“เอ๋?” นัทธีเริ่มสนใจ “เรื่องอะไรล่ะ?”
"เยอะแยะไป" ซวารุณีกล่าวยิ้มๆ "ดูสิ เรื่องการเงินฉันสู้คุณไม่ได้ จึงไม่สามารถให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่พวกเขาได้ แต่หลังจากที่คุณรู้จักพวกเขาแล้ว คุณก็ให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่พวกเขาในทันที สภาพความเป็นอยู่ก็เหมือนกัน ที่สำคัญที่สุดคือ การปรากฏตัวของคุณ ทำให้พวกเขาได้รู้ว่าพวกเขามีพ่อ และมีพ่อที่รักเขา พ่อเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในชีวิตลูก และการปรากฏตัวของคุณ ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย เพราะงั้นคุณยังบอกว่าคุณไม่มีความดีความชอบอีกหรือ?”
นัทธีหัวเราะเบาๆ “คุณพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าผมยังปฏิเสธอยู่ มันจะไม่เสียหน้าหรือ?”
วารุณีทุบหน้าอกอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ต้องพูดมากเลย”
นัทธีคว้ามือของเธอที่พัลวันมาทาบริมฝีปากของเขาแล้วประทับจูบลงไป
เด็กสองคนที่อยู่ข้างๆ เห็นฉากท่าทางสนิทสนมของพ่อแม่ตัวเองที่แสดงให้เห็น
อารัณจึงจูงมือไอริณ "ไปกันไอริณ เรากลับขึ้นไปหาน้องกันเถอะ อย่ารบกวนปะป๊าหม่ามี๊เลย"
ไอริณพยักหน้ารัวๆ "จริงด้วยพี่ เราไปกันเถอะ"
เด็กสองคนจูงมือกันออกไป
วารุณีมองแผ่นหลังของเด็กทั้งสองและส่ายหัวอย่างน่าขัน
“ใกล้จะอาหารเย็นแล้ว อย่าอยู่ข้างบนนานนะ” เธอตะโกนตามหลังเด็กสองคน
“รับทราบ” ทั้งสองพยักหน้า และในไม่ช้าเงาทั้งสองก็หายไปตรงทางขึ้นบันได
นัทธีเห็นว่าเด็กสองคนไปแล้ว จึงเกี่ยวคางวารุณีขึ้นอีกครั้ง "ต่อไหม"
วารุณีเบิกตากว้าง “ต่อหรือ?”
“เด็กๆ ให้พื้นที่เราแล้ว คุณอยากให้ความตั้งใจของพวกเขาสูญเปล่าหรือ?” นัทธีมองเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำ
วารุณีกลอกตา “น้อยๆ หน่อยคุณ เดิมทีมันไม่ใช่แบบนี้นี่ เด็กๆ ทนไม่ไหวที่พวกเราติดกันเป็นตังเมถึงได้ออกไปต่างหาก ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณบอกเสียหน่อย”
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ถือเสียว่าเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้นี่” นัทธีหัวเราะเบา ๆ
วารุณีทั้งโมโหทั้งตลก “แบบนั้นก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ รอกลับห้องตอนกลางคืนค่อยว่ากัน”
ดวงตาของนัทธีเป็นประกาย
วารุณียิ้มพลางเขย่งปลายเท้า แล้วกล่าวอะไรบางอย่างข้างหูของเขา “ฉันบอกตอนเที่ยงแล้วไม่ใช่หรือ ว่าคืนนี้คุณอยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้นน่ะ”
กล่าวจบเธอก็ยิ้ม แล้วหันหลังเดินออกจากระเบียง
นัทธียื่นมือออกมาเพราะต้องการที่จะคว้าเธอไว้ แต่ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้
เพราะแค่คำพูดนั้นของเธอก็เพียงพอแล้ว
คืนนี้อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น เช่นนั้นเขาให้เธอสวมชุดที่เขาอยากเห็นได้ไหม?
แววตาของเขาเป็นประกายวาววับ ริมฝีปากยกขึ้น และเขาเองก็เดินออกจากระเบียง
หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว นัทธีก็มอบสุขใจให้กับพี่นันทา
อารัณกับไอริณมีคนรับใช้คอยดูแล ดังนั้นพวกเขาในฐานะพ่อแม่จึงไม่ต้องกังวลจนเกินไป
หลังจากไม่มีอะไรแล้ว นัทธีก็พาวารุณีกลับไปที่ห้อง
เมื่อเห็นท่าทางที่ใจร้อนของเขา วารุณีจึงรู้สึกน่าขันและประหม่าเล็กน้อย
เพราะเธอรู้ว่าท่าทางที่ตื่นเต้นตอนนี้ของเขา คืนนี้เธออาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ต้องเขาถูกทำกระทำครั้งแล้วครั้งเล่าจนทนไม่ไหว
แม้จะคิดแบบนั้น แต่วารุณีก็ไม่คิดจะหันหลังกลับ เธอสัญญากับเขาไว้แล้วว่าคืนนี้จะอยู่กับเขา
ดังนั้นต่อให้วันรุ่งขึ้นเธอจะเหนื่อยจนลุกไม่ไหว แต่เธอก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเขา
อย่างที่คาดไว้ ในคืนนั้น นัทธีทำกระทำวารุณีครั้งแล้วครั้งเล่าจนทนไม่ไหว
อาจเป็นเพราะรู้ว่าอีกสามวันข้างหน้าวารุณีไม่ต้องไปที่ห้องแข่งขัน ดังนั้นเขาจึงไม่ออมมือแต่อย่างใด
เช้าวันรุ่งขึ้น วารุณีลุกไม่ไหวจริงๆ
เธอไม่ต้องคิดก็รู้ว่าลีน่าจะต้องล้อเธอแน่นอน
แต่โชคดีที่มีสุขใจ ตราบใดที่มีสุขใจ ความสนใจของลีน่าก็จะถูกเบี่ยงเบน และเธอก็จะไม่ถูกหัวเราะเยาะเป็นเวลานานเหมือนเมื่อก่อน
“ตื่นแล้วหรือ?” ขณะที่วารุณีกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ประตูก็เปิดออกทันที นัทธีก็เข้ามาพร้อมถาด
กลิ่นหอมตลบอบอวลลอยออกมาจากถาด ทำให้ท้องของวารุณีส่งเสียงร้องอย่างทนไม่ได้
เธอหน้าแดงพลางลูบท้องของเธอ จากนั้นมองไปยังถาดในมือของนัทธี
วารุณีทานข้าวเงียบๆ
จากนั้น นัทธีก็คิดอะไรบางอย่างออก จึงกล่าวว่า "จริงสิ คุณอยากดูสุขใจหน่อยไหม?"
“ไปสนามหญ้าตอนนี้หรือ?” วารุณีถามพลางยกช้อน
นัทธีส่ายหัว "เปล่าหรอก ไม่ต้องไปที่สนามหญ้าก็มองเห็นสุขใจได้ จากระเบียงห้องของเราสามารถมองเห็นสนามหญ้าทางนั้นได้ เพราะงั้นไปที่ระเบียงก็พอแล้ว"
วารุณีได้ยินเขากล่าวแบบนั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบตกลง จึงรีบโพล่งออกไป “ไปแน่นอน ฉันอยากเห็น”
ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ร่างกายเธอไม่สบาย เธอคงจะลงไปหาสุขใจข้างล่างนานแล้ว คงจะไม่อยู่ในห้องตลอดเวลา
นัทธีลุกขึ้นยืน "ผมจะอุ้มคุณไป"
“ไม่ต้องค่ะ ฉันไปเอง” วารุณีโบกมือเพราะไม่อยากให้เขาอุ้ม
อย่างไรก็ตาม นัทธีมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม "เอ๋? ไปเอง? คุณแน่ใจหรือว่าจะไปได้?"
“แน่นอน ฉันไปได้” วารุณียืดตัวกลับและตอบอย่างไม่ลังเล
นัทธีเลิกคิ้ว “งั้นเธอลองขยับดูสิ”
“ลองก็ลองสิ” วารุณกล่าว เธอวางชามในมือลงแล้วเลิกผ้าห่มออกก่อนที่จะลุกจากเตียง
ผลกลายเป็นว่าการเคลื่อนไหวนี้กลับฉุดเธอไปไหนก็ไม่รู้ ไม่สบายตัวสุดๆ
นัทธีเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกลำบากใจ "เอาละ ไม่ต้องขยับแล้ว ผมผิดเอง ผมไม่น่าท้าคุณเลย"
เมื่อคืนนี้เขารู้ดีว่าลงแรงไปขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงรู้เป็นธรรมดาว่าวันนี้เธอจะขยับไหวหรือไม่ไหว
และเมื่อครู่เห็นเธอไม่ยอมขนาดนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะท้าทายเธอ
ผลก็คือเห็นว่าเธอไม่ไหว สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทุกข์ใจ
นัทธีนวดขมับ และรู้สึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่ ไม่เช่นนั้นเธอคงจะไม่เจ็บตัว
วารุณีพิงตัวในอ้อมแขนของนัทธี เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ “แน่นอนว่าเป็นความผิดของคุณ ถ้าเมื่อคืนไม่ใช่เพราะคุณ...ฉันจะกลายเป็นแบบนี้หรือ?”
ลุกจากเตียงยังลุกไม่ได้ด้วยซ้ำ ขายหน้าชะมัดยาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...