ตอนที่ 173 มีเรื่องกับเขาไม่ไหว
อ๋องหลี่ชินมองนางด้วยสายตาเฉยเมย แล้วขมวดคิ้ว “ไม่มี”
“มี ข้ารู้จักเจ้าดี เจ้าเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เจ้าจะไม่พูดจาหยาบคายต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เจ้าตั้งใจพูดถึงเรื่องที่เหลียงไถ้ฝู้ท้องร่วง เหลียงไถ้ฝู้คนนี้รักในศักดิ์ศรีเป็นที่สุด และ ด้วยความที่เป็นขุนนางชั้นหนึ่ง เขาไม่สนใจที่จะเถียงกับเจ้าเรื่องขี้ๆแบบนี้ และก็จะไม่ยอมให้เจ้าพูดถึงเรื่องนี้ไม่หยุด เขาจึงเลือกที่จะเงียบ หากเขาไม่เถียงเจ้าตั้งแต่แรก เมื่อถึงสุดท้ายเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรอีก เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นเรื่องราวจากฝั่งตรงข้าม ที่จริงเจ้าไม่เห็น และเจ้าก็ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ เจ้าเพียงแค่ต้องการกีดกันเหลียงไถ้ฝู้ จึงแอบสะกดรอยตาม เจ้าเห็นจุดที่เหลียงไถ้ฝู้คุกเข่าอยู่ตรงข้ามกับภูเขาเทียม เจ้าจึงสันนิษฐานว่าเหลียงไถ้ฝู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ใช่ไหม? เพราะต่อมาเจ้าก็ไม่ได้พูดออกมาว่าเจ้าเห็นอะไรบ้าง เพียงแค่พูดให้องค์รัชทายาทกับเสี้ยโล่เยว่หวาดกลัว เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นเหตุการณ์ ซีเหมินเสี่ยวชิ่งก็เข่าอ่อนทันที”
ซือถูจิ้งเล่าไปด้วยมองดูอ๋องหลี่ชินไปด้วย นางพูดต่ออีกว่า “บางทีเหลียงไถ้ฝู้ก็อาจจะไม่ได้เห็นอะไรเลย แต่เจ้าบอกว่าเจ้าก็เห็นทุกอย่างจากข้างหลังเขา หากเขาบอกว่าเขาไม่เห็น ก็จะทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเขาเข้าข้างซีเหมินเสี่ยวชิ่ง เขาจึงไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าเจ้าจะพูดอะไรหยาบคายออกมาทำให้เขาเสียหน้า ดังนั้น เรื่องนี้เหลียงไถ้ฝู้น่าสงสารที่สุด”
อ๋องหลี่ชินขมวดคิ้ว “ความคิดจินตนาการของเสี่ยวกูกูช่างมากมายยิ่งนัก แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด”
“อีกอย่าง เจ้าตั้งใจหาเรื่องเหลียงซื่อ เบี่ยงเบนความสนใจให้หลีโม่ได้คุยกัยเสี่ยวซือคนนั้น ทุกอย่าง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คืนนี้เจ้าตั้งใจช่วยหลีโม่จริงๆ”
อ๋องหลี่ชินมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เปล่า”
“เจ้าบอกข้ามา ใครใช้ให้เจ้าช่วยหลีโม่? หากเจ้ายอมพูด ข้าจะบอกเจ้าว่าสิ่งที่ตกลงมาจากปิ่นปักผมของหลีโม่คืออะไร” ซือถูจิ้งรู้จุดอ่อนของเขา
สีหน้าอ๋องหลี่ชินเคร่งขรึม กัดกรามพูดว่า “ข้าไม่อยากรู้”
“ใช่หรือ? สิ่งที่ตกหายคือมรกตหรือทับทิมน่า? หรืออาจจะเป็นเงินทอง ต่อให้ด้อยยังไง ก็น่าจะเป็นปะการังสีแดงไหมน่า?” ซือถูจิ้งมองสีหน้าเขาอย่างได้ใจ
อ๋องหลีชินไม่แม้แต่จะมองซือถูจิ้ง หันตัวเดินจากไป เพิ่งเดินไปได้หลายก้าว เขาก็หันหัวเดินกลับมา “บ้าไปแล้ว หารซานคนนั้น”
จิ้งจิ้งอ้าปากค้าง มองเขาอย่างตกใจ “อะไรน่า? ฮวงจู๋หมู่?”
“ไม่งั้นเจ้าคิดว่าใครกันที่จะกล้ามาสั่งข้า? ดีที่สุดขอให้เสี้ยหลีโม่บริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้น ข้าจะฆ่านางเป็นคนแรก” อ๋องหลี่ชินพูดอย่างฉุนเฉียว
จิ้งจิ้งตกใจเป็นอย่างมาก จนคางจะหล่นลงพื้นแล้ว คิดไม่ถึงว่าฮวงจู๋หมู่จะสั่งให้เหล่าซันทำเรื่องแบบนี้ แต่ฮวงจู๋หมู่ทำไมต้องทำแบบนี้? หลายปีมานี้ นางกับอาเซ๋อกูกูอยู่บนหารซาน ไม่ได้สนใจเรื่องราวภายนอกแล้วนี่
อีกอย่าง ทำไมนางเลือกเหล่าซันแต่ไม่เลือกนางล่ะ? ยังไงนางก็เป็นถึงองค์หญิงใหญ่นะ
แต่ว่า....ซือถูจิ้งมองดูสีหน้าอ๋องหลี่ชินที่ฉุนเฉียวเป็นผักเค็มนี้ จริงๆแล้ว เขาดูเหมาะสมกว่า ไม่ว่าใครในราชสำนัก แม้แต่ฮองไทเฮายังกลัวเขาเลย
“บนปิ่นปักผมของหลีโม่ เป็นทับทิมแดง” ซือถูจิ้งเห็นเขากำลังจะสติแตก จึงรีบบอก
อ๋องหลี่ชินถอนหายใจยาว เหมือนดั่งความอึดอัดในใจได้ถูกปลอดปล่อย “ที่แท้ก็ทับทิมแดง ข้าก็ทายแล้วเชียวว่าน่าจะเป็นทับทิมแดง เครื่องประดับในราชสมัยนี้ ปกติจะหล่อด้วยเงิน ไม่ใช่มรกตก็จะเป็นทับทิมแดง ”
เขาหันตัวไปอย่างพออกพอใจ “เสี่ยวกูกูค่อยๆดื่มนะ ข้าไปก่อนล่ะ”
ซือถูจิ้งนิ่งงัน “เจ้าจะไปอย่างนี้หรอ เรื่องนี้น่ากลัวว่าจะยังไม่จบ”
“ข้าไม่สนแล้ว วันนี้ชูซัน ทุกเดือนของวันนี้ข้าจักต้องพาอาจินออกไปว่ายน้ำ”
“เจ้าไม่สนใจคำสั่งของฮวงจู๋หมู่แล้วหรือ?” ซือถูจิ้งวิ่งไปดึงแขนเขามาถาม
อ๋องหลีชินตบมือนางทิ้ง “ข้ารับปากฮวงจู๋หมู่ของเจ้าช่วยนางแค่สองครั้ง นางบอกให้ช่วยเมื่อเกิดเรื่องใหญ่เท่านั้น และข้าคิดว่าข้ารีบช่วยตอนนี้ตอนที่เรื่องยังไม่ใหญ่โต เผื่อภายภาคหน้าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ข้าต้องมาเหน็ดเหนื่อย อีกอย่าง อย่าคิดว่าเสี้ยหลีโม่โง่เขลา อาเจียก็ยังอยู่ไม่ใช่หรือ? มีหมาจิ้งจอกอย่างเขาเฝ้าอยู่ เสี้ยหลีโม่ไม่ถูกเอาเปรียบหรอก ทางด้านโดยหานเขากลัวกีดขวางสถานะของอ๋องซือเจิ้งจึงไม่สะดวกที่จะลงมือเลยมาขอร้องข้า ถ้าหากจวนเฉิงเสี้ยงจะเอาเรื่องจริงๆ เขาไม่อยู่เฉยแน่”
หลีโม่นึกว่าเขาจะสงสัยนางกับซีเหมินเสี่ยวชิ่งจะมีอะไรกันเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเขาจะหาเรื่องหัวเราะเยาะนาง นางจึงพูดอย่างโกรธเคืองว่า “มองอะไร? มองยังไงก็ยังเป็นแบบนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นแหละที่จะสนใจคนอย่างข้า”
ซือถูเย้นพยักหัว พูดอย่างพอใจว่า “เจ้ารู้ตัวเองแบบนี้ ข้าก็ดีใจ จงรักษาความถ่อมตนแบบนี้ไว้ต่อไป”
หลีโม่รู้สึกว่าบนหน้าผากของตัวเองมีเส้นสีดำขวางอยู่ แต่ตอนนี้นางมีเรื่องอื่นที่ต้องถามเขา จึงยังไม่เถียงเขา “ท่านอ๋อง ที่ผ่านมาอ๋องหลีชินเคยได้รับบาดเจ็บไหม? หลังจากบาดเจ็บแล้วนิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคน?”
“บาดเจ็บ? นิสัยเปลี่ยน?” ซือถูเย้นคิดอยู่พักนึง แล้วพยักหัว “เมื่อเจ้าถามแบบนี้ มันก็มีจริงๆนะ”
“เหตุเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลีโม่มองดูเขาอย่างตื่นเต้น
ซือถูเย้นพูดว่า “หลายเดือนที่ผ่านมาแล้ว หมาต้าจินที่เขาเลี้ยงไว้ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ชนเขาล้มลงกับพื้น จนหน้าผากด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บ น่าแปลกที่เขาไม่ได้ชนหน้าผากด้านขวาของตนเองบาดเจ็บ น่าแปลกจริงๆ เมื่อก่อนเขาจะเป็นคนที่รับไม่ได้กับการบาดเจ็บข้างเดียวเด็ดขาด”
หลีโม่พูดไม่ออก
มองดูแผ่นหลังสง่าที่เดินจากไปของซือถูเย้น นางบ่นพึมพำ “ข้าคงตาบอดแล้วแน่ ที่เมื่อก่อนหลงคิดว่าเจ้านั้นเยือกเย็นสูงส่ง ที่แท้ก็อันธพาล”
“ข้าได้ยินนะ อยู่ไม่สุขใช่ไหม?”
เสียงข่มขู่ของเขาลอยมาแต่ไกล หลีโม่รีบก้มหัวลงอย่างไว
นางยังคงไม่กล้ามีปัญหากับเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...