พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 393

ในตอนนั้นที่ต่างประเทศเป็นเวลากลางคืน วารุณีเองก็ไม่รู้ว่าศรัณย์นั้นจะพักผ่อนอยู่หรือไม่ ดังนั้นหล่อนจึงเตรียมใจเผื่อว่าศรัณย์อาจจะไม่รับโทรศัพท์

แต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือศรัณย์ยังไม่นอนและรับสายอีกด้วย “พี่สาวเหรอ?”

“ศรัณย์ รบกวนนายใช่ไหม?” วารุณีถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

แม่ก็จากไปแล้ว นอกจากเด็กน้อยอีกสองคน ศรัณย์ก็ถือว่าเป็นญาติทางสายเลือดคนเดียวที่หล่อนมีอยู่

“ไม่เลย ผมเพิ่งกลับมาจากหอศิลป์หลังจากดูนิทรรศการเสร็จน่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ศรัณย์ถามพร้อมกับไอแห้งๆออกมาสองที

เมื่อวารุณีได้ยิน หล่อนก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที “ศรัณย์ป่วยเหรอ?”

“แค่เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พี่สาวอย่ากังวลไปเลย” ใบหน้าอันขาวซีดของศรัณย์ยิ้มออกมา

วารุณีจะไม่เป็นกังวลได้ยังไงกัน

แต่ต่อให้หล่อนกังวลไปก็ไร้ประโยชน์ ศรัณย์อยู่ต่างประเทศ หล่อนเองก็ไปดูแลเขาไม่ได้เช่นกัน

“ไปหาหมอรึยัง?” วารุณีถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย

ศรัณย์พยักหน้า “ไปหามาแล้ว นี่ก็กินยาอยู่ วันนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะพรุ่งนี้ก็คงจะหายดี”

“งั้นก็ดีแล้ว” มุมปากของวารุณีฉีกยิ้มขึ้น

ศรัณย์ถาม “แล้วพี่มีเรื่องอะไรถึงมาหาผมกันล่ะ?”

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ฉันแค่อยากจะถามว่าแต่ก่อนตอนที่แม่ดูแลนายที่บ้าน เธอชอบไปหาคุณปู่บรรพตใช่ไหม?” วารุณีถามกลับ

ศรัณย์เอียงหัวอย่างสงสัย “พี่หมายถึงคุณปู่ของพี่เขยใช่ไหม?”

“ใช่” วารุณีส่งเสียงอืมออกไป

ศรัณย์พยักหน้า “ก็ไปหาคุณปู่บรรพตบ่อยอยู่นะ แม่เคยพูดว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมของคุณปู่บรรพต”

“แล้วตอนที่แม่ไปหาคุณปู่บรรพตมีอะไรที่มันดูผิดปกติไหม?” วารุณีถามอีกครั้ง

ศรัณย์ขมวดคิ้ว “อะไรที่เรียกว่าผิดปกติกันล่ะ?”

วารุณีขยับริมฝีปากเล็กน้อย ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร

ปาจรีย์ที่อยู่ด้านข้างก็ทนดูต่อไปไม่ไหวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มาคุย “ศรัณย์นี่ฉันเองนะ”

“พี่ปาจรีย์” ศรัณย์ตะโกนออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ว่านอนสอนง่ายดี!”ปาจรีย์ตอบกลับไปหนึ่งประโยคจากนั้นก็พูดต่อว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้ คือไม่กี่วันมานี้พี่เขยเขาเป็นบ้าน่ะ มาทำตัวเย็นชากับพี่สาวนาย สำหรับเหตุผลก็คือคุณป้าสะใภ้อาจจะไปทำเรื่องอะไรไม่ดีกับคนของตระกูลไชยรัตน์ไว้ ดังนั้นตอนนี้พี่เขยเขาก็เลยมาระบายความโกรธลงที่พี่สาวของนาย”

“อะไรนะ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของศรัณย์ค่อยๆหยุดนิ่งลง “พี่เขยทำแบบนี้กับพี่สาวเหรอ?แล้วพี่สาวผมเป็นอะไรไหมเนี่ย?”

“ร่างกายน่ะไม่เป็นอะไรแต่จิตใจน่ะไม่โอเคเป็นอย่างมาก อย่างไรซะฉันก็ปลอบจนหล่อนค่อยๆดีขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นตอนนี้พวกเราเลยอยากรู้ให้แน่ชัดว่าคุณป้าสะใภ้ไปทำอะไรมารึเปล่า จะได้ไปแก้ไขปัญหาระหว่างพี่สาวกับพี่เขย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปพี่สาวของนายกับพี่เขยคงจะต้องหย่าร้างกันแน่ๆ” ปาจรีย์พูด

ศรัณย์ขมวดคิ้ว “ผมไม่รู้เรื่องที่แม่ทำอะไรผิดกับคนของตระกูลตระกูลไชยรัตน์หรอก แทบจะไม่มีอะไรอยู่ในความทรงจำของผมเลย”

