พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ นิยาย บท 751

“เธอบอกว่า สไตล์การออกแบบของฉันกับเขาคล้ายกันมาก?”จุ๊บแจงหลุบตาลง ปกปิดความมืดมิดในแววตา ถามหยั่งเชิงไป

ผู้เข้าแข่งขันพยักหน้าให้ “ใช่ เมื่อวานตอนที่เราทำความรู้จักกัน เธอเอาผลงานของเธอให้ฉันดูด้วยไม่ใช่เหรอ ? ยังพูดอีกว่าผลงานพวกนั้นได้รับคำชมจากมาสเตอร์ดาน่าด้วย ดังนั้นจึงได้ยกเว้นให้เธอผ่านเข้าร่วมการแข่งขันนี้ ผลงานพวกนั้นมันดีมากจริงๆ แต่สไตล์การออกแบบมันคล้ายกับของคุณวารุณีมาก เหมือนเอามากๆเลย ”

“เหรอ......จริงเหรอ......”สองมือจุ๊บแจงกำกันแน่น

แย่แล้วไง เธอแค่หาบล็อกเกอร์อิสระที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ แล้วลอกแบบของบล็อกเกอร์คนนั้น จึงได้บัตรผ่านเข้าสู่การแข่งขันนี้มา

แล้วทำไมสไตล์การออกแบบของบล็อกเกอร์คนนั้น ถึงได้คล้ายกับของวารุณีล่ะ?

งานแบบของวารุณีใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน เพราะตอนที่ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันนี้ เธอก็ได้ดูผลงานของวารุณีมาก่อนแล้ว ไม่รู้สึกว่ามันจะคล้ายกับแบบที่เธอลอกมาตรงไหนเลย

แต่เพราะเธอไม่ใช่นักออกแบบเสื้อผ้าจริงๆ จะมองไม่ออกก็เป็นเรื่องปกติ

ดังนั้นคำพูดของผู้เข้าแข่งขันคนนี้ จุ๊บแจงก็จึงไม่ได้สงสัยว่ามันจะเป็นคำโกหก ด้วยเหตุนี้จิตใจก็จึงอยู่ไม่สุข

สไตล์แบบเดียวกัน หรือบล็อกเกอร์คนนั้นจะเป็นวารุณี?

ไม่ ไม่น่าใช่ หากเป็นวารุณี ทำไมวารุณีถึงไม่แสดงตัว ?

ดังนั้นไม่ใช่แน่นอน น่าจะแค่สไตล์รูปแบบคล้ายกันก็เท่านั้น

เมื่อเห็นจุ๊บแจงก้มหน้าไม่พูดอะไร ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นก็โบกมือไปมาแล้วถามด้วยความสงสัยว่า“จุ๊บแจง เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”

“เปล่า”ดวงตาของจุ๊บแจงไหววูบ เก็บซ่อนความรู้สึกละอายที่มีในใจ ยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า“ฉันแค่ประหลาดใจที่งานแบบของฉันเหมือนของวารุณี เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกมาก่อน”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ความรู้สึกช้าแล้ว อีกอย่างเธอรู้จักกับคุณวารุณีด้วยไม่ใช่เหรอ ? ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเห็นเลยล่ะ ? ”ผู้เข้าแข่งขันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

จุ๊บแจงโบกมือไปมา“ ฉันรู้จักเขา แต่เขาไม่ค่อยจะรู้จักฉันเท่าไร ดังนั้น......ก็อย่างว่าล่ะนะ”

คำพูดถัดไป เธอไม่ได้พูดมันต่อ เพียงแค่พูดทิ้งท้ายเป็นนัยให้กับผู้เข้าแข่งขันคนนั้นเท่านั้น

ผู้เข้าแข่งขันเอียงคอ รู้สึกแปลกใจมาก

อย่างว่า ?

อย่างว่าอะไร?

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอรู้สึกแค่ว่าจุ๊บแจงคนนี้มีทัศนคติที่แปลกประหลาดกับคุณวารุณี

“ช่างน่าเสียดายจริงๆ เดิมทีฉันคิดว่าเธอรู้จักกับคุณวารุณี อยากให้เธอแนะนำให้รู้จักกับเขาบ้าง แต่เธอกลับไม่สนิทด้วย ช่างมัน รอฉันได้แบ่งกลุ่ม ฉันต้องหาทางเข้ากลุ่มกับคุณวารุณีให้ได้ ฉันชอบงานเขียนแบบของคุณวารุณีมาก หากเขาได้สอนฉัน ฝีมือฉันต้องพัฒนาขึ้นมากแน่ๆ”ผู้เข้าแข่งขันกำหมัดแน่น แล้วพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

จุ๊บแจงเหยียดมุมปาก และไม่ได้พูดอะไร สายตามองกลับไปยังวารุณี

วารุณีไม่อยากจะเห็นก็ต้องเห็น เธอหยุดการพูดคุยกับนักออกแบบคนหนึ่ง หันกลับไปมอง สองสายตาสบเข้ากับจุ๊บแจงพอดี

จุ๊บแจงก็ไม่คิดว่าประสาทสัมผัสของวารุณีจะแรงกล้าขนาดนี้ ถึงขนาดสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังจ้องมองเธออยู่ และเธอก็หันมองมา ทันทีทันใด จึงอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน

แต่เพียงไม่นาน จุ๊บแจงก็ควบคุมตัวเองได้ พยักพเยิดหน้าให้วารุณี แล้วส่งสายตาท้าทายไปให้

วารุณีเลิกคิ้ว จากนั้นก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าขำจริงๆ ไม่เพียงท้าทายเธอ แต่ยังบอกเธอด้วยว่า ตัวเองนั้นจะต้องได้คะแนนในลำดับที่ดีด้วย ซึ่งมันค่อนข้างตลกอยู่ไม่น้อย

คนที่อาศัยการลอกแบบของคนอื่นแล้วได้สิทธิ์ในการเข้าแข่งขัน แล้วยังจะอาศัยการลอกแบบนี้เพื่อให้ได้ซึ่งลำดับที่ดี เธอไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนกัน ?

จุ๊บแจงคิดจริงๆเหรอว่าการแข่งขันในรอบถัดไป เอาแบบอะไรมาก็ได้งั้นเหรอ ?

เหอะ คิดผิดมหันต์ ในการแข่งแต่ละรอบ จะมีการตั้งชื่อหัวข้อ และการออกแบบเสื้อผ้าตามหัวข้อนั้นๆ ไม่ใช่เลือกเอาตามใจชอบ หรือออกแบบมันตามแต่ใจ

จุ๊บแจงคงคิดว่าเอาแบบอะไรมาก็ได้ แบบนั้นก็เสร็จเรียบร้อย

ยังไงซะคนที่ไม่เคยอยู่วงการนี้ก็ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ทั้งๆที่ไม่รู้กฎเกณฑ์ของวงการนี้ ก็ยังจะดั้นด้นเข้ามา ช่างน่าขำซะจริงๆ

เธอจะรอดูท่าทีที่ตะลีตะลานของจุ๊บแจง ในตอนที่ได้รู้หัวข้อในการออกแบบ

ขณะเดียวกัน เธอก็อยากจะดู ว่าจุ๊บแจงจะใช้เวลาอันน้อยนิดนี้ ลอกเลียนหาแบบตามหัวข้อที่กำหนดให้ได้หรือไม่

วารุณีเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน จากนั้นก็หันกลับมาแล้วพูดคุยกับนักออกแบบคนนั้นต่อ ไม่สนใจจุ๊บแจงอีก ราวกับไม่เคยเห็นจุ๊บแจงยังไงอย่างนั้น

นี่เป็นสิ่งที่เธอกับนัทธีได้ตกลงกันเอาไว้ ว่าจะโทรหากันทุกวัน

แต่เพราะวันนี้เป็นวันเปิดงาน ดังนั้นก็จึงไม่ได้โทรหาเขาเลย จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะมีเวลา

น้ำเสียงอันไพเราะและทุ้มต่ำของนัทธีดังขึ้น“งานพิธีเปิดจบแล้วเหรอ ?”

“ใช่ ปล่อยให้คุณรอนานเลยที่รัก”วารุณีเหลือบมองดูเวลาแล้วพูดขึ้นมา

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ช่วงนี้เขาไม่ค่อยยุ่ง จึงไม่ต้องเอาแต่ทำงานในห้องหนังสือ ดังนั้นเวลาเข้านอนของเขา ก็จะอยู่ในช่วงราวๆห้าทุ่ม

ดังนั้นในตอนนี้ที่เขายังไม่นอน ก็หมายความว่า เขากำลังรอสายจากเธออยู่

นัทธีเอนกายพิงหัวเตียงและหัวเราะออกมาเบาๆ“ไม่เลย ขอแค่เป็นคุณ นานแค่ไหนผมก็รอได้ ”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ในใจของวารุณีก็รู้สึกอบอุ่น “ ที่รักคุณน่ารักจังเลย ”

“เพิ่งรู้เหรอ?”นัทธีหัวเราะเยาะ

วารุณีเกี่ยวเล่นเส้นผมที่อยู่ข้างหู“ ไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันรู้นานแล้ว เออนี่คุณ เด็กๆนอนกันหรือยัง ?”

“นอนแล้ว เพิ่งหลับไปเอง”นัทธีมองดูเด็กน้อยสองคนที่อยู่ข้างๆแล้วตอบกลับ

วารุณีประหลาดใจ“เพิ่งหลับไป ?”

“ใช่ เด็กๆก็อยากจะคุยกับคุณเหมือนกัน ดังนั้นเลยมาที่ห้องของเรายืนกรานว่าจะรอให้เสร็จพิธีเปิดงานของคุณเป็นเพื่อนกับผม แล้วรอคุณโทรมาหา แต่แล้วก็ทนง่วงกันไม่ไหว ผล็อยหลับไปแล้ว”

พูดมาถึงตรงนี้ นัทธีก็ดึงผ้าห่มคลุมให้เด็กๆ

เมื่อวารุณีได้ฟัง ในใจก็รู้สึกผิดเล็กน้อย “เพราะฉันกลับมาช้าเกินไป”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นเพราะเด็กๆอยากจะรอกันเอง ไม่เป็นไรหรอก ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกับพวกเขาก็ไม่มีอะไรแล้ว”นัทธีพูดเสียงละมุน

วารุณีรับคำ“เออนี่ที่รัก งานเลี้ยงหลังพิธีเปิด เจอจุ๊บแจงด้วย คุณรู้ไหม ? เธอมาท้าทายฉันด้วย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