พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 114

ตอนที่ 114 หลี่ซื่อตาบอดแล้ว

เจ้าของร้านยาเห็นซือถูจิ้งบุกเข้ามา ไม่เพียงไม่ตะลึง ทั้งยังพูดด้วยความโกรธว่า "เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดถึงกล้า..."

ในขณะนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นทหารองครักษ์ถือดาบสองคนอยู่ด้านหลังซือถูจิ้ง ก็พลันตกตะลึงหน้าถอดสี พูดติดๆ ขัดๆ ว่า "เป็นองค์หญิงเสด็จมานี่เอง ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยผิดไปแล้วขอรับ"

องครักษ์คนหนึ่งอุ้มหลี่ซื่อเข้ามา ซือถูจิ้งพูดด้วยเสียงจริงจังว่า "เจ้าเข้ามาดูแลนาง หากต้องการยาอะไร ก็สั่งให้เจ้าไปหามา"

"โอ้สวรรค์ เหตุใดเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะเช่นนี้เล่า? ต้องให้ยาขาวก่อน" เจ้าของร้านร้องออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็หันไปเอายาที่ตู้ยาอย่างรวดเร็ว

ทางด้านองครักษ์สองนายกำลังไล่ตามรถม้าของจวนเฉิงเสี้ยงไปทางถนนสายใต้

คนขับรถม้าพูดด้วยความโมโหว่า "พวกเจ้าเป็นใครกัน กล้ามาขวางรถม้าจวนเฉิงเสี้ยงเชียวหรือ?"

องครักษ์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า "เป็นคำสั่งขององค์หญิงใหญ่ ตรวจสอบคดีจงใจทำร้ายคน โปรดให้ความร่วมมือด้วยขอรับ"

คนขับรถม้าได้ฟังคำพูดขององครักษ์ขององค์หญิง ทั้งยังบอกว่าเป็นการตรวจสอบคดีทำร้ายคน จึงรีบพูดว่า "คดดีทำร้ายคนอะไรกัน?"

คนขับรถม้าบังขับม้าอยู่ด้านหน้า อีกทั้งไม่รู้ว่าหลี่ซื่อตกรถม้าไปตอนไหน ถึงแม้เขาจะได้ยินเสียง แต่ก็ไม่ได้เหลียวกลับไปมอง อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ยินเสียงร้องตะโกนด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้

ผ้าม่านเปิดออกมา ในรถมีเพียงหลิงหลงฮูหยินกับเสี้ยโล่เยว่ แต่เฉิงเสี้ยงเสี้ยไม่ได้อยู่ในรถม้าด้วย

หลิงหลงฮูหยินมององครักษ์สองคนนั้น แล้วพูดว่า "คดีทำร้ายร่างกายอะไรก็ควรจะไปตรวจสอบกับหัวหน้าของจวนเฉิงเสี้ยงไม่ใช่หรือ องค์หญิงใหญ่ต้องมีเหตุผลเหมือนกันใช่หรือไม่?"

องครักษ์มองหลิงหลงฮูหยินกับเสี้ยโล่เยว่คราหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า "ต้องขออภัยด้วยขอรับ ท่านทั้งสองโปรดไปกับพวกเราเถอะขอรับ"

เสี้ยโล่เยว่พูดด้วยความโมโหว่า "เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? บังอาจจะพาข้าไปอย่างนั้นหรือ?"

องครักษ์พูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบว่า "พวกเราเพียงทำตามสั่งเท่านั้น คงต้องขออภัยด้วยขอรับ"

เสี้ยโล่เยว่แค่นเสียงเย็นชาคราหนึ่ง พูดกับคนขับรถม้าว่า "ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา มีเรื่องอะไรข้าจะรับผิดชอบเอง ไป"

คนขับรถม้าหันกลับไปมองดูภายในรถ ก็พบว่าไม่เจอหลี่ซื่อ ก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ แต่ว่าฐานะของหลี่ซื่อในจวนเฉิงเสี้ยงก็แทบไม่ต่างอะไรจากคนรับใช้ เขาเองก็ไม่กล้าออกปากออกเสียง ทำได้เพียงยกมือคำนับองครักษ์แล้วพูดว่า ""ท่านองครักษ์ พวกเราไม่รู้เรื่องคดีทำร้ายคนหรอกขอรับ รบกวนรายงานให้องค์หญิงทรงทราบด้วยนะขอรับ

องครักษ์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "พูดอะไรไร้สาระ? รีบขับรถม้าตามพวกเราไป"

คนขับรถม้ากำลังจะพูดต่อ องครักษ์คนหนึ่งก็ผลักคนขับรถม้าออกไป แล้วตัวเองก็ขึ้นมาแทน จากนั้นก็ดึงเชือกบังเหียนเลี้ยวรถม้ากลับไป

