คนใช้ฟังรู้เรื่องแล้ว แต่กลับส่ายหัวไม่ตอบ
วารุณีนึกว่าตัวเองเสียงเบาเกินไป จึงได้ถามอีกรอบนึง
แต่สาวใช้ก็ยังส่ายหัวไม่ตอบอยู่ดี
ทีนี้วารุณีถึงเข้าใจว่าไม่ใช่คนใช้ไม่ได้ยิน แต่คนใช้จงใจไม่บอกเธอว่าที่นี่คือที่ไหน
“คุณผู้หญิงหิวหรือยังคะ?ฉันได้ทำอาหารเที่ยงที่พวกคุณชอบทาน ลงไปทานหน่อยเถอะค่ะ” นาทีนี้ ในที่สุดคนใช้ก็ได้เปิดปากถามวารุณีว่าหิวหรือเปล่า
พูดตามตรง วารุณีรู้สึกหิวข้าวแล้วจริงๆ แต่ถึงหิวเธอก็ไม่ตอบตกลงว่าจะลงไปทานอะไรหรอก
ใครจะไปรู้ว่าของกินจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
อีกอย่างสิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดของตอนนี้คือเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน ใครเป็นคนลักพาตัวเธอมาที่นี่
แล้วก็ ตอนนี้นัทธีเป็นยังไงบ้าง?
เธอไม่รู้ว่าห่างจากวันที่ตัวเองถูกลักพาตัวมานานเท่าไหร่แล้ว แต่ตอนที่ตัวเองถูกลักพาตัวยังเป็นกลางคืนอยู่ ตอนนี้คือช่วงกลางวัน ดังนั้นอย่างน้อยก็ผ่านไปประมาณสิบกว่าชั่วโมงแล้ว มากสุดก็อาจจะวันสองวันแล้ว
ตอนนี้นัทธีจะต้องตามหาเธออย่างร้อนรนใจแน่นอน เธอไม่รู้ว่าเขาหาเธอไม่เจอจะมีปฏิกิริยายังไง แต่ตอนนี้เธอคิดถึงเขาแล้ว
“คุณผู้หญิง?” คนใช้เห็นหน้าตาที่ไม่พูดจาแถมกัดริมฝีปากไว้อย่างเศร้าโศกของวารุณีแล้ว ก็อดเรียกเบาๆคำนึงไม่ได้
วารุณีหายใจลึกๆ ฝืนสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วมองไปที่คนใช้ “ฉันรู้แล้ว เธอออกไปก่อน เดี๋ยวฉันลงไป”
ไม่ว่ายังไง เธอก็ควรจะลงไปดูสักหน่อยจริงๆ เอาให้รู้แน่ชัดก่อนว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
“ได้ค่ะ” คนใช้ไม่ได้ดึงดันที่จะลงไปพร้อมกับวารุณี เธอพูดจบก็ได้ออกจากห้องไปเลย
นี่ทำให้วารุณีโล่งอกไปที เธอกลัวว่าสาวใช้คนนี้ดันจะต้องลงไปพร้อมกับเธอให้ได้จริงๆ เพราะเธออยากเช็คห้องนอนห้องนี้ก่อน ดูว่าจะมีเบาะแสอะไรหรือเปล่า ถ้าสาวใช้คนนี้อยู่ เธอก็จะไม่สะดวกต่อการเช็คดู ตอนนี้สาวใช้ไปแล้ว เธอกำลังสะดวกเลย
วารุณีนวดขมับ จากนั้นได้เริ่มเดินไปมาอยู่ที่ห้อง คอยเช็คดูอย่างละเอียด โดยเฉพาะป้ายบนเฟอร์นิเจอร์ เธอยิ่งปล่อยไปแม้แต่อันเดียวไม่ได้เด็ดขาด
เพราะบนป้ายบางอันได้รีมาร์คชื่อของประเทศ หรือไม่ก็สถานที่ๆผลิต ตามป้ายพวกนี้ บางทีเธอก็จะสามารถเดาได้คร่าวๆว่าตนเองอยู่ประเทศไหน
ดูไปรอบนึง วารุณีรู้แล้วว่าตัวเองอยู่ประเทศไหน อยู่ประเทศนิวซี
บนป้ายของเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ แหล่งผลิตที่รีมาร์คไว้ล้วนคือประเทศนิวซี เพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ที่เธออยู่ประเทศนิวซีสูงมาก
แน่นอนว่าก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าของวิลล่าหลังนี้ชอบเฟอร์นิเจอร์ของประเทศนิวซี ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าให้คนไปขนส่งทางเครื่องบินที่ประเทศนิวซีมายังอีกประเทศนึงโดยเฉพาะ แต่เธอรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้ไม่ค่อยสูง
สรุปไม่ว่ายังไง ลงไปดูก่อน ถึงจะสามารถให้ข้อสรุปได้หมด
วารุณีคิดๆแล้วได้บีบฝ่ามือและเปิดประตูห้อง
พอออกมา วารุณีก็พบว่าฝั่งตรงข้ามคือราวกั้น ไม่เหมือนวิลล่าแบบดั้งเดิมที่ฝั่งตรงข้ามก็เป็นห้องนอนเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็สามารถแน่ใจได้อีกว่าวิลล่าหลังนี้ไม่ใหญ่ เพราะมีแค่วิลล่าหลังเล็กเท่านั้นที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นราวกั้น
วารุณีเดินมาที่ตรงหน้าราวกั้นแล้วมองลงไปด้านล่าง ได้แน่ใจการคาดเดาของตัวเองจริงๆด้วย วิลล่าไม่ใหญ่ ตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ชั้นสาม ในห้องรับแขกของด้านล่าง สาวใช้คนก่อนหน้านี้กำลังเปลี่ยนน้ำให้กับดอกไม้สดช่อนึงอยู่
เหมือนรู้สึกได้ถึงสายตาของวารุณี สาวใช้ได้เงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:“คุณผู้หญิงรีบลงมาเถอะค่ะ อาหารเที่ยงเตรียมเสร็จแล้ว”
อาหารเที่ยง......
วารุณีหรี่ตา เพราะฉะนั้นตอนนี้คือตอนเที่ยง?
หลังจากตื่นแล้ว เธอก็พบว่ามือถือ นาฬิกาและเครื่องประดับของตนเองล้วนไม่อยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าถูกคนที่ลักพาตัวเธอมาเอาไปแล้ว
เธอไม่เห็นเวลา ในห้องก็ไม่มีของสิ่งใดที่สามารถดูเวลาได้ จึงไม่รู้ว่าตอนนี้คือช่วงเวลาไหน
คิดไมถึงเลยว่ายังเป็นช่วงกลางวันอยู่
วารุณีพยักหน้าให้กับสาวใช้ที่อยู่ข้างล่าง จากนั้นได้เดินลงไปชั้นล่าง
เธอเดินลงชั้นล่างไปด้วย และมองสำรวจวิลล่าหลังนี้อย่างสงบเยือกเย็นไปด้วย
หลังจากถึงห้องรับแขกของชั้นหนึ่ง เธอกุมข้อมูลของวิลล่าหลังนี้ได้พอสมควรแล้ว วิลล่ามีทั้งหมดสามชั้น ชั้นสามมีอยู่สามห้อง ชั้นสองก็มีอยู่สามห้อง
ตอนที่เดินผ่านชั้นสอง เธอยังพบว่าบนประตูของห้องๆนึงได้แขวนสิ่งของไว้ ชัดเจนว่ามีคนพักอยู่
แต่แค่ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของวิลล่าหลังนี้ หรือว่าใคร!
“ไม่ใช่ค่ะ คุณชายกับคุณหนูไม่ใช่พ่อลูกกัน พวกเขาคือเจ้านายกับลูกน้องค่ะ” คนใช้ส่ายหัวพร้อมพูด
วารุณีขมวดคิ้ว “เจ้านายกับลูกน้อง?”
เป็นความสัมพันธ์ที่แปลกจังเลย
ในเมื่อเป็นเจ้านายกับลูกน้อง
ทำไมต้องพักอยู่ด้วยกัน อีกอย่างคนใช้ยังใช้การเรียกที่ความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อขนาดนี้ ไปเรียกพวกเขา?
วารุณีเม้มริมฝีปากแดง เก็บความสงสัยในใจไว้แล้วถามต่อ:“อ้อเหรอ?แล้วคุณชายคุณหนูของพวกเธอชื่ออะไร?อายุเท่าไหร่?”
“ฉันไม่รู้ชื่อของคุณชายกับคุณหนูค่ะ พวกเขาแค่ให้ฉันเรียกพวกเขาแบบนี้ ส่วนอายุ คุณชายแก่กว่าคุณผู้หญิงนิดหน่อย ส่วนคุณหนูก็พอๆกับคุณผู้หญิงค่ะ” คนใช้ตอบ
“อ้อ แบบนี้เหรอ”วารุณีกัดริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพึงพอใจกับคำตอบนี้เท่าไหร่
เพราะสิ่งที่เธออยากรู้ที่สุด คือชื่อของคุณชายกับคุณหนู แบบนี้เธอก็จะสามารถรู้ว่าใครเป็นคนลักพาตัวเธอมาที่นี่
แต่ตอนนี้คนใช้ก็ยังไม่รู้เลย เธอเองก็หมดหนทางแล้ว
แต่รู้อายุ ก็รู้สึกว่ามีการปลอบใจอยู่ไม่มากก็น้อยเหมือนกัน
ส่วนที่เหลือวารุณีก็ไม่ได้ถามต่ออีก ถึงแม้ในใจเธอยังมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่เธอก็รู้ว่าถามเยอะไป จะทำให้สาวใช้คนนี้เกิดความสงสัย เพราะฉะนั้นสู้เก็บซ่อนไว้ในใจก่อนดีกว่า ต่อไปค่อยหาโอกาสถามออกมา ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดความสงสัย
นานขนาดนี้แล้ว ข้าวที่เมื่อครู่กินลงไปคำนึงไม่ได้ทำให้ร่างกายเกิดอาการที่ไม่สบายเลย ชัดเจนว่ากับข้าวไม่มีปัญหา
วารุณีก็เลยไม่เกรงใจ เริ่มทานข้าวอย่างจริงจังขึ้นมา
ถึงแม้กินข้าวในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยมันไม่อร่อย แต่เพื่อรักษาพละกำลังแล้ว เธอจึงต้องกิน มีแค่พละกำลังเต็มเปี่ยม เธอถึงจะสามารถปกป้องตัวเองได้ บางทีอาจจะยังมีโอกาสหนีไปจากที่นี่
เห็นวารุณีทานข้าวแล้ว คนใช้รู้สึกโล่งอกแล้วยิ้มแย้ม
ตอนเช้า ก่อนที่คุณชายจะออกจากบ้านได้กำชับเธอเป็นพิเศษว่าจะต้องให้คุณผู้หญิงกินข้าวให้ได้ ถ้าคุณผู้หญิงไม่กินก็จะมาถามเธอคนเดียว
เดิมทีเธอยังคิดอยู่ว่าถ้าคุณผู้หญิงไม่กิน เธอก็จะขอร้องให้คุณผู้หญิงกิน คิดไม่ถึงว่าคุณผู้หญิงจะกินเอง นี่ทำให้เธอที่กระวนกระวายใจได้ผ่อนคลายลงในพริบตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...