รพีพยักหน้า สูดหายใจเข้า “งั้นก็ดี แบบนั้นก็ดีแล้ว ขอแค่ปาจรีย์ไม่เป็นไร อยู่อย่างสบายก็โอเคแล้ว”
เขาก็คิดได้แล้ว ว่าตอนนี้ไม่ต้องร้อนรนรู้ที่อยู่ของพวกปาจรีย์ ขอแค่รู้ว่าพวกเขาอยู่อย่างสบายก็โอเคแล้ว
รอหลังจากนี้ จัดการส่วนของพงศกรได้แล้ว พวกปาจรีย์ก็ไม่เป็นไรแล้ว เขาก็สามารถไปหาปาจรีย์ได้แล้ว
นัทธีจ้องรพีทำสีหน้าวางใจ ก็ไม่ได้พูดอะไร และหันหลังออกไป
พิชิตตามมาด้านหลัง “นัทธี ไม่รู้ว่าฉันมองผิดไปมั้ย”
“อะไร? ” มือสองข้างของนัทธีล้วงกระเป๋ากางเกง เดินตรงไปข้างหน้า
พิชิตพูด:“ก็พงศกรน่ะสิ ฉันรู้สึกว่า เหมือนเขาจะชอบปาจรีย์นะ”
“ห้ะ?” เท้าของนัทธีชะงัก “นายบอกว่าเขาชอบปาจรีย์?”
พิชิตพยักหน้า “ใช่ ฉันมองออก ตอนที่ได้ยินเขาพูดถึงปาจรีย์ ถึงแม้จะมีความโมโห แต่ในตาเขา กลับมีร่องรอยของความเป็นมิตร แต่แค่เบาบางมากๆ ไม่ง่ายที่คนอื่นจะสังเกตเห็น ฉันคิดว่าแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งว่าตัวเองชอบปาจรีย์”
“แน่ใจว่านายไม่ได้มองผิด?” นัทธีมองเขา
พิชิตส่ายหน้า “ฉันแน่ใจว่าไม่ได้มองผิด นายก็รู้ ตัวฉันเองก็เป็นคนมีความรักคนนึง”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็หัวเราะอย่างเศร้าๆ “อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ฉันนั้นไวต่อความรู้สึกเรื่องความรัก ขอแค่คนอื่นหลุดแสดงออกมาเล็กน้อย ฉันก็สามารถรู้สึกได้ทันที เหมือนกับพงศกรเมื่อกี้ สายตาที่เขามารพี เต็มไปด้วยความอิจฉา เขาอิจฉารพี แต่ระหว่างเขากับรพีไม่ได้มีอะไรต่อกัน และก็ไม่ได้ความแค้นด้วย ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำให้พงศกรอิจฉารพีได้ ก็คือเรื่องที่รพีคบกับปาจรีย์เรื่องนี้”
คำพูดนั้นชัดเจนมากแล้ว พงศกรอิจฉารพี ดังนั้นพงศกรจะต้องชอบปาจรีย์แน่ๆ
มุมปากของนัทธียิ้มอย่างเย็นชา “ไม่น่าล่ะพงศกรเอะอะก็บอกว่าเกลียดปาจรีย์ แต่ว่ากลับไม่เคยทำให้ปาจรีย์และตระกูลจิรดำรงค์หายไปจากสายตาของเขา ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
เมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจ พงศกรสามารถฆ่าคนตระกูลจิรดำรงค์ทิ้งได้ แต่ทำไมกลับไม่ลงมือ เพราะว่าในใจรู้ว่าตระกูลจิรดำรงค์เป็นผู้มีพระคุณ?
อาจจะเป็นไปได้
แต่ว่าสาเหตุนี้ ก็ไม่ได้สำคัญที่สุด
สำหรับพงศกรแล้ว ถึงแม้ในใจจะรู้ว่าตระกูลจิรดำรงค์เป็นผู้มีพระคุณ แต่สติสัมปชัญญะของเขายังรับไม่ได้ ไม่อย่างนั้น พงศกรคงไม่ทิ้งความโกรธแค้นนี้มาเป็นระยะเวลานานแปลกๆแบบนี้
แต่ตอนนี้เห็นที สาเหตุที่แท้จริง ก็คือเพราะพงศกรชอบปาจรีย์ ดังนั้นถึงไม่ได้ลงมือกับตระกูลจิรดำรงค์จริงจังเลย
แต่แค่พงศกรชอบปาจรีย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
เมื่อก่อนพงศกรยังบอกว่าตัวเองชอบวารุณี แถมเพื่อวารุณีแล้ว ยังบ้าคลั่งถือมีดมาแทงเขา......
