พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 226

ตอนที่ 226 ร่วมมือกับผู้มีอำนาจ

หลังจากหลีโม่ออกไป หลานหยู้กูกูก็มา

เมื่อเย็นเอ๋อร์เห็นว่านางมา ใจลึกๆ ก็เริ่มหวาดกลัว เข้าไปต้อนรับแล้วพูดว่า “กูกูท่านมาที่นี่มีธุระอันใดหรือเจ้าคะ? คุณหนูใหญ่เพิ่งออกไป”

หลานหยู้กูยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเห็นแล้ว ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้มาหาคุณหนูใหญ่ ข้าตามเจ้ากับกุ้ยหยวนไปทำธุระสักหน่อย”

“ธุระงั้นหรือ?” เย็นเอ๋อร์ตะลึงเล็กน้อย ในจวนนี้มีคนตั้งเยอะแยะ เหตุใดจะต้องมาตามคนของลานเสี้ยจื้อ ไปทำธุระให้?

“ใช่” หลานหยู้กูกูดูเหมือนว่าจะมองความสงสัยของเย็นเอ๋อร์ออก จึงพูดขึ้นมาว่า “เพราะว่าจะมีการก่อสร้างใหม่ที่หลังสวนดอกไม้ คุณหนูใหญ่ก็บอกว่าอยากจะรื้อระเบียงทางเดินและภูเขาจำลอง คนในจวนส่วนใหญ่ต่างก็ไปช่วยกัน ทางนายหญิงแก่กำลังขาดคน จึงให้เจ้ากับกุ้ยหยวนออกไปซื้อของสักหน่อย”

เมื่อเย็นเอ๋อร์เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนาง ไม่ทำท่าทางขึงขังเหมือนแต่ก่อน ในใจก็ผ่อนคลายความระมัดระวังตัวลง นางพูดว่า “กูกูรอสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวเข้าไปบอกกุ้ยหยวนก่อน”

“ได้ รีบไปเถอะ” หลานหยู้กูกูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย็นเอ๋อร์ถอนสายบัว แล้วเดินเข้าไป

นางก็ยังระแวงอยู่ จึงกำชับเตาเหล่าต้าว่า “หลังจากที่ข้ากับกุ้ยหยวนออกไป เจ้าห้ามออกไปจากลานเสี้ยจื้อเด็ดขาด จะต้องอารักขาเสี้ยนจู่ให้ดี รู้หรือไม่?”

กุ้ยหยวนถามว่า “เย็นเอ๋อร์ เจ้าคิดว่านางอยากจะทำร้ายเสี้ยนจู่งั้นหรือ?”

เย็นเอ๋อร์ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้ แต่ระวังเอาไว้ก็ดี”

เตาเหล่าต้าตบอกแล้วพูดว่า “พวกเจ้าไปเถอะ ข้าจะอารักขาเสี้ยนจู่เอง ตอนนี้นางกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องหนังสือ ข้าจะรีบไปที่ห้องหนังสือเดี๋ยวนี้ ใครก็ห้ามเข้าไป”

เย็นเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดี ข้าเชื่อใจเจ้า”

คนที่กุ้ยหยวนวางใจมากที่สุดก็คือเตาเหล่าต้า เพราะว่าเคยเห็นตอนที่เขาแสดงฝีมือ เมื่อได้ฟังเขาพูดเช่นนี้ จึงพูดกับเย็นเอ๋อร์ว่า “พวกเรารีบไปเถอะ จริงสิ สองวันก่อนเสี้ยนจู่บอกว่าอยากจะซื้อหนังสือ พวกเราก็ถือโอกาสช่วยเสี้ยนจู่ซื้อกลับมาด้วยแล้วกัน”

