ตอนที่ 150 เฉิงเสี้ยงจะแต่งงาน
เมื่อพูดถึงจิ้นโก๋วกง จริงๆ แล้วก็เป็นตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม
ตำแหน่งจิ้นโก๋วกงของเขาเป็นตำแหน่งที่สืบทอดต่อกันมา แต่ความจริงแล้ว ตระกูลซีเหมินในตอนนั้นก็ให้กำเนิดคนที่มีความสามารถอยู่ไม่น้อย ตำแหน่งเดิมของเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ และเคยได้รับชัยชนะทางตอนใต้
แต่ว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยาน เขามี แต่เพราะเขาชนะสงครามในครั้งนั้น จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่าเหล่าไท่จวินโยกย้ายทหารได้อย่างถูกวิธี ถึงได้รับชัยชนะในครั้งนั้นได้
จิ้นโก๋วกงมีอำนาจที่แน่นอน แต่ลูกหลานกลับใช้ไม่ได้เกินไป เพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่พวกของตน เขารู้ดีว่าจวนเฉิงเสี้ยงในตอนนี้ก็เหมือนกับหนูข้ามถนน แต่กลับไม่ลังเลที่จะปีนขึ้นไปที่สูง
จิ้นโก๋วกงเป็นบทบาทที่ร้ายกาจบทบาทหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในสนามรบ แต่กลับวางกลยุทธ์อยู่ด้านบน
ก็เป็นเพราะอย่างนี้ เขาถึงสามารถทำให้ตำแหน่งของตนมั่นคงอยู่ได้ มีไม่กี่คนในเมืองหลวงที่กล้าล่วงเกินอำนาจของเขา
การเกี่ยวดองกับจวนเฉิงเสี้ยง เขาอยากจะยืมเฉิงเสี้ยงเสี้ยเป็นบันไดให้เขาได้ปีนขึ้นไปหาฮองเฮากับเหลียงไถ้ฝู้
เฉิงเสี้ยงเสี้ยย่อมอยากจะแต่งงานกับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยมาก เพราะว่าสถานการณ์อำนาจของจิ้นโก๋วกงในตอนนี้กำลังสำคัญมาก ได้เกี่ยวดองกับตระกูลซีเหมิน ทำให้เขาเหมือนกับเสือติดปีก อีกอย่าง สามีเก่าของซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยก็ตายอยู่ในสนามรบ นางที่เป็นฮูหยินของนายทหาร ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีย่อมสูงส่ง
ตอนนี้เขาต้องการคนที่มีชื่อเสียงไร้มลทินมาชำระล้างสิ่งสกปรกในจวนเฉิงเสี้ยงของเขา
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย เพียงขอร้องตำแหน่งผิงชีเท่านั้น นางไม่ได้ต้องการให้เขาหย่าร้างกับหลี่ซื่อ สำหรับเขาแล้วนับว่าสบายใจไปหนึ่งอย่าง เพราะว่าในช่วงที่สำคัญนี้ เขาไม่สามารถหย่ากับหลี่ซื่อได้
สำหรับการหย่าร้าง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
เสี้ยโลเยว่คัดค้านเรื่องการแต่งงานของเขากับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย นายหญิงแก่จึงตั้งใจจะไปพูดกับนาง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมเดี๋ยวนี้องค์รัชทายาทถึงไม่มา?” นายหญิงแก่สั่งให้ซุยหยู้กูกูต้มชา หรี่ตาทั้งสองข้างเอ่ยถามนาง
เสี้ยโล่เยว่กุมหน้าผาก พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “รู้เจ้าค่ะ เพราะนังพิการผู้นั้นทำใบหน้าของข้าเสียโฉม องค์รัชทายาทจึงรังเกียจข้า เขาจึงไม่มาหาข้าเลย”
นายหญิงแก่ส่ายหัวเบาๆ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ การแต่งงานขององค์รัชทายาท หน้าตานั้นเป็นเรื่องรองลงมา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือลำดับ
ศักดิ์ของตระกูล ชื่อเสียงของจวนเฉิงเสี้ยงในตอนนี้ถูกทำลายแล้ว อีกอย่างเรื่องงานแต่งงานของพวกเจ้าจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ
การเห็นด้วยจากฮองเฮา ฮองเฮาก็ไม่ได้มีพระราชโองการอะไรลงมาเพิ่ม ว่าให้คนจัดเตรียมงานอภิเษก”
“ท่านย่า เช่นนั้นควรจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?” เสี้ยโล่เยว่กระวนกระวายใจยิ่งนัก “ฮองเฮาจะยกเลิกงานอภิเษกหรือไม่เจ้าคะ?”
นายหญิงแก่พูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นง่ายๆ แน่”
นางมองขึ้นมาด้วยแววตาที่เปล่งประกาย จ้องไปที่เสี้ยโล่เยว่ “เพราะฉะนั้น นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบิดาของเจ้าต้องแต่งงานกับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย”
“หลานยังไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ท่านย่าโปรดชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ” เสี้ยโล่เยว่รีบเอ่ยถามทันที
นายหญิงแก่รีบพูดขึ้นทันทีว่า “หลังจากที่ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยแต่งเข้ามาแล้ว ก็จะเป็นแม่เลี้ยงของเจ้า เจ้าไม่เพียงต้องเคารพนาง ยังต้องสานสัมพันธ์ที่ดีกับนางด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าไปงานเลี้ยง เจ้ากับนางจะต้องมารดาที่มีเมตตากับลูกสาวที่กตัญญู นางอายุเยอะกว่าเจ้าหลายปี ข้าจะบอกเจ้าว่า เจ้าไม่เพียงต้องเรียกนางว่ามารดา ยังต้องเคารพนางเหมือนแม่แท้ๆ ของเจ้าอย่างจริงใจ ทำให้ทุกคนรู้ว่า จวนจิ้นโก๋วกงเป็นที่พึ่งพิงของ นั่นก็คือมารดาของเจ้าที่มาจากตระกูลซีเหมิน”
หลิงหลงฮูหยินที่แต่ก่อนเคยโสโอหังยิ่ง ตอนนี้นั่งอยู่ในสวนด้วยใบหน้าที่เสื่อมโทรม การแต่งตัวยังคงหรูหรา การแต่งหน้าก็ถือว่าจัดมาก ริมฝีปากทาสีแดงชาด แดงเสียจนเหมือนกับเปื้อนเลือดมาก็ไม่ปาน
ซู่หยู้ยืนนวดหลังให้นางอยู่ด้านหลัง ใบหน้าของซู่หยู้มีรอยม่วงช้ำอยู่หลายจุด เห็นได้ชัดว่าหลายวันมานี้ถูกทุบตีอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเห็นเสี้ยโล่เยว่มา สีหน้าของหลิงหลงฮูหยินก็เปลี่ยนไป “โอ้ นี่ไม่ใช่คุณหนูรองของจวนเฉิงเสี้ยงเราหรอกหรือ? หลังสวนดอกไม้แห่งนี้มีแต่งูพิษเต็มไปหมด เจ้ามาที่นี่ให้น้อยเท่าไหร่จะยิ่งดีกับตัวเจ้าเอง”
เสี้ยโล่เยว่มองไปที่นาง แม้ว่าสีหน้าของนางจะมีแต่ความรังเกียจ แต่ก็อดกลั้นความไม่พอใจของนางเอาไว้ หวังว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมนางได้ หากเกลี้ยกล่อมไม่ได้ก็ค่อยคิดหาวิธีอื่น “ท่านแม่อยู่ที่นี่คุ้นชินหรือไม่?”
หลิงหลงฮูหยินแค่นเสียงเย็นชา “คุ้นชิน จะไม่คุ้นชินได้อย่างไรกัน? สวนดอกไม้แห่งนี้วิวทิวทัศน์สวยงามยิ่งนัก ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ ด้านหลังเป็นป่าไผ่ ในสวนก็มีดอกไม้ใบหญ้าที่ไม่คุ้นตามากมาย ทั้งยังมีคนรับใช้ส่วนตัว กินดื่มใช้ไม่มีขาด จะไม่ดีได้อย่างไร? ”
เสี้ยโล่เยว่คุกเข่าลงแล้วยื่นมือไปจับมือนางเอาไว้ “ท่านแม่ ลูกมีความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้ ท่านพ่อโกรธมาก หากข้าไม่ได้พูดช่วยท่าน เกรงว่าแม้แต่ลูกก็คงไม่มีชีวิตที่ดีแน่ หากลูกไม่สามารถดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าจะให้ท่านแม่มีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?”
หลิงหลงฮูหยินมองนางด้วยสายตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง วันนั้นสีหน้าที่ไร้น้ำใจของนางจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ลืม “จริงรึ? เจ้าเองก็รังเกียจข้าที่เป็นแม่ผู้นี้อยู่ไม่ใช่รึ?”
“บุญคุณที่เลี้ยงดูลูกมาจนเติบโต ท่านแม่พูดเช่นนี้ ลูกจะไม่อับอายขายหน้าจนตายหรือเจ้าคะ?” เสี้ยโล่เยว่กล่าว
หลิงหลงฮูหยินมองไปที่นาง เห็นสีหน้าของนางเศร้าเสียใจ เหมือนกับว่าลำบากใจที่ทำเช่นนี้จริงๆ อีกทั้งที่นางพูดมาก็มีเหตุผล ตอนนี้เสี้ยห้วยจุนเกลียดนางมาก หากเสี้ยโล่เยว่ช่วยเหลือนาง ถึงอย่างไรสองแม่ลูกก็ตัดกันไม่ขาด
“เจ้าไม่ได้ลืมแม่จริงๆ ใช่หรือไม่?” นางถาม
“ย่อมไม่ลืมเจ้าค่ะ ท่านแม่กับฮ่าวหรานล้วนเป็นครอบครัวของโล่เยว่” เสี้ยโล่เยว่พิงศีรษะไปบนเข่าของหลิงหลงฮูหยินเบาๆ “มีเพียงพวกท่านสองคนเท่านั้น ที่เป็นญาติสนิทของข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...