ตอนที่ 121 ตรวจสอบหลักฐาน
ไต้เท้าเหลียงเห็นอ๋องหลี่ชินมาด้วยตัวเอง ในใจคิดไม่ดีแน่
เสี้ยเฉิงเสี้ยงเชิญอ๋องหลี่ชินนั่ง อ๋องหลี่ชินมองดูที่นั่ง แล้วมองดูนายหญิงแก่ “นายหญิงแก่ ลำดับชั้นมีแบ่งไว้อย่างชัดเจน ถึงแม้ท่านจะเป็นนายหญิงแก่ของจวนเฉิงเสี้ยง แต่มีองค์หญิงอยู่ด้วย ที่นั่งของท่านต้องหลีกให้องค์หญิงนั่ง”
สีหน้านายหญิงแก่เยือกเย็น แต่จะไม่หลีกให้ก็ไม่ได้ ชุ่ยหยู้กูกูประคองนางลุกขึ้น และให้เสี้ยเฉิงเสี้ยงลุกขึ้น ตนเองจะได้ไปนั่งแทน
แล้ว อ๋องอันชินก็ชี้ไปตรงที่นั่งของเสี้ยเฉิงเสี้ยงแล้วพูดว่า “นายหญิงแก่จะนั่งตรงนี้ไม่ได้ ตรงนี้เป็นที่นั่งขององค์ชายรัชทายาท ไถ้ฝู้ขยับหน่อย ข้าจะนั่งตรงนี้ เจ้าไปนั่งตรงโน้น”
เมื่อให้ขยับดังนี้แล้ว เวลาไปสิบห้านาที ไม่มีใครคัดค้าน องค์ชายรัชทายาทไม่ยอมนั่ง แต่ด้วยสายตาที่ฉายแววบีบบังคับ จึงจำเป็นต้องนั่งลงไป ปวดตาจนน้ำตาไหล
เหลียงไถ้ฝู้เห็นอ๋องหลี่ชินยังอยากหาเรื่อง จึงพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง งานสำคัญกว่า สอบปากคำก่อนไหมครับ”
อ๋องหลี่ชินตอบอย่างไม่พอใจ “ธรรมเนียมปฏิบัติก็คืองานสำคัญเหมือนกัน สอบปากคำก็ต้องทำตามธรรมเนียมปฏิบัติไม่ใช่หรือ? ไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติก็ไม่มีกฎหมาย ฟ้าดินกษัตริย์บุพการีอาจารย์ อะไรก็ต้องตามนี้ นี่ก็เหมือนกับ......”
“ได้ ท่านอ๋องจัดการเลย” เหลียงไถ้ฝู้ฟังดูแล้วเขาคงจะพูดอีกไม่หยุดแน่ รีบห้ามเขาไว้ ด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
“ก็เหมือนกับเสี่ยวกูกูถึงแม้จะอายุน้อยกว่าข้า แต่ลำดับชั้นวางอยู่ตรงนั้น จะไม่ให้เกียรติก็ไม่ได้” จะดักคำพูดของอ๋องหลี่ชินนั้นยาก ถ้าเขาอยากพูดจะต้องได้พูดจนจบถึงจะสบายใจ
เมื่ออ๋องหลี่ชินจัดการเรียบร้อยแล้ว จึงพูดกับไต้เท้าเหลียงที่นั่งอยู่ตรงมุมว่า “ไต้เท้าเหลียง สอบปากคำคดีได้ความอย่างไรบ้าง?
ไต้เท้าเหลียงจึงได้เล่าคำพูดที่หลิงหลงฮูหยินพูดเมื่อกี้ทั้งหมด แล้วตบท้ายว่า “ท่านอ๋อง ปกติท่านเป็นคนยึดมั่นในธรรมเนียมปฏิบัติ ถึงแม้หลิงหลงฮูหยินจะเป็นแม่รองของคุณหนูใหญ่ แต่ยังไงก็ถือเป็นผู้อาวุโส วางพิษทำร้ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทำไมไม่ยกเว้น?”
อ๋องหลี่ชินฟังไปด้วยมองดูเสี้ยโล่เยว่ไปด้วย เมื่อไต้เท้าพูดเสร็จ เขาจึงพูดกับเสี้ยโล่เยว่ว่า “เจ้าหันหน้าไป หน้าเจ้าบาดเจ็บข้างเดียว หน้าอีกข้างยังดีอยู่ ข้าเห็นแล้วอึดอัด ”
เสี้ยโล่เยว่นิ่งอึ้ง ไม่เข้าใจว่าอ๋องหลี่ชินหมายความว่ายังไง
เสี้ยเฉิงเสี้ยงรู้นิสัยของเขาดี ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย จึงพูดกับเสี้ยโล่เยว่ว่า “เจ้าเข้าห้องไปก่อน เมื่อต้องการสอบปากคำเจ้าแล้วค่อยออกมา”
หลีโม่มองดูอ๋องหลี่ชินยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็สามารถแยกเสี้ยโล่เยว่กับหลิงหลงฮูหยินออกจากกันได้แล้ว
หากทั้งสองไม่ได้ให้ปากคำด้วยกัน เมื่อหลิงหลงฮูหยินให้ปากคำแล้ว เสี้ยโล่เยว่ออกมาให้ปากคำอีกครั้งก็จะไม่สามารถพูดปะติดปะต่อกันได้
นิสัยของอ๋องคนนี้ เคยได้ยินเมื่อตอนที่อยู่บ้านชานเมืองกับเซี่ยวโธ่แล้ว นางจึงคิดขอให้เขามาช่วย
ตอนที่ไปหาเขา ทั้งสองคุยกันกว่าครึ่งชั่วโมง ในครึ่งชั่วโมงนี้ หลีโม่ได้เล่าทุกอย่างให้อ๋องหลี่ชินทราบแล้ว อำนาจในการสอบปากคำนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่จะสามารถทำได้
ไม่ใช่ว่าองค์หญิงใหญ่จะช่วยเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เพราะนางไม่คุ้นเคยเรื่องกฎหมายกับธรรมเนียมปฏิบัติ จึงง่ายที่จะโดนโน้มน้าว ถึงสุดท้าย ไม่เพียงช่วยไม่ได้ กลับอาจทำให้เรื่องยิ่งแย่
เมื่อเสี้ยโล่เยว่เดินเข้าไปแล้ว อ๋องหลี่ชินจึงมองดูไต้เท้าเหลียงแล้วพูดว่า “อืม พูดต่อไปได้”
ไต้เท้าเหลียงอึ้ง “คือ ข้าพูดจบแล้ว”
อ๋องหลี่ชินมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “พูดจบแล้ว? ที่เจ้าพูดเป็นเพียงคำให้การฝ่ายเดียว คำให้การของหลี่ซื่อกับเสี้ยหลีโม่ล่ะ? ”
ไต้เท้าเหลียงพูดไม่ออก
ไต้เท้าเหลียงพูดว่า “จุดนี้ ต้องเรียกคนขับรถม้ามาไต่สวนให้รู้เรื่อง”
หลีโม่พูดขึ้นเรียบเฉยว่า “ไต้เท้าลืมไปแล้วหรือ? คำให้การของคนขับรถม้าที่ผ่านมาได้ตัดสินแล้ว คำให้การของเขาไม่น่าเชื่อถือ”
ตอนนี้หลิงหลงฮูหยินเพิ่งเข้าใจว่าที่ผ่านมาหลีโม่ชักนำนางวนไปมาตลอด ไม่ได้สนใจว่าคำปฏิเสธของนางจะมีประโยชน์หรือไม่
“ได้ ต่อให้คำให้การของคนขับรถม้าเชื่อถือไม่ได้ ตอนนี้หลี่ซื่อกับเฉินซื่อให้การไม่เหมือนกัน ต่างก็ไม่สามารถหาหลักฐานมาอ้างอิงได้”
อ๋องหลี่ชินจึงพูดว่า “อืม ทั้งสองให้การไม่เหมือนกัน ไม่มีพยาน และไม่มีใครยินยอมไปตรวจหาหลักฐาน สมควรเชื่อใครดีล่ะ?”
ไต้เท้าเหลียงไม่พูดอะไร แค่เหงื่อแตกเต็มหัว เขาโดนหลอกแล้ว ไม่มีพยาน คำให้การต่างกัน ในสถานการณ์แบบนี้ สำนักงานตรวจสอบจะต้องเชื่อคำพูดของหลี่ซื่อก่อน
ไต้เท้าเหลียงมองดูเสี้ยเฉิงเสี้ยง สีหน้าเสี้ยเฉิงเสี้ยงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ที่จริงตั้งแต่อ๋องหลี่ชินมาถึง เขาก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่สามารถล้มหลีโม่ได้แล้ว
แต่เขาก็ยังดึงดัน “ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว งั้นก็ตรวจสอบหลักฐานล่ะกัน ไต้เท้าเหลียง ส่งคนไปตรวจสอบตรงรถม้า ถ้าฮูหยินโดนเฉินซื่อผลักตกลงมาจริงๆ จะต้องทิ้งร่องรอยไว้แน่”
เขายังหวังว่า จะสามารถทำอะไรผ่านหลักฐานนี้ได้ วันนี้ถ้าปล่อยให้เสี้ยหลีโม่กับหลี่ซื่อรอดไปได้ ต่อไปอยู่ในจวนยิ่งจะทำอะไรพวกนางไม่ได้
อ๋องหลี่ชินพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “ข้าจะส่งคนไปตรวจดู ส่วนไต้เท้าเหลียง ไต่สวนต่อไปล่ะกัน ข้าสงสัยคำให้การของเฉินซื่อ หากมีหลักฐานว่าเฉินซื่อพูดเท็จ ความที่ว่าหลี่ซื่อโดดลงรถม้าเองก็ไม่มีแรงจูงใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...