วารุณีจึงจะไม่จ้องเขาอีก เก็บสายตากลับมา จากนั้นก็นึกอะไรออก ขมวดคิ้วแน่นเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าทางปาจรีย์เป็นยังไงบ้างแล้ว สองสามวันนี้ เธอไม่ได้ติดต่อกับฉันเลย ไม่รู้ว่าเป็นดีหรือร้าย”
“ไม่ใช่เรื่องร้าย” นัทธีนั่งไขว่ห้างแล้วตอบกลับ
วารุณีมองเขา “ทำไมล่ะ?”
“ข่าวที่ไม่มีข่าวคราวนั้น มักจะเป็นข่าวที่ดีที่สุด” เขาเม้มริมฝีปากบางแล้วพูด “หากตระกูลจิรดำรงค์เกิดเรื่องอะไรจริงๆ ไม่มีทางไม่ติดต่อเธอแน่นอน ถึงแม้ว่าปาจรีย์จะไม่ติดต่อ แต่พ่อแม่เขาเธอก็จะติดต่อมา แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ติดต่อมา นี่สามารถแสดงว่า ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเขา ดังนั้นเธออย่าคิดมาก”
“แต่ว่าไม่มีข่าวอะไรเลย ฉันไม่รู้สถานการณ์ของพวกเขา รู้สึกวางใจไม่ลง” วารุณีนวดขมับ พูดด้วยความรู้สึกเครียด
นัทธีพูดปลอบ “ไม่มีอะไรที่ปล่อยวางไม่ลงหรอก ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ขอแค่ไม่มีข่าวของพวกเขา งั้นก็คิดไปในทางที่ดีทั้งหมด อีกอย่าง ในพื้นที่ใกล้ๆพวกเขา พวกเราก็ได้จัดคนไปปกป้องพวกเขาอย่างลับๆ ไม่ใช่เหรอ คนของเรายังไม่ส่งข่าวร้ายของตระกูลจิรดำรงค์มาเลย งั้นแสดงว่าตระกูลจิรดำรงค์ปลอดภัยดีทุกอย่าง”
ได้ยินผู้ชายพูดเช่นนี้แล้ว วารุณีจึงจะค่อยๆ วางใจลง “นายพูดถูก ฉันทำตัวเองตกใจเอง”
“พอแล้ว ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงตระกูลจิรดำรงค์ ทว่าก็อย่าทำให้ตนเองเคร่งเครียดถึงขั้นนี้” นัทธียื่นมือออกไป ขยี้ผมของเธอแล้วพูด
วารุณียิ้ม “ค่ะค่ะค่ะโอเคค่ะเจ้าพ่อจุกจิกจู้จี้ของฉัน ฉันไม่คิดมากแล้วโอเคไหม? ”
“แบบนี้แหละถูกแล้ว” นัทธีพยักหน้าเบาๆ
จากนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
นัทธีหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ขมวดคิ้วเบาๆ
“ทำไมเหรอ?” วารุณีหยุดท่าทางที่กำลังดื่มนม ถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
คิ้วของนัทธีค่อยๆ คลายลง “แม่ของนิรุตติ์โทรหาฉัน”
“แม่ของนิรุตติ์?” วารุณีแปลกใจ “เธอโทรหานายทำไม??”
ตั้งแต่ที่ขงเบ้งเสียชีวิตแล้ว อดีตคุณหญิงตระกูลไชยรัตน์ก็ออกจากบ้านไชยรัตน์ ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว เหมือนหายตัวไปทั้งคนเลย
หากไม่ใช่เพราะตอนนี้นัทธีบอกว่าคนๆ นี้โทรมา วารุณีรู้สึกว่าตนเองจะลืมคนคนนี้ไปแล้ว
สำหรับอดีตคุณหญิงตระกูลไชยรัตน์คนนี้ วารุณีไม่ได้มีความรู้สึกที่ไม่ดี ทว่าก็ไม่ได้มีความรู้สึกดีด้วย
เธอไม่สามารถลืมเรื่องที่อดีตคุณหญิงตระกูลไชยรัตน์คนนี้เรียกเธอไปพูดคุยต่อหน้าที่ร้านกาแฟ อดีตคุณหญิงตระกูลไชยรัตน์นั่นท่าทางหยิ่งยโส เธอจำขึ้นใจเลยจริงๆ
แน่นอนว่า นอกจากเรื่องนี้แล้ว อดีตคุณหญิงตระกูลไชยรัตน์ก็ไม่เคยทำเรื่องร้ายๆ อะไรกับเธออีก
ดังนั้นเธอแค่ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด
“ไม่รู้” นัทธีส่ายหัวเบาๆ “แต่ว่าหลังจากที่เธอออกจากบ้านไชยรัตน์ไปแล้ว ก็ไม่ได้การติดต่อใดๆ กับบ้านไชยรัตน์แล้ว พูดตามหลักแล้วก็คือ เธอน่าจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาติดต่อกับฉัน แต่ว่าตอนนี้ดันมาโทรหาฉัน น่าจะมีเรื่องอะไรแน่นอน”
“ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” วารุณีพยักหน้า จากนั้นก็พูดเร่ง “งั้นนายรีบรับสาย ดูว่าเธอมีเรื่องอะไรกันแน่”
นัทธีอื้มตอบกลับ จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งเลื่อนบนหน้าจอ รับสายมาฟัง
วารุณีมองเขาอยู่แบบนั้น
ผ่านไปประมาณสองสามนาที นัทธีเม้มริมฝีปาก วางโทรศัพท์ลง
วารุณีนั่งตัวตรง รีบถามขึ้น “เป็นไงบ้าง? เธอพูดอะไรเหรอ?”
“เธอบอกว่า ให้ฉันไว้ชีวิตนิรุตติ์” นัทธีตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ตัวนิรุตติ์เองก็รู้ในจุดนี้ ไม่เช่นนั้นทำไมถึงต้องหลบซ่อนมาโดยตลอด แต่ไม่สู้มาตรงๆ เลยล่ะ?
วารุณีได้ยินสิ่งที่นัทธีพูดแล้ว กัดริมฝีปากล่าง “ไม่ว่ายังไง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นแม่ลูกกัน ในตอนสุดท้ายของช่วงชีวิต ความสัมพันธ์ก็คงจะเผยออกมาไม่มากก็น้อย คงจะเพราะว่าเช่นนี้ นิรุตติ์ถึงได้ติดต่อกับอดีตคุณป้าใหญ่ของนาย และอดีตคุณป้าใหญ่ของนาย ก็มีความเป็นไปได้ว่าเพราะเหตุนี้ ถึงได้มีค้นพบความรักของแม่ต่อนิรุตติ์ จึงมาขอร้องให้นายออมมือให้กับนิรุตติ์สินะ เรื่องของความรู้สึก บางทีก็ยากที่จะอธิบาย เหมือนกับปาจรีย์และพงศกร”
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย “อาจจะแหละมั้ง”
“นัทธี” วารุณีมองนัทธี “ฉันรู้ว่านายจะชนะ ทว่าฉันกลัวว่านิรุตติ์จะใช่วิธีเล่ห์เหลี่ยมลับหลัง พอถึงเวลานายต้องระวังนะ”
เธอเข้าใจดี ระหว่างลูกพี่ลูกน้องพวกเขาสองคนต้องมีศึกต่อสู้กันอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ถึงแม้ว่าจะไม่มีเธอ พวกเขาสองพี่น้องก็จะต้องมีศึกต่อสู้กัน เพราะว่าพวกเขาต่างก็เป็นรุ่นที่สามของตระกูลไชยรัตน์
ดังนั้นศึกในครั้งนี้ ระหว่างพวกเขาจะต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ
เธอไม่สามารถห้ามไม่ให้พวกเขาสู้กันได้ ดังนั้นสิ่งที่เดียวที่เธอสามารถทำได้ ก็คือหวังว่านัทธีจะปกป้องตัวเองดีๆ อย่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่เช่นนั้น เธอและลูกๆ จะทำอย่างไร?
มองดูวารุณีที่สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ในใจของนัทธีก็ละลายกลายเป็นน้ำไปเลย
เขาลุกขึ้น เดินไปยังตรงหน้าเธอ กางแขนที่ยาวออก โอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดเบาๆ มือที่กว้างใหญ่ลูบหลังศีรษะของเธอแล้วตอบกลับ “วางใจเถอะ ฉันจะระวังตัว ฉันจะไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน เพื่อเธอ เพื่อลูกๆ ฉันจะปกป้องตัวเองให้ดี ไม่มีทางปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายแน่นอน”
ได้ยินคำรับรองจากปากของผู้ชาย วารุณีพยักหน้า “โอเค ฉันเชื่อนาย นายเองก็ต้องจำคำพูดของตนเองไว้ หากนายเกิดอะไรขึ้น ฉันกับลูกก็ไม่มีทางดีแน่นอน ดังนั้นเพื่อบ้านของพวกเรา นายต้องปลอดภัยนะ”
“อื้ม” นัทธีพยักหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...