ตอนที่ 306 ฆ่าตัวตาย
เขาเงยหน้าจ้องมองอย่างเคียดแค้น “เสี้ยหลีโม่ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นบิดา
เหตุใดแกถึงอำมหิตเยี่ยงนี้”
หลีโม่แสยะยกมุมปาก “ไม่ผิดหรอก เจ้าคือบิดาของเสี้ยหลีโม่ แต่ไม่ใช่บิดาของข้า
หรือว่าเจ้าจะยังไม่ชิน? ลูกสาวของเจ้าโตขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว
เจ้าไม่เคยคิดสงสัยว่านางไม่ใช่คนเดียวกันหรอกรึ?”
หลี่ห้วยจุนมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา จะไม่เคยสงสัยได้อย่างไร?
หากแต่นางไปเคยห่างจวน และไม่มีผู้ใดมาแทนนางได้
กล่าวได้ว่ามิมีผู้ใดในใต้หล้านี้จะมีใบหน้าเหมือนกันได้ถึงสองคน
ดังนั้นเขาจึงมิได้คิดยึดติดอยู่ในความสงสัยต่อ
หลีโม่กล่าวอย่างโหดเหี้ยม “ความจริง เจ้าควรละอายแก่ใจต่อหลีโม่
เพราะนางไม่เคยแม้แต่จะทำร้ายเจ้ายังจำวันเดือนห้าครานั้นได้
หลิงหลงฮูหยินกับองค์รัชทายาทบีบบังคับนาง ทำร้ายนางจนสาหัสได้หรือไม่?
วันนั้นนางได้ตายลง ข้าสวมวิญญาณในร่างของนาง ข้ามาแก้แค้นแทนนาง เสี้ยงเสี้ย
วันนั้นเจ้าซ่อนตัวอยู่ไกลๆ
เฝ้าดูเลือดเนื้อเชื้อไขตนตายด้วยน้ำมือสนมของเจ้ากับตาของตน”
ริมฝีปากเสี้ยห้วยจุนสั่นเครือ ใบหน้าน่ากลัว “เจ้าพูดจาเหลวไหล
เจ้าอย่าคิดจะเรื่องหลอกลวงนั่นทำให้ความจริงสับสนใจ”
“เจ้าเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ นี่คือความจริง” หลีโม่ตอบไปเรียบๆ
“เจ้าชังลูกที่เจ้าให้กำเนิดมาตลอด แต่ที่จริงนางคือผู้ที่ควรเกลียดชังเจ้าที่สุด”
นางดึงปิ่นปักผมลงมา ปิ่นปักผมเล่มนี้ เป็นปิ่นทองคำหยาบโลน ไม่มีลวดลายใด
แวววาวไปทุกส่วน แต่กลับอัปลักษณ์ยิ่งนัก
“นี่เป็นปิ่นปักผมที่เจ้ามอบให้ลูกของเจ้าเมื่อคราวอายุเจ็ดปี เจ้ายังจำได้หรือไม่?”
เสี้ยห้วยจุนมองปิ่นปักผมในมือของนาง เขาจำไม่ได้
ลืมเสียสิ้นว่าตนเคยมอบของขวัญให้นาง
เดิมทีหลีโม่ไม่รู้ถึงเรื่องนี้ ก่อนนางมาที่นี่
ได้ไปพบตันชิงเสี้ยนจู่ไถ่ถามนางเสี้ยห้วยจุนเคยมอบสิ่งใดให้หลีโม่
ตันชิงเสี้ยนจู่นำปิ่นปักผมนี้ออกมา เล่าเรื่องหนึ่งกับนาง เรื่องนี้ที่ได้ฟัง
หลี่โม่ปวดใจไม่สิ้นสุด และมิอาจคลายความเกลียดชัง
“หยุดพูดเรื่องเหล่านี้เหลวไหลมั่วๆ ตามอำเภอใจเสีย หากวันนี้เจ้ามาดูเรื่องขบขัน
ก็คงดูจนสนุกมากพอแล้ว ไสหัวไปซะ!”
จำไม่ได้แล้ว? ดี ข้าจะเล่าให้ฟัง วันเกิดอายุ7ปีของนางวันนั้น
แขกผู้สูงศักดิ์มาเยือนจวน พวกเจ้ากำลังสนทนาอยู่ในโถงกลาง เพลานั้น
แขกผู้นั้นกล่าวว่าอยากพบหลี่ซ้วยหยุ่น เจ้าปฏิเสธอ้างว่านางไม่สบาย
ไม่ให้นางออกมาพบ หลังจากนั้นผู้มาเยือนผู้นั้นขอพบลูกของนางหลี่ซ้วยหยุ่น
เจ้ามิอาจปฏิเสธได้ จึงให้คนเรียกนางออกมา ตอนนั้นนางดีใจมาก
คิดไปว่าเจ้าจำวันเกิดนางได้ ออกมาด้วยความดีอกดีใจ
กล่าวกับแขกผู้นั้นว่าวันนี้เป็นวันเกิดของนางอย่างมีความสุข
ตอนนั้นเจ้าให้ชุ่ยยุ่นดึงปิ่นปักผมของสาวใช้อย่างลับๆ ทำเป็นของขวัญวันเกิดให้นาง
ครานั้นนางอายุเพียงเจ็ดปีความทรงจำของนางคือครั้งที่ดีรับของขวัญจากเจ้า
นางร้องไห้อย่างมีความสุขต่อหน้าแขกผู้นั้น
ในหัวของเสี้ยห้วยจุนปรากฏใบหน้าหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าแดงก่ำ นั้นยิ้มทั้งน้ำตา
ราวกับคนโง่
อย่างไรมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวในความทรงจำ เขาไม่จดจำเรื่องราวในครานั้น
หลีโม่ยิ้มเยาะ “หากเจ้ายังจำไม่ได้ หรือไม่เช่นนั้น
ข้ากล่าวนามของแขกผู้นั้นออกมา เจ้าคงจำได้
เขาเคยมาเยือนจวนเสี้ยงเสี้ยเพียงครั้งเดียว เขาก็คือท่านอ๋องของแคว้นต้าเหลียง
ซ่งอานหยาน
เสี้ยห้วยจุนจำได้ขึ้นมาทันที แน่นอนว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ตอนนั้นสายตานางมองเขาอย่างกระตือรือร้นราวกับว่ากำลังขอของขวัญ
แต่เขาไม่ได้เตรียมของขวัญใดไว้ ในส่วนลึกของเขาไม่แม้แต่จะจำวันเกิดของนาง
จึงแอบเรียก
เพื่อจะส่งให้นางออกไป จึงเรียกชุ่ยยุ่นกูกูหยิบปิ่นปักผมออกมาเล่มหนึ่ง
ใส่ไว้ในหีบใบหนึ่ง ผู้อื่นไม่ทราบว่าเป็นสิ่งใด
หากแต่หญิงสาวหยิบมันออกมาต่อหน้าซ่งอานหยาน ทำเอาเขาแทบขายหน้า
“นึกออกแล้วใช้หรือไม่? นึกออกแล้วล่ะสิ?” หลีโม่มองสีสีหน้าของเขา
ถามย้ำสองคำถาม
เสี้ยห้วยจุนจ้องนาง แววตาดุร้าย “เจ้าคิดทำอะไรกันแน่? เจ้าต้องการพูดสิ่งใด?”
เหลียงไท่ฟูผู้ที่เคยทอดสะพานให้เขาไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้อีกต่อไปแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมองเสี้ยหลีโม่ จ้องมองคนผู้นี้ เขาเกลียดจนยากจะลบล้าง
หากไม่ใช่นาง จวนเสี้ยงเสี้ยคงไม่ต้องถูกทำลายจนสิ้น
แต่อย่างไร หากไม่ใช่เพราะเสี้ยหลีโม่ตายไปแล้ว
นางจะสามารถสวมวิญญาณในร่างหลีโม่ได้อย่างไร เข้าไปในจวนเสี้ยงเสี้ย
สวมรอยพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัว?
เขาเริ่มรู้สึกว่าความปรารถนาบางอย่างนั้นมีสวรรค์เมตตา บางทีในโลกใบนี้ มีเพียง
‘แก้แค้น’ สองคำนี้เท่านั้น
เขากล่าวแผ่วเบา “ข้าขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง”
หลีโม่ตอบเย็นชา “พูดสิ!”
“หากที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริง โปรดอย่าปล่อยเฉินหลิงหลงและซือถูเย่ไป
ต้องแก้แค้นเพื่อนาง” เขากัดฟันพูด
หลีโม่รู้ดี เขามิได้แก้แค้นเพื่อเสี้ยหลีโม่
เขาต้องการให้เฉินหลิงหลงตายเพราะเฉินหลิงหลงทรยศหักหลังเขา
ถึงกับกล่าวว่าต้องการให้องค์รัชทายาทตายเสีย คือต้องการสู้กับองค์รัชทายาท
ไม่ว่าใครตาย เขาล้วนมีความสุข ทางที่ดีที่สุดคือพ่ายแพ้ลงทั้งสองฝ่าย
ไม่ว่าความประสงค์ของเขาคือสิ่งใด หลีโม่เข้าใจดีว่าตนต้องการจะทำสิ่งใด
ไม่ปล่อยเฉินหลิงหลงไปแน่ แม้แต่องค์รัชทายาทซือถูเย่ก็ตาม
นางจะส่งเขาเข้าคุกด้วยมือตนเองเช่นกัน
นางโยนปิ่นทิ้ง จ้องมองเสี้ยห้วยจุน “ปิ่นเล่มนี้เป็นสิ่งที่เจ้ามอบให้เสี้ยหลีโม่
บัดนี้ข้าส่งคืนให้เจ้า”
ก่อนนางจากไป ส่งสายตาแฝงความหมายมองเขาเพียงพริบตา
เสี้ยห้วยจุนละอาย
เขารู้ว่าประสงค์ที่นางทิ้งปิ่นปักผมคือต้องการให้เขาฆ่าตัวตาย
หากตัวเขาสิ้นไร้ความหวัง มีชีวิตอยู่ต่อเช่นนี้ราวกับตายทั้งเป็น
ฆ่าตัวตายถูกทิ้งเป็นร่างไร้วิญญาณ และจริงอย่างที่นางกล่าวทั้งหมด กฎหมายยังสามารถตัดสินโทษปลดยศเสี้ยงเสี้ยลงได้
แต่ซือถูเย้นยังปล่อยให้เขามียศฐา เพราะต้องการตัดสินโทษโดยยศเสี้ยงเสี้ย เช่นนี้ เกียรติยศสุดท้ายของตระกูลเสี้ยงเสี้ยงถูกเขาทำลายจนสูญสิ้น
ในท้ายที่สุดเขาก็กลายเป็นความอัปยศของตระกูลเสี้ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...