ตอนที่ 201 ฝีมือสูงส่ง
เหลียงซื่อยังไม่ทันได้พูดอะไร จิ้นโก๋วกงก็พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นางยังจะมีอะไรพูดอีก? วันวันคิดแต่เรื่องใครทำร้ายใคร เหตุไฟไหม้เป็นแค่อุบัติเหตุ คิดก็รู้แล้วว่า จวนเฉิงเสี้ยงไม่มีทางคิดทำร้ายคนของจวนโก๋วกง การณ์นี้จะทำให้จวนเฉิงเสี้ยงได้ประโยชน์อันใด? หากเป็นดั่งที่นางพูด คือเพื่อฆ่าคุณหนูใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ คนเป็นบิดาจะคิดฆ่าลูกสาวตัวเองทำไม ต่อให้คิดจะฆ่า ก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนให้เกิดไฟไหม้ใหญ่หลวงขนาดนี้ คนมีความคิดไม่คิดใครคิดทำแบบนี้แน่ อีกอย่าง ตามที่ตกลงกันไว้ว่าเสี่ยวเยวี่ยของเราแต่งงานไปในตำแหน่งฮูหยิน เสี้ยหลีโม่กลับไม่ยอมยกน้ำชาเพื่อเป็นการทำความเคารพ ตามธรรมเนียม ก็สามารถที่จะสั่งสอนนางได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องแอบวางเพลิง? ”
เตาเหล่าต้ากับเหยียนเอ๋อยืนฟังคนข้างในคุยกันอยู่นอกประตู
หลังจากที่เตาเหล่าต้าได้ยินคำของจิ้นโก๋วกง จึงกระซิบถามเหยียนเอ๋อว่า “คนแก่คนนี้น่าชังยิ่งนัก จะรังแกคุณหนูใหญ่ไหม?”
เหยียนเอ๋อก็กระซิบไว้ “รังแก”
เตาเหล่าต้าครุ่นคิดสักพัก แล้วพึมพำว่า “หนึ่งครั้ง”
“อะไร?” เหยียนเอ๋อฟังไม่ค่อยได้ยิน และพูดเลียนแบบคำพูดเขา
“สามครั้งไง รอให้รังแกสามครั้งค่อยลงมือไง” เตาเหล่าต้าพูดเสียงต่ำ
เหยียนเอ๋อหยิกตรงเอวเขาหนึ่งที “อย่าคิดวู่วาม ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าไม่มีคำสั่งของคุณหนูใหญ่ ห้ามทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวจะเสียแผนของคุณหนูใหญ่”
เตาเหล่าต้าเห็นว่าเหยียนเอ๋อพูดมีเหตุผล จึงรีบพยักหัว “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”
ภายในห้อง การที่จิ้นโก๋วกงพูดแฉกขึ้นไม่ได้ทำให้ไท้เป่าไม่พอใจ พูดขึ้นด้วยสีหน้าพึงพอใจว่า “เรื่องก้มกราบเอาไว้ก่อน เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันแต่งข้าพอรู้มาบ้าง มาคุยเรื่องสำคัญก่อนค่อยตัดสินว่าใครถูกใครผิด”
เขามองไปทางซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย “ตอนที่ยกน้ำชา ปกติคนฝั่งเจ้าสาวจะไม่ได้อยู่ข้างใน หรือว่าคนใช้เขาพูดกัน ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน”
หลีโม่อมยิ้ม ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยจำไม่ได้เลยว่าเมื่อกี้ตอนเองพูดไปว่า นางเองที่รู้สึกไม่พอใจจึงเล่าเรื่องให้ฮูหยินรองฟัง คนคนหนึ่งเวลาพูดเท็จในใจก็จะกระวนกระวาย เมื่อกระวนกระวายก็จะทำให้พลาด
ไท้เป่าไม่ได้แย้งนาง กลับถามต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าเคยพูดหวาดล้อมไม่ให้ฮูหยินรองไปหาเรื่องแก้แค้นคุณหนูใหญ่ งั้นฮูหยินรองตอบเจ้ายังไง?”
