ตอนที่ 301 คืนวันแต่งงาน
ในชิงหนิงเก๋อ รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
ในคราวก่อนที่อาฝูบอกว่าเจ้าสาวคือเสี้ยหลีโม่ กุ้ยไท่เฟยไม่กล่าวอะไร ใบหน้าซีดเผือด
ใบหน้าของเจ้าสาวที่ปิดอยู่ ถึงเวลาเปิดผ้าคลุมเผยโฉม
เพียงต้องการซ่อนคนผู้นี้ คือนาง
ไทฮองไทเฮาต้องการปิดบังนาง รู้สึกว่าแม้นางอยู่ห่างจากโดยหาน และกังวลเรื่องในเมืองเช่นกัน
ทุกการกระทำของตน เกรงว่าจะตบตาเขาเอาไว้ไม่ได้
ความเก่งฉกาจของหญิงผู้นี้ นางอาบน้ำร้อนมาก่อนเขา
ราชสกุลมีอำนาจมากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะในไป๋เหนียนซือเจี้ย
ล้วนเคยติดตามนางมาก่อน แม้ว่าไม่อยู่ในวิหาร ไม่อยู่ในพระราชวัง อิทธิพลผลของนางยังคงอยู่
ผู้วิเศษที่ไม่อาจตายลงได้
ในสถานการณ์สำคัญนี้ นางไม่ได้เตรียมการต่อต้านอะไร ไม่ว่านางจะทำอันใด
วันนี้สิ่งใดล้วนไม่สามารถเป็นปรปักษ์กับผู้มีอำนาจผู้นั้นได้
เธอเดินต่อไม่สนใจสิ่งใดจนถึงต่อหน้าพระพักตร์ของไทฮองไทเฮา เงยหน้าขึ้น ต้องการมองดวงเนตรของไทฮองไทเฮาโดยตรง หากแต่สบตากับเพียงครู่ กลับรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง ดวงตานั้นราวกับฉาบไว้เดี๋ยวน้ำแข็งก็ไม่ปาน
อำนาจพรางตาทั้งหมด ภายในช่วงเวลาพริบตากลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า นางคุกเข่าลง “หม่อมฉันทูลเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮา”
ไทฮองไทเฮามิได้กล่าวสิ่งใด และไม่ได้อนุญาตให้นางลุกขึ้นมา ใช้เพียงสายตาจ้องมองนางเท่านั้น
ฮองไทเฮาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ต้องการให้ไทฮองไทเฮาสั่งให้นางลุกขึ้น
ชุนกงกงดึงแขนนางเอาไว้จากทางด้านหลัง แล้ววางลง ส่งสัญญาณไม่ให้นางพูดสิ่งใดออกมา
ผ่านไม่นาน ไทฮองไทเฮาจึงพูดขึ้นเรียบๆ “ลุกขึ้นเถอะ”
กุ้ยไท่เฟยหมอบคำนับ “ของพระทัยไทฮองไทเฮาเพคะ”
นางลุกขึ้น สองเท้าเกือบทรงตัวไว้ไม่อยู่ ร่างกายราวกับอ่อนยวบ เสื้อผ้าด้านหลังเปียกชุ่ม ติดกับแผ่นหลัง ทำให้นางรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว
กุ้ยไท่เฟยเข้าใจดี หากไทฮองไทเฮากลับมา
แผนที่นางวางไว้ทั้งหมด จะศูนย์เปล่า
สิ่งที่นางทราบดีนี้เกือบทำให้นางต้องพังทลายจนย่อยยับ หลายปีมานี้นางไม่เคยยอมแพ้ ไม่ว่าพบเจอกับการคัดค้านมากเพียงใด
นางไม่เคยคิดจะวางมือ แต่ ณ ขณะนี้นางเริ่มมีความคิดที่จะยอมแพ้ เพราะนางรู้ดี หากมารผู้นี้ไม่ไปไหน นางไม่สามารถทำการสำเร็จลุล่วงได้
มารศัตรูที่ไร้การต่อสู้นองเลือด นางยังจำได้ชัดเจน
เมื่อฝ่ายนี้ประลองอำนาจพละกำลัง ฝ่ายเจ้าสาวก็เกิดเสียงชอบพออึกทึกขึ้น
ในขณะเฉินหลิ่วหลิ่วกับเซียวโถ่เย้ยแหย่กัน ซือถูเย้นก็อุ้มเสี้ยหลีโม่ออกไปจากตำหนัก เสียงประทัดดังขึ้นในขณะที่กำลังอุ้มเจ้าสาวไป เหล่าขุนนางในราชสำนักที่อยู่ในตำหนักมาที่แห่งนี้เพื่อบรรเลงเพลงเช่นกัน หนุ่มสาววัยเยาว์ล้วนมาที่นี่เพื่อดูโฉมหน้าบ่าวสาวคู่ใหม่
ซือถูเย้นเดินออกมา ผู้คนเดินตามเช่นกัน ซือถูจิ้งยิ้มอยู่ข้างหน้าตำหนัก มองดูซือถูเย้นเดินออกไปไกล ยิ้มเบิกบานดั่งดอกไม้ แต่ในตากลับมีน้ำตาไหลออกมา
นางเคยฝันว่าจะได้เป็นเจ้าสาวเฉกเช่นเดียวกัน
เซียวเซียวหันไปมองโดยจิตใต้สำนึก ในแววตาอันว่างเปล่าของทั้งสองประสานกัน
ในใจเซียวเซียวเจ็บปวด เขารีบหนีไปพร้อมกับกองทัพของเขา
ท้องฟ้าเริ่มเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ โพล้เพล้บูชาฟ้าดิน สิ่งที่ไม่เคยได้พบได้เจอ
ในขณะเหลียงซื่อโห่ร้องยินดีกับบ่าวสาว ซือถูเย้นและเสี้ยหลีโม่บูชาฟ้าดิน และคำนับบิดามารดา
ไทฮองไทเฮา ฮองไทเฮา กุ้ยไท่เฟย และหลี่ซ่วยหยุ่นรับคำนับ
แท้จริงแล้วผู้ปกครองฝ่ายหญิงไม่ควรรับคำนับ แต่ไทฮองไทเฮากล่าวไว้ว่าวันนี้ไม่มีข้อห้ามอันใด
กุ้ยไท่เฟยยิ้ม ใบหน้าจริงจัง
คำนับบิดามารดาเรียบร้อย เหลียงซื่อมองเขาทั้งสอง กล่าวอย่างร่าเริง “สามีภรรยาทำความเคารพซึ่งกัน”
ทั้งสองหันเข้าหากัน ศีรษะของซือถูเย้นที่ปกปิดด้วยผ้าแดง ซ่อนใบหน้าสุขสมของนางเอาไว้ นางค่อยๆ โค้งคำนับ การคำนับครั้งนี้ แสดงถึงความยินดี
หลังจากคำนับ เหลียงซื่อกล่าวต่อ “สิ้นสุดพิธี ส่งตัวเข้าหอ”
ขลุ่ยซีตี๋ดังขึ้น บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสุข
ทุกคนล้วนยิ้มแย้ม ตื้นตันจนมิอาจเอ่ย ไทฮองไทเฮานั่งลง ใครเล่าจะไม่มีความสุข?
อดทนรอเปิดผ้าคลุมไม่ไหว กลับพบเขาหยิบหนังสือนั่นมาอ่าน ทั้งยังเพลิดเพลินไปกับมัน
นางส่งเสียงไอผ่านลำคอ ซือถูเย้นตกใจโยนหนังสือออกไป นางกล่าวออกไปราวกับกล่าวกับตนเอง “ใต้เท้าต้องเปิดผ้าคลุมก่อนนะเพคะ”
ซือถูเย้นนั่งลงบนเตียง ข้างๆ หลีโม่ สองมือถูวนอยู่บนหัวเข่า ทันใดนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งเปิดผ้าคลุมสีแดงของนางขึ้น เผยเสี้ยวหน้าขาวผ่อง
ซือถูเย้นส่งเสียงอืออึง “ลืมใช้ด้ามไม้ไผ่เสียแล้ว”
“อีกครั้งไหมเพคะ” หลีโม่มองเขา กัดฟันกล่าวด้วยอารมณ์ขุ่น
ซือถูเย้นจ้องมองนาง เอื้อมมือไปประคองใบหน้านาง “เสี้ยหลีโม่”
“ทำอะไรน่ะ?” หลีโม่กล่าวตอบอย่างไม่ชอบพอนัก
“เจ้าฟื้นคืนกลับมาจริงๆ” ดวงตาของเขาเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
“ข้าเป็นผีหรือ?” หลีโม่พูดเช่นนี้ แต่อารมณ์กลับเย็นลง
หัวใจมีบางสิ่งเติมเต็มขึ้นมาอย่างช้าๆ
ซือถูเย้นโอบกอดนางไว้ในอ้อมอก อ้อมแขนแกร่งโอบร่างของนางเอาไว้
โอบรัดจนหลีโม่แทบหายใจไม่ออก
“คราก่อนซูชิงว่าเอาไว้ ไทฮองไทเฮาเจ้าพูดกับเจ้าว่าเพียงเจ้าอภิเษก ข้าก็จะกลับมา ดังนั้นเจ้าจึงยอมแต่งงาน จริงหรือไม่?” หลีโม่ซบอยู่ที่อกของเขา
ฟังเสียงหัวใจเต้น ถามเพียงแผ่วเบา
“เจ้าเชื่อคำพูดของซูชิงหรือ?” ซือถูเย้นพ่นลมหายใจ
“อือ” หลีโม่พยักหน้า
ซือถูเย้นจ้องมองนาง กล่าวอย่างทีเล่นทีจริง “คำพูดของซูชิงและเซียวโธ่มิน่าเชื่อถือ คราก่อนเซียวโธ่ยังพูดกับข้าว่าก่อนที่เจ้าจะถูกกระแสน้ำวนพัดไป เคยฝากเขามาบอกกับข้าว่าเจ้าชอบข้า ข้าเชื่อได้หรือไม่?”
เขาพูดราวกับไม่เห็นด้วย หากแก่สายตาสีเข้มกลับจ้องมองที่หลีโม่ ดูท่าทีของนาง
หลีโม่นิ่งไปพักหนึ่งก่อนหัวเราะหึ “ถูกต้องแล้ว คำพูดของพวกเขาไม่น่าเชื่อ ล้วนพูดไปเรื่อยเปื่อย”
คำสารภาพรักเช่นนี้ ให้ตายนางก็จะไม่ยอมไม่พูดออกมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...