พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 603

“หญิงสาว?”เมื่อวารุณีได้ยินคำนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวดขึ้น ในใจรู้สึกหึงหวงขึ้นมาเล็กน้อย

แต่ไม่นาน เธอก็ปรับอารมณ์ความคิดของตัวเองลงได้ ไม่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย

เพราะยังไงเขาก็ช่วยนัทธีเอาไว้ เป็นผู้มีพระคุณของเธอ เธอจะไปหึงหวงอะไรกับผู้มีพระคุณ

วารุณีรู้สึกละอายใจกับการคิดเล็กคิดน้อยของเธอ ตบไปที่แก้ม ปรับสภาพอารมณ์ตัวเอง แล้วถามว่า“หญิงสาวคนนั้น เป็นเจ้าของรถสามล้อคันนั้นเหรอ?”

“ครับ ผมพาคนจำนวนหนึ่ง ไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ห่างจากแม่น้ำสายนั้นกว่ายี่สิบกิโลเมตร และได้ข่าวของท่านประธานที่นั่น คนที่โรงพยาบาลบอกผมว่า มีหญิงสาวชื่อจุ๊บแจงคนหนึ่งเป็นคนขับรถสามล้อ พาท่านประธานไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่หญิงสาวคนนั้นได้ทำเรื่องพาตัวท่านประธานออกจากโรงพยาบาล และตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว”

“ทางโรงพยาบาล ได้บอกถึงอาการของนัทธีไหม ?”วารุณีถาม

ตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงมากที่สุดคือสภาพร่างกายของนัทธี เขาได้รับบาดเจ็บอะไรไหม หรือบาดเจ็บที่ไหนหรือเปล่า ?

มารุตพยักหน้าให้อย่างรวดเร็ว“มีครับ ผมได้สอบถามไปแล้ว โรงพยาบาลบอกผมว่า ท่านประธานไม่มีบาดแผลร้ายแรงอะไรมีเพียงแผลฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น ที่สาหัสน่าจะเป็นในส่วนของศีรษะ ศีรษะของประธานถูกกระแทกอย่างแรง หลายวันมานี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย และไม่รู้ว่าตอนนี้ฟื้นแล้วหรือยังครับ ”

“เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ......”วารุณีทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

เป็นไปอย่างที่เธอคาดเดาเอาไว้ นัทธีน่าจะยังไม่ฟื้น

ก็ใช่นะสิ หากเขาฟื้น ทำไมจะยังไม่กลับบ้านมาอีก

“ผู้หญิงคนนั้น พานัทธีไปอยู่ที่ไหน ?” วารุณีคลึงไปที่หว่างคิ้ว

มารุตถอนหายใจ “ไม่ทราบครับ ตามที่โรงพยาบาลแจ้งมา ผู้หญิงคนนั้นพวกเขาก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน น่าจะไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองนั้น แต่อาศัยอยู่ที่อื่น ส่วนที่ว่าเธอพักอาศัยอยู่ที่ไหน ทางโรงพยาบาลก็ไม่รู้รายละเอียด แต่ถ้าดูจากสภาพของรถสามล้อแล้ว น่าจะอยู่ในละแวกที่ไม่ได้ไกลมากนัก เพราะรถไฟฟ้าสามล้อแบบนั้นวิ่งไปได้แค่ห้าสิบกิโลแบตเตอรี่ก็หมดแล้วครับ ”

“ทางโรงพยาบาลน่าจะมีเบอร์ติดต่อของผู้หญิงคนนั้นไหม ? ”

“มีครับ นี่ครับ”มารุตยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้วารุณี ในนั้นมีชื่อและเบอร์โทรเขียนเอาไว้

วารุณีรับมาแล้วจ้องมองดู อ่านชื่อนั้นออกมา “จุ๊บแจง......”

“ก่อนที่ผมจะกลับ ได้โทรไปยังหมายเลขนี้ เพื่อจะติดต่อกับเธอ แต่ก็ไม่มีคนรับสายเลยครับ” มารุตพูดอย่างเศร้าสร้อย“ จากนั้นผมก็ไปที่สถานีตำรวจในตัวเมือง ทางตำรวจบอกว่าจะค้นหาที่อยู่ของคุณจุ๊บแจงให้ หากเจอแล้วจะติดต่อกลับมาครับ ” มารุตตอบ

วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ ฉันรู้......”

ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค เสียงโทรศัพท์ของมารุตก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

ดวงตาของวารุณีเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เร่งเร้าให้เขารีบหยิบขึ้นมารับสาย “ เร็ว ดูสิว่าใช่ทางสถานีตำรวจโทรมาหรือเปล่า”

มารุตก็รีบพยักหน้ารับ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

หลังจากที่หยิบมือถือออกมาได้ ก็รีบหันไปตอบวารุณี “ใช่ครับ”

“ฉันรับสายเอง!”วารุณีคว้าโทรศัพท์มือถือมา แล้วกดรับสายทันที

สายเรียกเข้ามาจากสถานีตำรวจในท้องที่ พวกเขาพบที่อยู่ของจุ๊บแจงแล้ว จึงได้โทรมาแจ้งให้ทราบโดยเฉพาะ

อารัณหัวไวยื่นปากกาให้วารุณีในทันทีทันใด

กระดาษของมารุตที่ส่งมาให้เธอเมื่อครู่ วารุณีจดที่อยู่ลงไปในนั้นด้วยมือที่สั่นเทา

หลังจากที่เขียนเสร็จ น้ำตาของวารุณีก็ไหลซึมออกมาด้วยความปีติยินดี รีบพูดขอบคุณกับทางตำรวจไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น ก็วางสายไปวารุณีคืนโทรศัพท์ให้กับมารุต

หลังจากที่มารุตรับไป ก็ถามไปว่า“ คุณผู้หญิง พรุ่งนี้เช้า ผมจะไปที่นั่นรับท่านประธานกลับมาด้วยตัวเองครับ ”

“ไม่ ฉันจะไปด้วย ” วารุณีปาดน้ำตา

อารัณก็อยากไปด้วยแต่ถูกวารุณีห้ามเอาไว้

เพราะเด็กตัวเล็กแบบนี้ ไปในที่ชนบทแบบนั้นเธอไม่วางใจเท่าไร

“แต่คุณผู้หญิงครับ สภาพร่างกายของคุณยังไม่หายดีเลยนะครับ ”อันที่จริงแล้วมารุตก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรที่วารุณีจะตามไปด้วย

แต่วารุณีก็มุ่งมั่นตั้งใจมาก “ฉันจะไปด้วย ในฐานะของภรรยา ฉันจะไปรับสามีของฉันกลับ และคุณอย่าลืม ที่ฉันทิ้งการแข่งขันมาเพราะเหตุผลอะไร ก็เพื่อที่จะมาตามหาตัวเขา ตอนนี้หาตัวเขาเจอแล้ว จะไม่ไปรับเขากลับได้ยังไง ”

คราวนี้มารุตไม่รู้จะแย้งยังไงได้อีก

ใช่ ตอนที่คุณผู้หญิงยังไม่กลับมา พวกเขาก็ไม่มีวี่แววของท่านประธานเลย

ตอนนี้คุณผู้หญิงกลับมาได้เพียงแค่วันเดียว ก็ตามหาตัวเจอแล้ว นี่คงเป็นปาฏิหาริย์ของคนเป็นสามีภรรยาล่ะมั้ง

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาจะยังคัดค้านได้ยังไงอีก?

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้า ผมจะมารับนะครับ”มารุตดันไปที่กรอบแว่น “เดี๋ยวผมจะไปเตรียมคน พาคนไปเพิ่มอีกสักจำนวนหนึ่ง”

จุ๊บแจงขบริมฝีปากแล้วมองไปยังนัทธี ในใจก็ผุดคิดเรื่องที่จะย้ายบ้านขึ้นมา

และในเวลาเดียวกัน ที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์

วารุณีมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ที่เข้าสู่โหมดปรกติ คิ้วก็ขมวดกันแน่น

ปลายสายตัดสายเธอทิ้ง ?

แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญคืออีกฝ่ายปฏิเสธว่าไม่ได้ช่วยชีวิตใครเอาไว้

แต่น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ดูตะกุกตะกัก ฟังดูก็รู้ว่ามันไม่ปรกติ เห็นชัดว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอยู่

เพราะอะไร ?

ทำไม จุ๊บแจงต้องโกหก ไม่ยอมรับว่าช่วยนัทธีเอาไว้ ?

เพราะถูกใครข่มขู่ หรือเพราะมีสาเหตุอื่น ?

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ในตอนนี้ วารุณีก็ดีใจมาก เพราะผ่านการคุยโทรศัพท์เมื่อครู่ เธอก็มั่นใจได้ว่า นัทธีอยู่ที่นั่นกับจุ๊บแจง

ในที่สุดเธอก็หาเขาเจอ !

คืนนี้ วารุณีดีใจจนนอนไม่หลับ เช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้ายังไม่สว่าง เธอก็จัดเก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางเรียบร้อย และนั่งรอมารุตมารับอยู่ในห้องนั่งเล่น

เวลาประมาณเจ็ดโมงมารุตก็มาถึง

วารุณีบอกลาอารัณ ให้อารัณรออยู่ที่บ้าน จากนั้นก็ขึ้นรถแล้วออกเดินทาง

เวลาเดินทางที่มากกว่าหนึ่งชั่วโมง วารุณีแทบนั่งไม่ติด หนึ่งวันราวกับหนึ่งปี เพราะเธออยากจะเจอนัทธีเร็วๆ ต่อให้รถจะแล่นด้วยความเร็วสูงแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันช้ามาก

ในที่สุด ก็มาถึงที่อยู่ที่ทางตำรวจได้แจ้งเอาไว้ มันคือหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

หมู่บ้านไม่ได้เก่าแก่มากนัก แต่ก็ไม่ถือว่าร่ำรวย เป็นหมู่บ้านชนบทธรรมดาทั่วไป

วันนี้ ในหมู่บ้านมีรถหรูอย่างในทีวีขับเข้ามามากกว่าเกือบสิบคัน ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พากันวิ่งออกมาดูอย่างตื่นเต้น

และมีเด็กวัยรุ่นบางคน ก็ถึงกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อถ่ายรูปเอาไว้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