เสี้ยโล่เยว่โกรธมาก "เจ้ากล้าดีอย่างไร บังอาจมาปล้นรถม้าของพระชายาในอนาคตขององค์รัชทายาท? เจ้าเชื่อหรือไม่หากข้ารายงานเรื่องนี้ให้ฮองเฮาทรงทราบ แม้เจ้าจะมีสิบหัวก็ไม่พอให้ตัด"

องครักษ์ไม่แม้แต่จะแยแสนาง ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาบังขับม้าให้ห้อตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เสี้ยโล่เยว่เกือบหงายหลังตกรถม้าไปแล้ว ยังดีที่หลิงหลงฮูหยินประคองนางไว้ทัน หัวใจแทบวาย

ตอนออกมาจากวังหลวง เฉิงเสี้ยงไม่ได้กลับจวนไปกับพวกนางด้วย เพราะเขานัดเจอกับเหลียงไถ้ฝู้ จึงให้คนขับม้าขับไปส่งพวกนางที่จวน

นางนึกถึงคำพูดที่หลี่ซื่อพูดขึ้นมาตอนอยู่ในตำหนัก และยังนึกถึงเสียงหัวเราะเยาะของคนเหล่านั้น ทำให้นางเกลียดหลี่ซื่อจนเข้ากระดูก จึงอาศัยช่วงที่นางเผลอ ส่งสายตาให้เสี้ยโล่เยว่ แล้วผลักหลี่ซื่อลงจากรถม้าในขณะที่รถม้ากำลังวิ่งอยู่

ในตอนนั้นนางมองไม่เห็นรถม้าขององค์หญิงใหญ่ที่วิ่งตามมาด้านหลัง จึงคิดว่าไม่มีใครรู้ว่าพวกนางทำอะไร ถึงแม้หลี่ซื่อจะไม่ตาย แต่หากกลับไปที่จวนหลี่ซื่อก็ทำอะไรพวกนางไม่ได้

นางไม่ได้คิดจะให้หลี่ซื่อตาย เพียงแค่อยากให้นางได้รับบทเรียนเสียบ้าง พอพวกนางกลับไปถึงจวนแล้วค่อยให้คนขับรถม้าออกมาตามหาตัวนาง แต่นางคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงใหญ่จะมาพบเข้า

และสิ่งที่นางคิดไม่ถึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เสี้ยหลีโม่อยู่ในรถม้าคันเดียวกันกับองค์หญิงใหญ่ด้วย

นางค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมา ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดเบาๆ ว่า "ทำร้ายคนอื่นเท่ากับทำร้ายตนเอง ฆ่าใครก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต มันคือสัจธรรมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่อดีต"

"เอาล่ะ ข้าเองก็ไม่รู้จะกังวลเรื่องเจ้าไปทำไม ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเจ้า ยังต้องรั้งมือไว้ไมตรีกันอยู่"

หรี่หลีโม่ตาลง แสยะยิ้มออกมา พ่อ? เขาไม่เคยเป็นพ่อของนาง

ผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ซื่อก็ฟื้นขึ้นมา แสงไฟในความมืดส่องกระทบใบหน้าที่ซีดขาวของนาง นางยกมือขึ้นมาจับหน้าผากของตัวเองทันที หลีโม่จับมือของนางเอาไว้แล้วพูดเบาๆ ว่า "ไม่เป็นอะไรแล้วนะ"

"หลีโม่?" หลี่ซื่อถามอีกรอบ แต่ตาทั้งสองข้างของนางกลับไม่มองหลีโม่แม้แต่นิดเดียว

หลีโม่เริ่มหวั่นใจ จึงยกมือขึ้นมาโบกตรงดวงตาทั้งสองข้างของนาง แต่ดวงตาทั้งสองข้างของนางกลับไม่กะพริบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ซือถูจิ้งรู้สึกถึงปัญหาแล้ว มองไปยังหลีโม่ด้วยความตกใจ

หลีโม่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาที่ปาก บอกเป็นนัยว่าไม่ต้องพูดอะไรออกมา

นางก้มตัวลงจับใบหน้าของหลี่ซื่อ แล้วพูดว่า "ท่านแม่เหตุใดท่านถึงตกลงมาจากรถม้าได้?"

หลี่ซื่อค่อยๆ วางมือทั้งสองลง ถอนหายใจด้วยความหน่ายใจแล้วพูดว่า "พวกนางสองแม่ลูกนั่นผลักแม่ลงมา"

นางยกมือขึ้นมาคลำๆ สักครู่ก่อนจะถามว่า "พวกเรากลับจวนมาแล้วหรือ? เหตุใดเจ้าไม่จุดไฟเล่า?"

นิ้วมือของหลีโม่สั่นเทาเบาๆ มองตะเกียงบนโต๊ะและโคมไฟที่ติดอยู่บนกำแพง ถึงแม้จะสลัวๆ แต่ก็ยังสว่างอยู่

นางมองไม่เห็นแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม