ตอนที่ 163 สมควรจะคำนับหรือไม่
ที่นั่งอยู่ตอนนี้ ล้วนเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะสูงส่ง นอกอาวุโสตระกูลเสี้ยแล้ว ก็ยังมีขุนนางราชสำนักอีก
นอกจากอ๋องซื่อเจิ้งและองค์รัชทายาทแล้ว ยังมีจงซูเสิ่ง จงซูลิ่ง เหลียงไท่ฝู้ ซ่างซูปู้ใต้ท้าวชุย เฉินไท่จุน จิ้งกั๋วกง เซียวกงและฮูหยิน สามีภรรยาหว๋ายเป่ยโหว องค์หญิงใหญ่ซือถูจิ้ง และอีกมากมาย ทุกคนล้วนเป็นคนมียศมีตำแหน่ง มีชื่อเสียง
เสี้ยโล่เยว่เดินเข้ามาในขณะที่ทุกคนจ้องมองอยู่ แม่สื่อยิ้มแย้มและพูดว่า “คุณหนูรองยกน้ำชาให้ฮูหยิน”
“คุกเข่าลง!” แม่สื่อกล่าว
เสี้ยโล่เยว่คุกเข่าลงข้างหน้าซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย แม่สื่อยกเอาถ้วยชามา “คุณหนูรองยกน้ำชาให้ท่านแม่สิ”
เสี้ยโล่เยว่คำนับลง แล้วเงยหน้าขึ้น รับเอาถ้วยน้ำชาที่แม่สื่อยื่นมา ให้กับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย ยิ้มแย้มแล้วพูดว่า “ท่านแม่เชิญดื่มชา”
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยยิ้มแล้วรับถ้วยชาไว้ จากนั้นจิบน้ำชาเล็กน้อย แล้ววางถ้วยลง แม่สื่อยื่นอั่งเปามา ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยรับมาแล้วยื่นให้กับเสี้ยโล่เยว่ แล้วพูดว่า “ลุกขึ้นเถิด”
เสี้ยโล่เยว่รับซองอั่งเปา “ขอบคุณท่านแม่!”
แม่สื่อพูดว่า “ดื่มชาถ้วยนี้แล้ว ก็เป็นพ่อแม่เต็มตัว คุณหนูรองเชิญไปยืนด้านหลังฮูหยิน”
เสี้ยโล่เยว่ลุกขึ้น เดินไปข้างหลังซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย สีหน้าพอใจ
นับจากนี้ไป ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยก็นับว่าเป็นแม่ของนาง ส่วนแม่ผู้ให้กำเนิดนาง ซูหลิงหลง กูจะค่อยๆหายไปจากสายตาของทุกคน เพียงแค่นางออกงานกับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยบ่อยๆเข้า ก็จะไม่มีคนจำได้ว่าซูหลิงหลงเป็นใคร
การร่วมมือของเสี้ยโล่เยว่ นายหญิงแก่และเสี้ยเฉิงเสี้ยงพอใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่ที่พวกเขากังวลก็คือ เสี้ยหลีโม่
แต่ทว่า มีคนแขกผู้มีเกียรติมากมายในงาน นางจะไม่ยกน้ำชาก็ไม่ได้ เพราะว่าว่าที่พระชายารัชทายาทก็ยังยกน้ำชาทำความเคารพเรียกแม่ไปแล้ว นางเป็นถึงพี่คนโตก็ไม่ควรที่จะผิดระเบียบนี้
ถ้าหากว่าไม่ยกน้ำชาจริงๆ คนที่เสียมารยาทก็มีแต่นางคนเดียว
หลีโม่เข้ามาในงานภายใต้สายตาทุกคนที่มองนาง นางเดินเข้าอย่างปกติ แล้วพูดว่า “ขออภัย ขออภัย ให้ทุกท่านรอนานแล้ว”
หลังจากที่นางเข้ามา ไม่รอให้แม่สื่อกล่าว ก็ควักอั่งเปาจากแขนเสื้อยื่นให้กับซีเหมินเสี่ยเยวี่ย จากนั้นก็หยิบถ้วยชาจากถาดรองชาที่แม่สื่อถืออยู่ แล้วดื่มชาเข้าไปหมดแล้ว หัวเราะแล้วพูดว่า “ล้วนเป็นคนกันเอง แม่รองไม่ต้องยกน้ำชาให้ข้าหรอก เดี๋ยวข้าดื่มเอง”
หลังจากดื่มชาจนหมด ก็เอาถ้วยชาวางกลับคืนไปที่ถาดรองชาในมือแม่สื่อ เห็นทุกคนมีหน้าตาที่ตกใจ สีหน้าซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยที่ตกตะลึงจนต้องพูดว่า “นี่มันอะไรกัน?”
แม่สื่อรีบพูดขึ้นว่า “คุณหนูใหญ่ต้องเอาชาทำความเคารพฮูหยิน”
หลีโม่ส่งเสียง อ๋อ คล้ายกับจะตกใจ “จริงหรือ? แม่สื่อหมายความว่า ข้าต้องทำความเคารพให้กับแม่รองใช่มั้ย?”
นายหญิงแก่ก้มหน้าลงเล็กน้อย “แม่รองที่ไหนกัน? ให้เรียกท่านแม่”
“แต่ข้ามีแม่แท้ๆของข้า งั้นท่านนี้ก็เป็นแม่เล็กดีมั้ย?” หลีโม่ทำอะไรไม่ถูก แล้วมองไปที่แม่สื่อ “ท่านแม่สื่อรู้ธรรมเนียมดี ก็ช่วยสอนข้าแล้วกัน ตามธรรมเนียมแล้ว ข้าต้องเคารพแม่น้า ไม่ใช่สิ แม่เล็กใช่มั้ย?”
แม่สื่อคนนี้ คือคนที่จิ้นโก๋วกงเชิญมา ก็ต้องทำตามที่ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยต้องการเป็นธรรมดา นางพูดว่า “คุณหนูใหญ่ เนื่องจากฮูหยินแต่งเข้ามาในจวนเฉิงเสี้ยงในตำแหน่งภรรยาแต่งถูกต้องตามกฎหมาย และมีตำแหน่งก้าวมิ่งฮูหยิน(ภรรยาของข้าราชการ) คุณหนูใหญ่ทำความเคารพต่อฮูหยินและเอ่ยปากเรียกท่านว่าท่านแม่ นับว่าเป็นเรื่องสมควรแล้ว”
หลีโม่ถึงบางอ้อ มีสีหน้าขออภัยแล้วพูดว่า “ข้าต้องขออภัยด้วย ข้าเข้าใจกฎหมายผิด นึกว่าเมียแต่งก็คือสนม”
แขกทุกคนตกตะลึง คำพูดนี้ออกไป มันยังไม่พอ เพราะว่า ตามที่ กฎหมายว่าด้วยการแต่งงาน ภรรยารองที่แต่งใหม่ถือว่าเป็น สนม ถ้าเอาตามกฎหมายว่าแล้ว ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยควรจะยกชาคำนับคุณหนูใหญ่เสียมากกว่า เพราะว่าภรรยาหลวงไม่อยู่
สีหน้าของแม่สื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย ครั้งนี้ นางไม่มีทางให้หลีโม่คุกเข่าลงยกน้ำชาคำนับแล้ว ไม่อย่างนั้น จะเป็นการผิดต่อกฎหมาย
เพราะว่าองค์รัชทายาทออกหน้าแล้ว ถ้าองค์รัชทายาทไม่พูดออกหน้า หลีโม่จะคุกเข่าหรือจะยกน้ำชา เหลียงไท่ฝู้ก็ไม่สน
ในบางครั้ง ขณะที่ระเบียบสังคมและกฎหมายขัดกัน จำเป็นต้องเอากฎหมายมาก่อน
องค์รัชทายาทออกหน้าให้เสี้ยหลีโม่ยกน้ำชา เดิมทีก็ไม่ชอบต่อกฎหมาย องค์รัชทายาทแห่งราชสำนักไปทำเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป องค์รัชทายาทจะไม่เป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นหรอกหรือ? ถ้าซื้อถูเย้นจะเอาความ ก็สามารถทำได้
ดังนั้น ไท่ฝู้ไม่สามารถยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
เหลียงไท่ฝู้พูดเบาๆว่า “ตามที่กฎหมายว่าด้วยการแต่งงาน แห่งแคว้นต้าโจว เรานั้น ภรรยารองถือว่าเป็นสนม ถ้าคุณหนูใหญ่ไปยกน้ำชาเคารพนางละก็ ก็เท่ากับสับเปลี่ยนฐานะภรรยาหลวง ภรรยารอง ผิดต่อกฎหมาย”
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย กำกระโปรงตัวเองแน่น โกรธจนหน้าเขียว ในเมื่อเอากฎหมายออกมาใช้ขนาดนี้ ก็จะไม่สามารถให้เสี้ยหลีโม่มายกน้ำชาเคารพได้อีก แต่ว่า อั่งเปาที่เสี้ยหลีโม่ยื่นมานั้น นางรับก็ผิด ไม่รับก็ผิด
ถ้าหากว่ารับไว้แล้ว ก็เท่ากับยอมรับว่าตนเองเป็นสนม ถ้าหากว่าไม่รับไว้ อั่งเปานี้ก็วางอยู่ตรงหน้า ให้หายไปไม่ได้
เสี้ยโล่เยว่เห็นว่าเสี้ยหลีโม่ยึกยักไม่ยกน้ำชาเสียที ก็เลยอยากจะเอาใจซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย ก็เลยพูดกับหลีโม่ว่า “ท่านพี่อย่าก่อเรื่องอีกเลย ยกน้ำชาเคารพท่านแม่แล้ว พวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะมานับอะไรภรรยาหลวงภรรยารอง? ยศถาบรรดาศักดิ์หรือจะมาสู้ความเป็นครอบครัว?”
หลีโม่ทำอะไรไม่ถูก แล้วมองไปที่เหลียงไท่ฝู้ “ใต้เท้า ถ้าอย่างนั้น ข้าควรจะคำนับหรือไม่ต้องคำนับเล่า?”
นายหญิงแก่เห็นดังนั้น เลยพูดกับเหลียงไท้ฝู้ว่า “ในเมื่อเป็นภรรยารอง ก็นับว่าเป็นฮูหยินของจวนเฉิงเสี้ยง คนที่มีฐานะเป็นลูกหลานของจวนเฉิงเสี้ยง จะยกน้ำชาเคารพฮูหยินนั้น เป็นเรื่องสมควรแล้ว อีกอย่าง เสี่ยวเยวี่ยมีพระราชโองการติดตัวมา ตามประเพณีแล้ว ถึงแม้จะเป็นคนชรา ก็ต้องทำความเคารพนาง แล้วจะประสาอะไรกับคนวัยรุ่น”
เหลียงไท่ฝู้พยักหน้า “นายหญิงแก่พูดก็มีเหตุผล ถ้านับจากตำแหน่งการแต่งตั้งแล้วละก็ คุณหนูใหญ่สมควรจะต้องยกน้ำชาเคารพแก่ฮูหยิน ”
“ไร้สาระสิ้นดี!”
ด้านนอกมีเสียงพูดอย่างไม่พอใจดังเข้ามา ก็รู้ได้เลยว่าอ๋องหลี่ชินมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...