“เอ้อเซิ่นบอกว่าปล่อยนางไปไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องสั่งสอนนางให้ได้” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยพูดขึ้น
ไท้เป่าพยักหัว แล้วลูบหนวดตัวเอง “ตอนที่ไฟไหม้ เป็นช่วงที่มังกรไฟกำลังดำเนินอยู่ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ เป็นช่วงที่มังกรไฟกำลังเดินมา มีหนุ่มสาวมากมายเดินตามหลังมังกรไฟ เฉินไท้จุนกับหลานสาวก็เกือบโดนมังกรที่ล้มลงกับพื้นไหม้แล้ว ดีที่นางฝึกการต่อสู้ตั้งแต่เด็กจึงปกป้องตัวเองได้ทัน” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยกุมหน้าอก พูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ
“อืม หลานสาวของเหล่าไท้จุนชื่อเฉินหลิ่วหลิ่วใช่ไหม? ข้าจำได้ว่าเด็กคนนี้ เป็นเด็กที่ซนคนหนึ่งจริงๆ งั้นสุดท้ายนางไม่ได้โดนไฟไหม้ใช่ไหม? อันตรายจริงๆ จวนเฉิงเสี้ยงของพวกเจ้าเชิญรำมังกรไฟมา แล้วไม่ได้จัดการเรื่องความปลอดภัยเลยหรือ?” ไท้เป่าถามด้วยสีหน้าห่วงใย
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยได้ยินว่าเขาเป็นห่วงเฉินหลิ่วหลิ่ว จึงรีบตอบว่า “ไม่เป็นไร ท่านปู่ห้าไม่ต้องเป็นห่วง นางสบายดี ตอนนั้นมีคนตามขบวนอยู่เป็นจำนวนมาก คนใช้ในจวนกว่าครึ่งล้วนเดินตามไปด้วย หากเกิดเรื่องจริงๆ คนในจวนก็สามารถรับมือได้ค่ะ”
นายหญิงแก่ฟังอยู่สักพัก แล้วก็กลับไปนั่ง แต่นางรู้สึกว่ายิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี ดูเหมือนคำถามของไท้เป่าดูอ่อนโยน ไม่กดดัน กลับทำให้รู้สึกเหมือนกำลังโดนหลอกถาม
นางอยากเตือนซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย จึงพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเยวี่ย เจ้าลุกขึ้นมาก่อน เรื่องนี้มีหยาเหมินกำลังตรวจสอบอยู่ คนบริสุทธิ์ยังไงก็บริสุทธิ์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจดี”
ไท้เป่าก็พูดกับเหลียงซื่อด้วยสีหน้าตำนิว่า “ใช่ เรื่องนี้ขอให้ยุติเพียงแค่นี้ไหม และเจ้าก็ใจร้อนเกินไป เพียงแค่เสี่ยวเยวี่ยพูดไม่กี่คำ เจ้าก็ไปหาเรื่องแก้แค้นคุณหนูใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยง? ยังไงก็เรื่องภายในครอบครัวครอบครัวของคนอื่น หากนางทำไม่ถูก ก็ยังมีนายหญิงแก่กับเฉิงเสี้ยงจัดการ เจ้าเป็นคนอื่นจะไปยุ่งเกี่ยวทำไม?”
คนที่อยู่ในเหตุการณ์จะฟังไม่รู้คำพูดกับดักของไท้เป่า แต่หลีโม่ฟังออก
ในที่สุดวันนี้ก็ทำให้นางรู้แล้วว่า อะไรคือฝีมือส่งสูง
นางเชื่อว่าอีกไม่นาน นางก็จะโดนลากเข้าไปเกี่ยวพัน
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยเช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ข้าขอโทษ ป้ารอง ท่านอภัยให้ข้า ดีไหม?”
เหลียงซื่อมองดูนาง เหมือนจะเชื่อคำพูดของนาง “เจ้าไม่ได้สั่งคนวางยาพิษข้าแล้วเผาข้าให้ตายอยู่ที่ห้องด้านข้างจริงๆหรือ”
“ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำจริงๆ” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยพูดขึ้น
ไท้กงยื่นแขนไปจับมือทั้งสองคน แล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ เรื่องนี้ยังไงก็ผ่านไปแล้ว ฮูหยินรองก็ได้รับบาดเจ็บ เสี่ยวเยวี่ยก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกันไม่ใช่หรือ? เหมือนกับที่เฉิงเสี้ยงพูด ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ ในเมื่อเป็นอุบัติเหตุก็เป็นอะไรที่ควบคุมไม่ได้”
เหลียงซื่อยืนขึ้น พูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “ข้าขออภัย ช่างรบกวนท่านจริงๆ ต้องโทษความที่ข้าเป็นคนขี้สงสัยเกินไป ตัวเองรู้สึกเวียนหัวก็คิดว่ามีคนลอบทำร้ายข้า”
นายหญิงแก่กับเสี้ยเฉิงเสี้ยงมองหน้ากัน แล้วก็ถอนหายใจโล่งอก ดูแล้ว เมื่อกี้ตัวเองคงจะคิดมากไป เหลียงซื่อคนนี้จะมีปัญญาทำไรได้? ทำได้ก็แค่เรื่องตลก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...