช้ของผู้ชายเลย
“สามีคุณไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ?” นัทธีเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้สงสัยเรื่องนี้ จนถามออกมาได้
วารุณีที่กำลังหาใบชา และเตรียมจะชงชาต้อนรับเขา เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ถึงกับต้องอึ้งไป “สามีงั้นเหรอ?”
“คุณหมอพงศกรเมื่อคืนน่ะ เขาไม่ใช่สามีคุณเหรอ?” นัทธีมองเธอ
วารุณีรีบผลุบตาลง เพราะไม่อยากให้เขาเห็นความอึดอัดและความกังวลที่จะถูกจับได้ของเธอ “ใช่ แต่ปกติเขาอยู่ต่างประเทศน่ะ”
“งั้นเหรอ” นัทธีตอบรับเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
“หม่ามี๊ หนูหาใบชาเจอแล้ว หม่ามี๊รีบไปชงชาให้คุณอานัทธีเถอะ” ในตอนนี้ อารัณเอากล่องใบชายัดใส่มือวารุณี
วารุณีขยี้ผมของเขาเบาๆ “โอเค หม่ามี๊จะไปชงชา หนูอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณอานะ อย่าดื้อล่ะ”
“อือๆ” อารัณตอบรับ
วารุณีเข้าไปในห้องครัว
หลังจากที่เธอไป อารัณก็กลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะลูบท้องของตัวเอง “คุณอานัทธี หนูหิวแล้ว คุณอาช่วยหยิบคุกกี้ให้หนูหน่อยได้ไหม?”
เขาชี้ไปบนตู้เย็น
นัทธีมองตามไป ก็เห็นว่าบนตู้เย็นนั้นมีขนมมากมาย ละลานตาไปหมด มองไปจนตาลายเลยล่ะ
เขาขมวดคิ้วเบาๆ ด้วยความไม่ชอบใจมากนัก
วารุณีซื้อขนมให้เด็กทั้งสองคนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?
เธอไม่รู้เหรอว่าเด็กกินขนมเยอะๆ ไม่ดีน่ะ?
เหมือนจะอ่านใจของนัทธีออก อารัณเลยอธิบาย “ขนมพวกนี้แม่บุญธรรมซื้อมาให้พวกเราทุกครั้งที่มา ปกติหม่ามี๊ก็ไม่ให้พวกเรากินเยอะหรอก บอกว่าเดี๋ยวแมงกินฟัน เลยเอาขนมไว้ข้างบน ไม่ให้พวกเราหยิบถึง”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้งั้นเหรอ?
นัทธีคลายปมคิ้วที่ขมวดอยู่
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจเธอผิดแล้ว
“หนูอยากกินคุกกี้อะไร เดี๋ยวอาหยิบให้” นัทธีก้มถามเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวหนูไปหยิบเอง คุกกี้มันเยอะมาก เดี๋ยวหนูจะไปดูเอง ว่าแต่คุณอานัทธีช่วยอุ้มหนูหน่อยนะ” เขายื่นแขนน้อยๆ ออกไป
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลูกชายถึงร้องไห้แบบนั้น
ดึงผมคนอื่นออกมา คงจะตกใจมากเลยล่ะ
“อารัณ หม่ามี๊เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าซน ทำไมไม่ฟังเลย?” วารุณีโกรธแล้วจริงๆ ก่อนจะตีก้นอารัณหลายครั้ง
อารัณก้มหน้าลง ด้วยความรู้สึกผิด
“โอเค หยุดตีได้แล้ว” นัทธีขวางมือของวารุณีที่กำลังจะตีเด็ก พลางพูดเสียงทุ้ม
วารุณีหยุดมือลง “ประธานนัทธี……”
นัทธียกมือขึ้น ก่อนจะบอกว่าไม่ต้องพูดแล้ว จากนั้นเขาก็โน้มเอว มามองอารัณด้วยแววตามืดมัว “บอกคุณอาไป ว่าทำไมหนูต้องดึงผมของคุณอา?”
“หนูไม่ได้อยากจะดึงผมของคุณอา หนูไม่ได้ระวัง……” อารัณเช็ดน้ำตาพลางพูด
นัทธีหรี่ตาลง ในตามีความจับผิดอยู่ “ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เหรอ?”
“อือ” อารัณพยักหน้า
วารุณีคิดเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมา “ประธานนัทธี ฉันเชื่อว่าลูกชายฉันไม่ได้ตั้งใจ เพราะก่อนหน้านี้เองก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
“หือ?” นัทธีมองไปหาเธอ ด้วยแววตาที่มองอย่างละเอียด “ก่อนหน้านี้เขาเองก็เคยใช้ของอันนี้ดึงผมคนอื่นเหรอ?”
“ใช่ เด็กคนนี้ติดนิสัยอย่างหนึ่ง คือชอบกำของเอาไว้ในมือ พอดีว่าตัวต่อเลโก้มันเล็ก เลยจับได้สะดวก แต่บางทีก็บิดจนลืม มีครั้งหนึ่ง ดึงผมของไอริณมาเพราะสิ่งของอันนี้แหละ” วารุณีพูดไปพลางมองอารัณไปด้วย
อารัณก้มหน้าลงจนสุด
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ……” นัทธีมีแววตาเป็นประกาย เขามองออก ว่าเรื่องที่เธอเล่ามันเป็นเรื่องจริง
“ประธานนัทธี ขอโทษด้วยจริงๆ !” วารุณีโค้งให้นัทธีด้วยความรู้สึกผิด แถมยังให้อารัณก้มลงขอโทษด้วย
เมื่อนัทธีเห็นแม่ลูกขอโทษอย่างจริงใจ ก็นวดขมับเล็กน้อย พลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จะไม่มีครั้งหน้าแล้วนะ แล้วนิสัยนี้ของเขาก็ควรจะต้องแก้ไขด้วย”
“ได้ ฉันจะเข้มงวดกับเขา” วารุณียิ้มด้วยความขอโทษ ก่อนจะเคาะหัวของอารัณ “ยังไม่รีบขอบคุณคุณอานัทธีอีกเหรอ?”
อารัณรีบขอบคุณอย่างจริงจัง จากนั้นก็รีบหลบหลังเธอ ตรงที่ผู้ใหญ่สองคนไม่เห็นนั้น ก็มองเส้นผมในมือ ก่อนจะลบท่าทีเกรงกลัวออกไป แล้วยิ้มด้วยความรู้สึกสำเร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...