เมื่อเห็นโต๊ะที่ขยับเคลื่อนไหว พิชิตก็รู้ว่าเพื่อนของเขาคงโกรธมากแล้วจริงๆ ไม่กล้าที่จะปิดบังอะไรอีก พูดออกไปตามตรงว่า“นวิยาไปแล้ว”
“ไปแล้ว?”ดวงตาของนัทธีมองมาที่เขาอย่างไม่มีเยื่อใย
พิชิตก้มหน้าลง “ใช่ ฉันปล่อยนวิยาไปเอง หลังจากที่เธอออกจากคฤหาสน์ ก็จากไปเพียงลำเพียง ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน”
“นายเองก็ไม่รู้เหมือนกันงั้นเหรอ”นัทธีโกรธจนหัวเราะออกมา“พิชิต ฉันอยากรู้ว่าทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย?”
“นวิยาติดต่อมาหาฉัน ขอให้ฉันช่วยเธอ หากฉันไม่ตอบตกลง ไม่แน่ว่าเธออาจจะฆ่าตัวตายก็ได้ นัทธีนายเองก็รู้ นิสัยสุดโต่งอย่างนวิยา เธอทำมันได้แน่” พิชิตมองมาที่เขา
นัทธีแค่นเสียงหึ “ฉันไม่ปฏิเสธว่านวิยาอาจจะฆ่าตัวตายได้ แต่ฉันเก็บสิ่งของต่างๆที่จะเป็นอันตรายกับเธอออกไปหมดแล้ว เธอฆ่าตัวตายไม่ได้แน่ ”
“พูดมันก็พูดได้ แต่กับคนที่อยากจะตาย เธอต้องคิดหาร้อยพันวิธีที่จะฆ่าตัวตายจนได้ นายจะระวังป้องกันยังไงก็ไม่ได้ผลหรอก” พิชิตกล่าว
นัทธีกำหมัดแน่น“ ดังนั้นนายก็เลยคิดว่านวิยาอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ เลยใจอ่อน ?”
พิชิตตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง “ใช่ ฉันรักนวิยา ฉันรักเธอมาตลอด จะให้ฉันทนมองดูเธอเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตายได้ยังไง ดังนั้นก็ต้องขอโทษด้วย ขอโทษด้วยนัทธี ครั้งนี้ฉันเป็นคนปล่อยนวิยาไปเอง นายจะโกรธจะเกลียดยังไง ก็มาลงที่ฉันได้เลย”
“ไม่ต้องห่วง ฉันทำแน่ แต่นวิยา ฉันก็ไม่ปล่อยเธอเอาไว้เหมือนกัน ”นัทธีพูดจบก็เหล่ตามอง หันหลังแล้วเดินจากไป
“นัทธี”พิชิตเรียกเขาเอาไว้
ขาที่ก้าวอยู่ของนัทธีก็หยุดเดิน
พิชิตหายใจเข้าลึก แล้วพูดวิงวอนว่า“นัทธี ในเมื่อนวิยาก็ไปแล้ว นายปล่อยเธอไปสักครั้งได้ไหม บางทีเธออาจจะสำนึกผิดแล้วจริงๆก็ได้ ”
“โง่ที่สุด!”นัทธีเอียงคอ พูดเหน็บอย่างไร้ปรานี“ นายคิดว่านวิยาจะสำนึกผิดได้จริงๆเหรอ ? ไม่เลย มันไม่มีทาง หากเธอทำได้ เธอทำไปนานแล้ว ไม่ใช่ในตอนที่ให้นายมาช่วยเหลือตอนนี้”
“ฉันรู้ แต่ว่า......”
“นายรักเธอจริงๆเหรอ?”นัทธีพูดขัดเขาขึ้นมาทันที
พิชิตอึ้งไปชั่วครู่ “อะไรนะ?”
“ฉันถามว่า นายรักนวิยาจริงๆเหรอ ?”นัทธีถามเขา
พิชิตขมวดคิ้ว “แน่นอน”
“แต่ในความคิดของฉัน มันไม่ใช่ความรัก มันคือการตามใจ”นัทธีกล่าว“ นายเอาแต่พูดว่ารักนวิยา และยังรู้ทั้งรู้ว่าเธอมีอาการป่วยทางจิตขั้นรุนแรง แต่ไม่เคยคิดที่จะหาหมอมารักษาเธอ แล้วก็ยังรู้ทั้งรู้ว่าเธอทำเรื่องผิดๆ ก็ไม่เคยคิดที่จะให้เธอรับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำ หนำซ้ำยังช่วยให้เธอหนีไปอีก เพื่อให้หลุดพ้นจากความรับผิดชอบ นี่เหรอรัก?”
“......”พิชิตอ้าปากค้าง ราวกับอยากจะอธิบายอะไร แต่พอคำพูดมากองอยู่ที่ปากก็กลับพูดมันไม่ออก
เขาแค่รู้สึกว่าการกระทำของเขา ไม่ใช่การตามใจนวิยา เพียงแค่ไม่อยากเห็นนวิยาต้องทนทุกข์ทรมานก็เท่านั้น
แต่เมื่อมาเทียบเคียงคำพูดของนัทธี เขาก็โต้แย้งอะไรไม่ได้
“และเหตุผลที่นวิยาแย่ลง ก็เป็นเพราะมีนายพิชิต เธอรู้ว่านายจะต้องใจอ่อนกับเธอ และช่วยเหลือเธอ ดังนั้นก็จึงยิ่งกำเริบเสิบสาน พิชิต นายคิดว่าที่นายทำมันคือการรักเธอ แต่แท้จริงแล้วมันคือการทำร้ายเธอ นายลองเก็บไปคิดดีๆเองแล้วกัน ”
หลังจากที่นัทธีพูดจบ ก็ละสายตาออก ก้าวเท้าแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานของพิชิต
หลังจากที่เขาไปแล้ว พิชิตก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ หัวสมองก็ตื้อไปหมด
เขาเป็น......อย่างที่นัทธีพูดจริงๆเหรอ ทำร้ายนวิยาจริงๆเหรอ ?
ในใจของพิชิตคิดตรงกันข้ามกับนัทธี และอยากจะบอกว่าที่นัทธีพูดนั้นมันผิด
แต่ในขณะเดียวกัน ภายในใจก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ว่าสิ่งที่นัทธีพูดนั้นเป็นความจริง
ก็เพราะเขาคอยเอาแต่ช่วยเหลือนวิยา ดังนั้นนวิยาก็จึงมีที่พึ่งพาและไม่มีความกลัว
พิชิตก้มหน้าลง สองมือดึงทึ้งไปที่เส้นผม ในใจก็อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ และรู้สึกเสียใจไม่น้อย
บางที ครั้งนี้ เขาคงจะคิดผิดไปจริงๆ
“ท่านประธาน”นัทธีมาถึงที่หน้าลิฟต์ มารุตที่ยืนรอเขาอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน เมื่อเห็นเขาเดินมา ก็เอ่ยทัก
“ส่งคนออกไปตรวจดูตามสนามบินสถานีรถไฟและที่ต่างๆ ต้องตามหาตัวนวิยากลับมาให้ได้”นัทธีเดินเข้าลิฟต์ แล้วสั่งการเสียงเข้ม
มารุตพยักหน้ารับคำ“เข้าใจแล้วครับ”
ไม่นานพิชิตก็รู้เรื่องที่บริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปตัดเงินทุนช่วยเหลือที่ยังคงค้างทิ้ง ในใจก็รู้สึกขมขื่น
เขาเองก็รู้ว่านัทธีกำลังส่งสัญญาณเตือนเขาอยู่ ดังนั้นนอกจากต้องยอมรับ เขาก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร
โชคดีที่โรงพยาบาลในเครือของตระกูลจรูญอุดมสุข ตอนนี้ก็มีสภาพที่คล่องพอตัวแล้ว ไม่มีเงินทุนที่เหลือ หากประหยัดหน่อย ก็สามารถอยู่รอดได้
แต่แค่ไม่รู้ว่า นัทธีจะลงมือทำอะไรกับโรงพยาบาลในเครือของตระกูลจรูญอุดมสุขหรือไม่
และทางฝั่งของนวิยา ไม่รู้ว่าหากนัทธีจับตัวนวิยาได้ จะทำอะไรกับนวิยาบ้าง
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พิชิตก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วกดโทรไปหานวิยา
แต่โทรศัพท์กลับแสดงผลว่าไม่มีหมายเลขนี้
ในใจของพิชิตก็ร้อนรุ่ม
แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ก็ถูกยกเลิก นวิยาไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน ?
นวิยาที่กำลังถูกพิชิตกวนใจอยู่ ในตอนนี้ก็อำพรางตัวแล้วมาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์
นั้นก็คือคฤหาสน์ที่นัทธีกับวารุณี รวมถึงเด็กอีกสองคนพักอาศัยอยู่
เธอสวมใส่เสื้อโค๊ดตัวยาว บนศีรษะมีหมวกปีก ซึ่งปิดบังใบหน้ากว่าครึ่งหน้า ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน
เธอยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคฤหาสน์ที่สวยหรูและทันสมัยหลังนี้ ในใจก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
คฤหาสน์หลังนี้ เมื่อสิบสองปีก่อน ตอนที่นัทธีได้สืบทอดบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ป คุณปู่บรรพตเป็นคนมอบให้ เป็นคฤหาสน์หลังแรกในจังหวัดจันทร์
หลังจากที่เธอเห็น ก็อยากที่จะเข้ามาอยู่ในฐานะของนายหญิง แต่ไม่คิดว่า คนที่ได้เข้ามาอยู่ในฐานะของนายหญิง กลับเป็นวารุณี
แม้ว่าเธอจะได้เข้ามาอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็เข้ามาในฐานะของผู้อาศัย
ความแตกต่างแบบนี้ เธอจะยอมรับมันได้ยังไง !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...