“นัทธี นายกำลังคิดอะไรอยู่?” พิชิตมองไปที่หน้าของนัทธีที่คาดเดาไม่ได้ และถามอย่างอยากรู้
นัทธีส่ายหน้า “ไม่มีไร แค่คิดว่าพงศกรน่าขำมากๆ พลางบอกว่าเกลียด แต่ก็พลางรักอีกฝ่าย”
“ก็น่าขำอยู่นะ แต่ก็น่าเศร้าอยู่” พิชิตถอนหายใจ “พงศกรในตอนนี้ กับฉันในอดีต ช่างเหมือนกันจริงๆ”
“หมายความว่าไง?” นัทธีมองเขา
พิชิตขยับแว่น และตอบกลับด้วยความรู้สึก:“ฉันในอดีต รักนวิยามาตลอด แต่กลับไม่มีความกล้า ไม่กล้าบอกความรู้สึกตัวเองกับนวิยามาตลอด ทำให้นวิยายิ่งจมดิ่งอยู่กับนาย จนหล่อนนับวันยิ่งกลายเป็นคนบ้าคลั่ง จากนั้นถึงได้ทำเรื่องมากมายพวกนี้ออกมา ส่วนพงศกรมีสถานการณ์ต่างจากฉันเล็กน้อย นั้นก็คือนอกจากที่เขาไม่มีความกล้าเผชิญหน้าว่าพ่อแม่ของตนตายได้ยังไง ก็ยังไม่รู้อีกว่าคนที่ตนรักที่แท้เป็นใคร เป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงมีจุดจบเดียวเหมือนกันกับฉัน เจ็บปวดที่สูญเสียสิ่งที่ตนรักไป อะไรก็ไม่ได้มาครอง”
“นั้นเขาก็สมควรแล้ว” ริมฝีปากบางของนัทธีพูดอย่างนิ่งๆ:“การที่เป็นผู้ใหญ่คนนึง กับไม่มีความคิดที่จะยอมรับความเป็นจริง แม้แต่ไม่รู้ว่าคนที่รักเป็นใคร คนแบบนี้ สูญเสียทุกอย่าง ถึงเป็นเรื่องปกติ”
พูดจบ เขาก็เร่งฝีเท้าเดินขึ้นลิฟต์ไป
พิชิตไม่ได้ตามไป ยืนอยู่กับที่มองดูนัทธีจากไป ในใจก็ถอนหายใจ
ที่นัทธีพูดก็ใช่ การที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่มีความกล้า ไม่มีความคิด งั้นสูญเสียทุกอย่าง ก็จริงที่เป็นเรื่องปกติ ไม่น่าเสียดายเลย
ได้ยินแบบนั้น มารุตกับเชอรีนก็ดีใจจนยิ้ม
“ขอบคุณครับท่านประธาน” มารุตรู้สึกขอบคุณ
ฐานะที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว ตามเหตุผลแล้ว เขาจะอยู่ห่างจากท่านประธานเป็นเวลานานไม่ได้ เพราะว่ามีเรื่องจะสั่งให้เขาทำเมื่อไหร่ก็ได้
แต่ตอนนี้ท่านประธานไม่เพียงแต่ยอมให้เขาส่งแฟนตัวเองกลับบ้าน แถมยังบอกให้อีกสองชั่วโมงค่อยกลับมา
ความหมายมันชัดเจนมากๆ ท่านประธานจงใจให้เวลาเขาสองชั่วโมง อยู่เป็นเพื่อนแฟนของตน
เชอรีนก็เข้าใจจุดประสงค์ของเขา จึงยิ้มอย่างสดใสสุดๆ แถมพูด:“ประธานนัทธีคุณวางใจได้ ฉันจะต้องพูดเรื่องดีๆกับวารุณีแน่นอน ในวารุณีให้รางวัลคุณ คุณรู้ใช่มั้ย”
หล่อนกะพริบตา และยิ้มอย่างโรคจิตสุดๆ
นัทธีเลิกคิ้ว “เธอ......”
“ขอโทษครับท่านประธาน เธอพูดไปเรื่อย พูดไปเรื่อย คุณอย่าใส่ใจเลยครับ” มารุตปวดหัวกุมขมับ จากนั้นก็รีบดันหัวของเชอรีนกลับเข้าไปในกระจกหน้าต่างรถ และยิ้มแห้งๆ
ริมฝีปากบางของนัทธีกระแอม “ไม่ เธอพูดได้ดีมาก ฉันชอบ งั้นก็ฝากเธอด้วยนะ”
เชอรีนตาเป็นประกาย จากนั้นก็ทุบหน้าอกตัวเอง “วางใจประธานนัทธี ไว้ใจฉันได้เลย”
“อืม” นัทธีพยักหน้า จากนั้นก็พูด:“เอาล่ะ พวกนายไปเถอะ ฉันเข้าไปก่อนนะ”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในประตูใหญ่ของโรงแรม
มารุตมองดูผู้หญิงที่หัวเราะอยู่ตรงที่นั่งคนขับ และพูดอย่างเอือมเล็กน้อย:“เชอรีน หลังจากนี้เธออย่าพูดมั่วซั่วนะ โดยเฉพาะคำพูดแบบเมื่อกี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...