“ซื้อหนังสืออะไร?” เย็นเอ๋อร์ถาม

“จ้าวลุ่น” กุ้ยหยวนตอบมาห้วนๆ

“ได้ พวกเราไปกันเถอะ” เย็นเอ๋อร์พากุ้ยหยวนออกไป หลานหยู้กูกูยังคงรออยู่ เมื่อเห็นทั้งสองออกมา ก็หยิบใบรายการออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งแผ่น อีกทั้งให้เงินพวกเขาไปหลายสิบตำลึง “ซื้อตามในใบรายการนี่ รีบไปรีบกลับ นายหญิงแก่รอของจำเป็นอยู่”

หลังจากออกไปแล้ว เย็นเอ๋อร์ก็พูดด้วยความแปลกใจว่า “ตังกุย หวงฉี เหล้าซ่าว ถ่านเงิน ของพวกนี้ในจวนก็ไม่มีหรือ? ทำไมต้องให้พวกเราออกไปซื้อด้วย? ตังกุยกับหวงฉีในห้องเก็บของก็มี”

“ไม่ต้องไปสนใจมาก พอซื้อเสร็จแล้วก็รีบกลับไปให้เร็วหน่อย อาจจะใช้หมดแล้วก็ได้นะ เหล้าซ่าว ถ่านเงิน ของพวกนี้ก็อยู่ที่ถนนใหญ่จินชางเขตตะวันตกเฉียงเหนือ พวกเราไปซื้อสมุนไพรที่ถนนใหม่ตงต้าก่อน แล้วค่อยไปถนนใหญ่จินชาง” ในใจของกุ้ยหยวนรู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว เดิมทีก็นึกว่าในใบรายการนี่จะมีของให้ซื้อเยอะ แต่มีแค่สี่อย่าง อีกทั้งของที่ต้องการก็มีไม่มาก เหล้าซ่าวหนึ่งไห ถ่านเงินก็เหมือนจะไปส่งถึงจวน ทำไมต้องให้ออกมาซื้อสองคน?

ตำหนักอ๋องหลียง

หลังจากหลีโม่เก็บเข็มไว้เรียบร้อยแล้ว ก็พูดกับอ๋องเหลียงว่า “ฝ่าบาท ข้าจะเขียนยาบำรุงให้ท่านสักหน่อย จากนั้นพวกเราก็จะเข้าสู่การรักษาขั้นที่สองอย่างเป็นทางการ”

หลีโม่บอกเรื่องที่อยากจะรักษาขาให้กับเขา ล้วนเป็นการขอไปทีเสมอมา เขาไม่อยากให้ตัวเองโอบกอดความหวังใดๆ เอาไว้แล้ว

“เจ้าว่าข้าน่าเกลียดหรือไม่?” อ๋องเหลียงถามหลีโม่

“พอมองใบหน้าที่รูปงามนี้ ก็ดูดีมากๆ เพคะ” หลีโม่กล่าวอย่างหยอกล้อ

“ในเมื่อดูดี ทำไมยังจะต้องรักษาขาอีกเล่า? ขาเป๋นี่เป็นเอกลักษณ์ของข้า ถ้าไม่มีเอกลักษณ์นี้แล้ว ข้าก็ไม่ใช่ข้าแล้ว”

หลีโม่รู้ว่าเขาใช้หน้าทะเล้นมาปิดบังความทุกข์ทั้งหมดที่อยู่ในใจของเขา เขาเกลียดความรู้สึกที่มีความหวังแล้วสุดท้ายก็ผิดหวังอย่างนี้

หลีโม่ยักไหล่ “ความจริงแล้วหม่อมฉันก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาท่านอ๋องให้หายดีได้หรือไม่ เพียงแต่ว่าหม่อมฉันเพิ่งจะฝึกวิชาฝังเข็มที่พิเศษอย่างหนึ่ง เลยอยากจะยืมขาของท่านอ๋องมาทดลอง”

นายหญิงแก่และไท่กุ้ยเฟยนัดเจอกันที่นี่

ร้านจู้เสียนเป็นกิจการติ่งเฟิงในเมืองหลวงของตระกูลหู เป็นโรงเตี๊ยมที่หรูหราที่สุดในเมืองหลวง ชั้นสองชั้นสามล้วนเป็นห้องส่วนตัว ห้องโถงด้านหน้าและด้านหลังของชั้นแรก โถงด้านหน้าจะเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาใช้บริการ สวนด้านหลังก็จะมีห้องส่วนตัวไม่มากนักมีต้นไม้ดอกไม้ทุกชนิดปิดบังเอาไว้

