พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 384

วารุณีพยายามระงับความอ่อนล้าภายในจิตใจเอาไว้ เธอยื่นมือออกไปลูบใบหน้าของเด็กทั้งสองคน “ไม่เป็นไรนะ หนูไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

“แต่ว่า......”

ดูเหมือนอารัณต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

วารุณีขมวดคิ้ว “เอาล่ะ พวกลูกกลับไปที่ห้องกันก่อนเถอะ ให้แม่อยู่คนเดียวเงียบ ๆ สักพัก แม่จะได้คิดหาวิธีที่จะทำให้พ่อสบายใจ”

“ก็ได้ครับ” อารัณพยักหน้า จากนั้นจึงจูงมือไอริณเดินขึ้นชั้นบนไป

ขณะที่เดินอยู่บนบันได ไอริณก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “พี่คะ ถ้าต่อไปพ่อยังทำกับพวกเราเช่นนี้อยู่ พวกเราจะกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนอีกไหมคะ กลับไปเป็นเด็กไม่มีพ่อ ?”

“ไม่หรอก” อารัณตอบด้วยสีหน้าจริงจัง : “พี่เองก็จะคิดหาวิธีเพื่อให้พ่อกับแม่คืนดีกันให้ได้ ขอแค่พวกเขาคืนดีกัน พ่อก็จะยังคงเป็นพ่อของพวกเราต่อไป”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูก็จะช่วยด้วยอีกแรง !” ไอริณยิ้มออกมา

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับไปคิดหาวิธีที่ห้องกันเถอะ” อารัณเปิดประตูห้อง แล้วจูงเธอเข้าไปข้างใน

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง ภายในห้องหนังสือ

นวิยานั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของนัทธีด้วยท่าทีประหม่า “นัทธี คุณกำลังโกรธฉันอยู่หรือคะ ?”

“นวิยา นี่เป็นครั้งที่สองที่คุณใส่ร้ายวารุณีแล้วนะ ครั้งก่อนคุณล้มลงไปเอง แต่กลับกล่าวหาว่าวารุณีเป็นคนผลักคุณ ครั้งนี้คุณเองก็เป็นคนหาเรื่อง แต่คุณไม่เพียงใส่ร้ายวารุณีเท่านั้น กลับดึงเอาเด็กสองคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คุณกลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?” นัทธีมองเธอด้วยสายตาที่ดูราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า

ในใจของนวิยารู้สึกประหม่า จากนั้นจึงแสดงท่าทีเศร้าโศกออกมา “นัทธี คุณหาว่าฉันใจร้ายอย่างนั้นหรือ ? ทั้งหมดที่ฉันทำก็เพื่อคุณนะคะ”

“เพื่อผม ?” นัทธีขมวดคิ้ว

นวิยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ เมื่อคืนฉันถามคุณ ว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงเย็นชากับคุณหนูวารุณี คุณเป็นคนบอกฉันเองว่า คุณหนูวารุณีคือศัตรูของคุณ ดังนั้นฉันจึงอยากจะช่วยคุณ”

“สิ่งที่คุณเรียกว่าความช่วยเหลือ คือการใช้คำพูดทำร้ายจิตใจเด็กสองคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างนั้นหรือ ?” นัทธีตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ

นวิยาตัวสั่นเทา “ฉันเองก็จนปัญญา จึงต้องทำเช่นนี้ คุณรักคุณหรูวารุณี แต่ระหว่างคุณทั้งสองมีความแค้นอันลึกซึ้งคั่นกลางอยู่ คุณบอกว่าคุณไม่รู้ว่าจะวางตัวกับคุณหนูวารุณีอย่างไร ดังนั้นฉันจึงคิดหาวิธีให้คุณหนูวารุณียอมไปจากคุณด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงได้พูดคำพูดพวกนั้นออกมา”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพูดต่อว่า : “ขอแค่คุณหนูวารุณีไม่อาจทนฟังคำดูถูกเยาะเย้ยพวกนี้ได้ เธอจะต้องยอมไปจากคุณเองแน่นอน เช่นนี้ นัทธีเองก็ไม่ต้องลำบากใจเรื่องการวางตัวกับเธออีกต่อไป”

“คุณทำเพื่อผม หรือทำเพื่อตัวคุณเองกันแน่ นวิยา คุณรู้ดีแก่ใจ” นัทธีหรี่ตาลง และจ้องมองเธอราวกับว่ามองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

นวิยารู้สึกร้อนรน และหลบสายตาเขาโดยไม่รู้ตัว “นัทธี ฉันทำเพื่อคุณแน่นอน ตอนนี้ฉันเองก็อยู่กินกับพิชิตแล้ว ฉันจะทำเรื่องที่ผิดต่อเขาได้อย่างไรกัน”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนี้” นัทธีเค้นคำพูดออกมาด้วยความเย็นชา

เมื่อนวิยาเห็นว่าเขาไม่ได้สืบสาวราวเรื่องต่อ ก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นจึงหันมองเขาแล้วพูดขึ้นอีกว่า : “ นัทธี ถ้าอย่างนั้นคุณลองใช้วิธีของฉันดีไหมคะ ในเมื่อคุณเองก็ไม่รู้ว่าควรวางตัวกับเธออย่างไร ถ้าอย่างนั้นการที่คุณสองคนแยกทางกัน ก็ดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

