ตอนที่ 104 ไม่นานก็ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง
เหล่าขุนนางที่ไม่รู้เรื่องราวต่างก็พากันยิ้มแล้วถามเฉิงเสี้ยงเสี้ยว่า “เสี้ยงเสี้ย เรื่องน่ายินดีอะไรพูดออกมาสิ อย่าให้ถือแก้วรอนาน เราร้อนใจแล้ว”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยกวาดสายตาไปทางทุกคน รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้ากลับชัดเจนมากยิ่งขึ้น “คืออย่างนี้ ฮองเฮาเหนียงเหนียงมีรับสั่งว่าจะให้องค์รัชทายาทและแม่นางโล่เยว่ อภิเษกสมรสกันอย่างเป็นทางการ”
ประโยคนี้พูดออกไป ณ ที่แห่งนี้ก็ได้เกิดความสงสัยไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆเริ่มมีคนส่งเสียงอวยพรดังขึ้น
“ขอแสดงความยินดีกับเสี้ยงเสี้ยด้วย แสดงความยินดีกับองค์รัชทายาท ยินดีกับคุณหนูสองด้วย”
ถึงแม้ว่าคนที่รู้ภายหลังจะมีจำนวนมากเช่นนี้ก็ตาม แต่ก็รู้ว่าเมื่อเฉิงเสี้ยงเสี้ยได้ประกาศการอภิเษกสมรสระหว่างองค์รัชทายาทและเสี้ยโล่เยว่ในช่วงเวลานี้ เท่ากับเป็นการประกาศลำดับของตัวเอง
แต่ในใจของคนเป็นจำนวนมากกลับกำลังนึกถึงฮองเฮาและจวนเฉิงเสี้ยง ความสัมพันธ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ในตอนแรกคือเรื่องที่คุณหนูใหญ่ทำการถอนหมั้นกับอ๋องเหลียง หลังจากนั้นองค์รัชทายาทก็ขอคุณหนูสองอภิเษกสมรส ซับซ้อนจนไม่อาจกล่าวออกมาได้
ไม่ว่ายังไง ความน่ายินดีนี้ก็จำเป็นต้องมี
ใบหน้าของฮองไทเฮาแสดงสีหน้าเคร่งขรึม บันดาลโทสะออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงแค่มองไปทางฮองเฮาอย่างเย็นชาเท่านั้น
ฮองเฮามองไปทางนางด้วยสายตาไม่สบายใจ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวแต่ขอโทษตัวเอง นางทำได้เพียงแค่รักษาความเคร่งขรึมไว้ ซึ่งในใจนั้นกลับเกลียดชังเฉิงเสี้ยงเสี้ยยิ่งกว่าอะไรดี
หลิงหลงฮูหยินมองไปทางหลี่ซื่อด้วยความภาคภูมิใจ ในช่วงเวลานี้ แม่ของพวกนางก็กลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาในที่สุด ไม่มีใครสนใจหลี่ซื่ออีก ความรู้สึกนี้ ช่างสบายใจเสียจริง
เพียงแต่ว่า เมื่อเห็นหลี่ซื่อยังคงแสดงสีหน้านิ่งเฉยไม่ตื่นตกใจแต่อย่างใด ความเจ็บปวดในใจของนางก็ลดน้อยลงมากแล้ว ดูเหมือนหลี่ซื่อไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย ดี รอให้พระศพของพระราชธิดาถูกคนนำตัวกลับมาก่อนเถอะ ดูสิว่านางจะยังคงนิ่งเฉยเช่นนี้อยู่ไหม
หลิงหลงฮูหยินคิดอย่างชั่วร้าย
หลังจากที่เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีสิ้นสุดลง ฮองไทเฮาก็พูดขึ้นโดยไม่มีแม้แต่รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาว่า :“นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ ฮองเฮาก็ด้วย น่าจะบอกกล่าวกับอายเจียสักหน่อย ถึงอย่างไรองค์รัชทายาทก็เป็นหลานของอายเจีย เขาอยากอภิเษกสมรสกับพระชายาองค์รัชทายาท อายเจียก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ”
ฮองเฮาจึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า: “เสด็จแม่เพคะ เรื่องนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการตัดสินใจกันอย่างฉุกละหุกเพคะ เดิมทีตั้งใจจะยืดเวลาประกาศออกไป ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว การประกาศนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนัก”
คำอธิบายนี้ ซีดเผือดไร้กำลัง เมื่อฮองไทเฮาได้ยิน ก็ทำได้เพียงแค่หัวเราะแปลกๆออกมาเท่านั้น
เมื่อคนทุก ณ ที่แห่งนี้เห็นสถานการณ์นี้ ต่างก็รู้ว่าการอภิเษกสมรสที่ฮองเฮาเรียกมันจะเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างไร
เมื่ออ๋องฉีเห็นบรรยากาศที่เข้าสู่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันแต่อย่างใด จึงเกิดความฝืนใจ ดูเหมือนจุดจบของคืนนี้จะไม่ดีแล้ว จึงได้ทำการจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยก่อนออกจากวังไป
ดังนั้น เขาจึงยืนขึ้น แล้วโค้งตัวทำความเคารพต่อฮองไทเฮา “ไทเฮาเหนียงเหนียง ต้องขอบพระทัยสำหรับคำเชิญของพระองค์พะยะคะ และก็ขอบพระทัยเหนียงเหนียง คำเชิญเข้าร่วมของขุนนางราชนิกุลทุกท่าน ที่เสี่ยวหวางมาครั้งนี้ นั้นเป็นเพราะคำสั่งของฮ่องเต้จากแคว้นเป่ยม่อ เพื่อลงนามต่อสนธิสัญญา สนธิสัญญาฉบับนี้ เกี่ยวกับประชาราษฎร์ทั้งสองแคว้น ไม่ลงนามสัญญา เสี่ยวหวางก็คงจะดื่มอย่างไม่สบายใจ ไม่สู้เท่าลงนามต่อสัญญาก่อน แล้วเสี่ยวหวางกค่อยดื่มฉลองแด่ฮองไทเฮาและขุนนางราชนิกุลทุกท่าน ไม่ดีกว่าหรอกหรือ?”
ทุกคนต่างรู้ว่า การแสดงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
การลงนามต่อสนธิสัญญานั้นจำเป็นมาก แต่บัดนี้อ๋องซื่อเจิ้งผู้บริหารประเทศไม่อยู่แล้ว ใครจะมารับผิดชอบสนธิสัญญาฉบับนี้กัน?
ทำไมฮองไทเฮาถึงให้ใต้เท้าชุยมาพูดนะหรือ ประการที่หนึ่งเพราะรู้ว่าเขาเป็นคนเที่ยงธรรม ไม่ใช่คนในเครือญาติขององค์รัชทายาท ประการที่สอง รู้ว่าเขาเป็นคนที่รอบคอบถี่ถ้วนมาก อีกทั้งยังเป็นผู้บังคับบัญชา ความคิดเห็นของเขา จะทำให้เหล่าขุนนางและราชนิกุลทั้งหลายเหล่านี้ปฏิบัติตาม เช่นนี้ ก็เท่ากับว่าไถ้ฝู้ได้เสนอชื่อองค์รัชทายาทเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารประเทศ สามารถโต้แย้งได้
เมื่อเสียงของใต้เท้าชุยสิ้นสุดลง เหลียงไถ้ฝู้ก็พูดขึ้นว่า: “หม่อมฉันขอคัดค้าน เมื่อสักครู่ใต้เท้าชุยก็บอกแล้วว่า มาตรการเกี่ยวกับผลประโยชน์ของทั้งสองแคว้น เราได้ทำการปรึกษาหารือเกี่ยวกับการค้าและการพาณิชย์ที่เจริญรุ่งเรือง ทำการแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งกันและกัน การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไม่เคยมีมาก่อนในหลายปีนี้กับแคว้นเป่ยม่อ ดังนั้น หม่อมฉันจึงคิดว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรอแต่อย่างใด สมควรจะต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ซับซ้อนตามมา ”