“ถ้าอย่างนั้นนายลองคิดดูดีๆ เมื่อก่อนป้าสะใภ้ดูแลนายมาตลอด นายใช้เวลาส่วนใหญ่กับป้าสะใภ้ บางทีนายอาจจะรู้เพียงแต่แค่ไม่ได้สนใจหรือเปล่า?” ปาจรีย์พูดอย่างไม่ยอมแพ้

หากต้องการให้มันชัดเจน พวกเธอก็ต้องเริ่มที่ศรัณย์เท่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว ปากของนัทธีกับมารุตก็แข็งราวกับเพชร งัดยังไงก็งัดไม่ออก

“ได้ ผมจะคิดดู” ศรัณย์ตอบด้วยท่าทางที่จริงจัง

เพื่อพี่สาว เขาคงต้องนึกย้อนกัลบไปในความทรงจำสักหน่อยแล้วล่ะ

ขณะที่ศรัณย์กำลังหาความทรงจำของเขาอยู่ ปาจรีย์ก็ได้ยื่นโทรศัพท์คืนให้วารุณี

“ไม่ว่ายังไงก็รอดูแล้วกัน หากว่าไม่ได้จริงๆล่ะก็ วารุณีหล่อนลองไปซื้อยานอนหลับมาให้ประธานนัทธีดูหรือจะทำให้ประธานนัทธีเมาแล้วก็ถามเรื่องราวจากปากของประธานนัทธีว่าเป็นยังไงกันแน่ หล่อนคิดว่ายังไง?” ปาจรีย์มองไปที่หล่อน

วารุณีรู้สึกตลกเล็กน้อย กำลังจะพูดว่าทำไมความคิดของเธอมันถึงมากมายขนาดนี้ก็มีเสียงของศรัณย์ดังเข้ามา “พี่ เหมือนว่าผมจะคิดออกเรื่องหนึ่ง!”

ปาจรีย์และศรัณย์ต่างพยักหน้า

ปาจรีย์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “แบบนี้ก็แล้วกัน ฉันจะลองหาเบาะแสในอินเทอร์เน็ตดู ตระกูลใหญ่โตร่ำรวยอย่างตระกูลไชยรัตน์ถ้าเกิดเรื่องอะไรก็คงจะเป็นข่าวใหญ่แน่ๆ”

“วิธีนี้ดี ปาจรีย์ รบกวนด้วยนะ” วารุณีตบไปที่ไหล่ของเธอ

“ไม่เป็นไรเลย” ปาจรีย์ยิ้มออกมาพร้อมกับไปนั่งที่หน้าคอมพิวเตอร์

จากนั้นวารุณีก็ทักทายกับศรัณย์พร้อมกับคุยถามไถ่ชีวิตของเขาในต่างประเทศ

ขณะที่ทั้งสองนั้นคุยกันได้ประมาณสองสามนาที ปาจรีย์ที่อยู่อีกด้านก็พอได้เบาะแสแล้ว

“วารุณี ฉันหาเจอแล้ว” สีหน้าท่าทางของปาจรีย์นั้นดูไม่ดีนัก ดูหนักอึ้งเป็นอย่างมาก

ในใจของวารุณีนั้นเต้นดังตุ้บๆและได้วางสายลงพร้อมกับเดินไป “มีอะไรเหรอ?”

“หล่อนดูเองเถอะ” ปาจรีย์ยื่นสมุดจดไปไว้ที่ด้านหน้าของหล่อน

วารุณีก้มลงมองพร้อมอ้าปากกว้าง “เป็นวันที่พ่อกับแม่ของนัทธีเสีย!”

“อืม ตอนที่ศรัณย์อายุสามขวบก็คือเมื่อสิบแปดปีก่อน ดังนั้นฉันก็เลยลองหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสิบแปดปีก่อนของวันที่เก้าเดือนตุลาคมซึ่งมันเป็นวันที่พ่อกับแม่ของนัทธีเสียชีวิตไป ยิ่งไปกว่านั้นวันที่เก้าเดือนตุลาคมยังเป็นวันที่คุณปู่บรรพตเสียอีกด้วย” ปาจรีย์เงยหน้ามองไปที่หล่อน

เพียงแต่คุณปู่บรรพตนั้นเพิ่งเสียไปในวันที่เก้าเดือนตุลาคมไม่กี่ปีก่อน

วารุณีกัดริมฝีปาก รู้สึกว่าไร้เหตุผลจนเกินไป “นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง แม่ของฉันจะไปเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่นัทธีได้อย่างไรกัน?”

หล่อนคิดไม่ออก ยิ่งไปกว่านั้นก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้

เมื่อปาจรีย์เห็นท่าทางของหล่อนที่ดูตื่นตระหนกจึงได้จับมือของหล่อนไว้ “วารุณี ใจเย็นก่อน”

“ฉันจะใจเย็นได้ยังไงกัน” วารุณีปิดหน้าพร้อมกับตอบด้วยความเจ็บปวด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