“นี่เป็นเรื่องของผม ไม่จำเป็นต้องให้คุณเข้ามายุ่ง” นัทธีเม้มปากอย่างหมดความอดทน

นวิยารู้สึกไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก “นัทธี คงไม่ใช่เพราะคุณรู้สึกเสียดายหรอกใช่ไหม คุณหนูวารุรณีเป็นหนึ่งในฆาตกรที่ทำให้คุณลุงคุณป้าต้องตาย หากคุณอยู่ร่วมกับเธอ มิหนำซ้ำยังช่วยเธอเลี้ยงดูเด็กสองคนนั่นอีก หากคุณลุงคุณป้ารับรู้ ท่านจะรู้สึกเช่นไรคะ ?”

“พอได้แล้ว คุณออกไปเดี๋ยวนี้ เรื่องของผมไม่จำเป็นต้องให้คุณมายุ่ง !” นัทธีชี้นิ้วไปที่ประตูด้วยสีหน้าที่เย็นชา

นวิยารู้ว่าเขากำลังโมโห จึงไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาอีก น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย “ได้ค่ะ ฉันจะออกไป แต่นัทธี ฉันอยากให้คุณลองคิดดูดี ๆ ทำเช่นนี้จะเป็นการที่ดีสุดทั้งต่อตัวคุณเองและคุณหนูวารุณี ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะต้องกลายเป็นคู่แค้นกัน”

พูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไป

บรรยากาศภายในห้องหนังสือกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง นัทธีปิดตาลงด้วยความอ่อนล้า เขายกแขนขึ้นมาปิดบังดวงตาจากแสงสว่าง

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการแยกจากวารุณีถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด

แต่เขารักเธอจริง ๆ เมื่อคิดว่าต้องแยกจากกันเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อาจทำใจได้

เขาควรจะทำเช่นไรดี ?

ขณะที่เดินไปถึงบันได เขาก็เห็นวารุณีกำลังเดินขึ้นมาจากด้านล่าง

วารุณีเองก็กำลังคิดที่จะไปหาเขา เมื่อมองเห็นเขาแววตาจึงเป็นประกายขึ้นมา “นัทธี รอเดี๋ยวก่อนค่ะ”

เธอกลัวว่าเขาจะไม่สนใจเธอ จึงรีบคว้าแขนของเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาจากไป

นัทธีเองก็ไม่ได้สะบัดมือเธอออก เขาหยุดฝีเท้าลง

วารุณีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “นัทธี ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากพูดกับฉัน แต่ไม่เป็นไร ครั้งหน้าเราค่อยคุยกัน ครั้งนี้ พวกเรามาคุยเรื่องอื่นกันเถอะ ตอนกลางวันฉันส่งข้อความหาคุณ บอกว่ามีความลับบางอย่างจะบอกกับคุณ เดิมทีฉันคิดจะเก็บความลับนี้เอาไว้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณ แต่ตอนนี้ฉันรอไม่ไหวอีกแล้ว”

ขณะที่พูด เธอก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อระงับความตื่นเต้นในใจ จากนั้นจึงจ้องมองเขาแล้วค่อย ๆ เอ่ยปากออกมา “ความลับนี้เกี่ยวข้องกับเด็กทั้งสองคน อันที่จริงแล้ว ฐานะของพวกเขาทั้งสองคน คือลูกแท้ ๆ ของคุณ”

นัทธีรู้สึกตกใจอย่างถึงที่สุด

ลูกแท้ ๆ ของเขา ?

จะเป็นไปได้อย่างไร !

เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจของนัทธี วารุณีก็ก้มหน้าลง “ขอโทษนะคะ ที่ฉันปิดบังคุณมาโดยตลอด เพราะฉันกลัวว่าคุณจะแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กทั้งสองคนกับฉัน แต่ภายหลังพวกเราแต่งงานกันแล้ว ฉันจึงเตรียมที่จะบอกเรื่องนี้กับคุณ เพียงแต่ยังหาจังหวะที่เหมาะสมไม่ได้ ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะบอกคุณในวันเกิด แต่คิดไม่ถึงว่า......”

“คุณคิดว่าผมจะเชื่ออย่างนั้นหรือ ?” เธอยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกนัทธีพูดตัดบทขึ้นมาอย่างเย็นชา

วารุณีผงะไป เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา มองเข้าไปในแววตาที่เย้ยหยันของเขา ดวงตาของเธอเบิกโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น “นัทธี คุณหมายความว่าอย่างไร คุณคิดว่าฉันกำลังหลอกคุณอย่างนั้นหรือ ?”

“หรือว่าไม่ใช่ ?” นัทธีสะบัดมือเธอออก

วารุณีส่ายหัว “ไม่ใช่แน่นอน สิ่งที่ฉันพูดคือความจริง พวกเขาเป็นลูกของคุณจริง ๆ คืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน......”

“พอได้แล้ว พวกเขาใช่ลูกของผมหรือไม่ ผมรู้ดีแก่ใจ คุณคิดว่าผมไม่เคยตรวจดีเอ็นเอหรืออย่างไร ?” สายตาเย้ยหยันของนัทธีรุนแรงขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