อ๋องอานชินจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า: “เรามีความสัมพันธ์ที่ดีงามกับแคว้นเป่ยม่อมาเป็นระยะเวลา 10 ปีแล้ว รออีกสองสามวัน จะสร้างปัญหาเล็กน้อยได้อย่างนั้นหรือ? เหลียงไถ้ฝู้พูดให้คนอื่นตื่นตกใจกันไปหมดแล้ว”
เหลียงไถ้ฝู้โต้กลับอย่างประชดประชันว่า “ข้าไม่ได้พูดให้คนอื่นตกอกตกใจ ท่านอ๋องทรงไม่เข้าใจภัยอันตรายที่เกิดขึ้นในยามสงบ บัดนี้อ๋องฉีก็ประทับอยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วย กระหม่อมอยากจะขอเตือนเหล่าขุนนาง ราชนิกุลทุกท่านไว้ สงครามของแคว้นเป่ยม่อไม่เคยมอดไหม้ มีคนทำการก่อการร้ายอย่างโง่เขลา เชื่อเถอะว่าในใจของอ๋องฉีก็เข้าใจเช่นกัน ครั้งนี้เขาต้องแบกรับความกดดันที่หนักอึ้งไว้มากมาย เพราะ มีขุนนางบางคนไปยังศาลของแคว้นเป่ยม่อ เพื่อกราบทูลให้ฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยม่อทำการฉีกสัญญาพันธมิตรกับแคว้นต้าโจวของกระหม่อม จึงถือโอกาสในช่วงลงนามต่อสนธิสัญญาในครั้งนี้ ไม่ทำการลงนามสัญญาต่อ”
เมื่อพูดจบ เขาก็มองไปยังอ๋องฉี ก่อนถามขึ้นว่า: “อ๋องฉี ข้าพูดผิดหรือไม่พะยะคะ?”
สีหน้าของอ๋องฉีแสดงออกไม่สู้ดีนัก “เหลียงไถ้ฝู้ทรงคิดมากเกินไป แม้ว่าเหล่าขุนนางจะเป็นเช่นนี้ แต่ฮ่องเต้ของแคว้นเป่นม่อก็ไม่มีทางฟังความคิดเห็นของพวกเขา การเป็นพันธมิตรกับแคว้นต้าโจว ก็เพื่อธุรกิจการค้าในอนาคต ให้แคว้นเป่ยม่อของกระหม่อมรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ต้องมีใครไปสู้รบกันอีก”
เหลียงไถ้ฝู้จึงพูดขึ้นว่า: “ฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยม่อไม่ยอมฟังความคิดเห็นของพวกเขา ตอนนี้ และก็ไม่ใช่หลังจากนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ใครก็ไม่สามารถรับประกันได้ ท่านอ๋องเองก็น่าจะเข้าใจ เรื่องนี้หละหลวมไม่ได้ มิเช่นนั้นทำไมท่านอ๋องจะต้องเร่งรีบกลับไปยังแคว้นจิงโดยเร็วที่สุดละ? เมื่อรู้ว่า อีก 1 เดือนสัญญาจะหมดอายุลงนับจากนั้น”
รูปแบบของแคว้นเป่ยม่อ เหลียงไถ้ฝู้เข้าใจมาก่อนแล้ว อ๋องฉีไปยังแคว้นจิงเพื่อลงนามต่อสนธิสัญญาโดยเร็วที่สุด นั้นเป็นเพราะว่าคนที่สร้างสงครามได้เสนอการยุติพันธสัญญากับแคว้นต้าโจวแล้ว จึงได้ระดมทหารไปทางตอนใต้ เพื่อกลืนกินแผ่นดินของแคว้นต้าโจว
ส่วนฮ่องเต้ของเป่ยม่อ ก็ไม่มีความมั่นคงแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะยังไม่ยอมรับก็ตาม แต่ก็เป็นดั่งเช่นคำพูดของเหลียงไถ้ฝู้ รับประกันตอนนี้ได้ แต่ไม่สามารถรับประกันเหตุการณ์หลังจากนี้ได้ ดังนั้น อ๋องฉีจึงได้ทำการลงนามต่อสนธิสัญญาไปล่วงหน้าแล้ว
หลังจากที่ลงนามต่อสนธิสัญญาแล้ว กลับทำการฉีกทำลาย ย่อมสร้างความไม่พอใจให้แก่คู่ประเทศพันธสัญญาอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...