กินอาหารในนี้มื้อหนึ่ง ก็เท่ากับค่าใช้จ่ายปกติของครอบครัวที่หามาได้สำหรับหนึ่งเดือน ได้กินของขึ้นชื่อและแพง ค่าใช้จ่ายในหนึ่งปีก็คงเอาไม่อยู่

ที่เรียกว่าร้านจู้เสียน คนนอกก็เรียกมันว่าประตูแดงตึกคนรวย

เพราะว่าที่นี่ต่างก็รวมพ่อค้าที่ร่ำรวยธุรกิจใหญ่โตเอาไว้ ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ ขุนนางทั่วไปก็เข้ามาที่นี่ได้ไม่ง่าย เพราะว่า บางครั้งเงินเดือนของขุนนางเดือนหนึ่งก็อาจจะไม่สามารถกินข้าวมื้อดีๆ ได้

คนตระกูลหูที่เป็นเจ้าของร้านติ่งเฟิงในตอนนี้ก็คือหลานสาวที่ใกล้ชิดและเป็นที่โปรดปรานของท่านหู

สามารถบอกได้ว่านางเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เพราะว่าตระกูลหูขึ้นชื่อเรื่องให้ความสำคัญบุรุษมากกว่าสตรี แต่ว่า นางสามารถโดดเด่นได้ท่ามกลางเหล่าลูกพี่ลูกน้องที่เป็นบุรุษ จนได้กลายเป็นผู้คุมท้ายเรืองของติ่งเฟิง การควบคุมดูแลตระกูลหูรวมไปถึงธุรกิจเหมืองแร่ ร้านอัญมณี ร้านชา ร้านธัญพืช ร้านผ้าไหม

ไม่พูดไม่ได้จริงๆ ว่าเป็นตำนานตำนานหนึ่ง

ตระกูลหู เป็นตระกูลที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของต้าโจว บิดาของเหลียงซื่อลูกสะใภ้ของจิ้นโก๋กง ได้ร่วมมือทำธุรกิจติ่งเฟิงกับตระกูลหู ก็ร่ำรวยเป็นเทน้ำเทท่า สามารถจินตนาการได้ว่า ตระกูลหูมีอิทธิพลมากเท่าไหร่

นายหญิงแก่และไท่กุ้ยเฟยนัดเจอกันที่ห้องส่วนตัวในชั้นแรกของร้านจู้เสียน ดอกไม้ต้นไม้ที่ปิดบังประตูของห้องส่วนตัวเอาไว้ อีกทั้งรอบๆ ก็มีคนคอยรักษาการณ์อยู่ แมลงวันเพียงตัวเดียวก็ยังเข้ามาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงคน

“ธุระที่ทำเป็นอย่างไรบ้าง?” กุ้ยไท่เฟยมองนายหญิงแก่ แล้วถามออกมา

นายหญิงแก่ตอบกลับอย่างระมัดระวัง “ไท่กุ้ยเฟยวางใจได้เพคะ ใกล้จะจัดการเรียบร้อยแล้ว หม่อมฉันมั่นใจว่าไม่ถึงห้าวัน ก็จะเกิดความวุ่นวายขึ้นแล้ว”

“ข้าไม่อยากรอนาน เจ้ารีบๆ จัดการหน่อยก็แล้วกัน” กุ้ยไท่เฟยกล่าวอย่างไม่พอใจนัก

“เพคะ” สายตาของนายหญิงแก่มีความชั่วร้ายไหลเวียนอยู่ “เรื่องนี้เกือบจะสำเร็จแล้ว แต่ว่าเหมือนทางฮองไทเฮา ยังไม่คิดจะรับสั่งลงมาเพคะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม