ตอนที่ 358 หลิวเยว่จอมเจ้าเล่ห์
นางให้เตาเหล่าต้าอยู่ดูแลอี้เอ๋อร์ แล้วพูดกับหลิวเยว่ว่า “เดินไปคุยกับข้าข้างๆ ได้หรือไม่?”
หลิวเยว่มองไปที่นาง นางเดินไปข้างๆ อย่างเงียบๆ ส่วนหลีโม่จึงเดินตามไป
“พวกเรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกัน” หลีโม่กล่าว
หลิวเยว่ส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่ใช่คนทำธุรกิจเพคะ”
“อี้เอ๋อร์นางป่วย และเป็นโรคที่รับมาจากมารดาใช่หรือไม่?” หลีโม่กล่าว
หลิวเยว่มองนางด้วยความแปลกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งตรวจชีพจรให้นาง!” หลีโม่กล่าว
หลิวเยว่พยักหน้า “หม่อมฉันจำได้ เจ้ารู้วิชาแพทย์ เจ้าจะบอกว่าเจ้าสามารถรักษาอี้เอ๋อร์ได้งั้นหรือเพคะ?”
เมื่อประโยคนี้พูดออกมา หลีโม่ก็รู้ว่านางคอยเฝ้าจับตาดูเรื่องเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงอยู่ตลอดเวลา
หลีโม่ส่ายหน้า “ข้าไม่ได้มั่นใจมากขนาดนั้นว่าจะสามารถรักษานางให้หาย แต่ว่าข้าสามารถรับประกันได้ว่าภายในสองปีนี้นางจะไม่มีอาการของโรคกำเริบขึ้นอย่างแน่นอน”
ในเทคนิคทางเข็มทองคำมีวิธีฝังเข็มที่ใช้รักษาโรคหัวใจ และแน่นอนว่าวิธีรักษามันซับซ้อนเกินไป อีกทั้งตอนนี้นางก็ยังไม่ได้ศึกษาอะไรเกี่ยวกับมันเลย
“สองปีงั้นหรือ?” หลิวเยว่ส่ายหน้า “ดูเหมือนจะไม่น่าดึงดูดใจเท่าไหร่”
“เช่นนั้น…” หลีโม่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา จากนั้นมองไปที่นาง “หากเจ้าไม่เห็นด้วย ข้าก็จะไปพูดกับซ่งรุ่ยหยางว่าเจ้าอยู่ในเมืองหลวง เจ้าอย่าได้คิดหนี เพราะอย่างไรเจ้าก็หนีไม่รอด หากมีการสั่งให้ปิดประตูเมือง เจ้าก็หนีไปไหนไม่ได้แน่นอน”
หลิวเยว่เบิกตากว้าง มองนางด้วยความตะลึง เป็นเวลานานมากนางถึงได้สบถออกมาประโยคหนึ่ง “เวรเอ๊ย เขาพูดอะไรบ้าง? พวกเจ้ารู้หมดแล้วใช่หรือไม่?”
หลีโม่พยักหน้า “ใช่ ส่วนใหญ่ก็รู้หมดแล้ว หากไม่ใช่ล่ะก็ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามีเขาละมั่งโลหิต”
หลิวเยว่พูดด้วยความโมโหว่า “เขาพูดว่าอย่างไรบ้าง?”
หลีโม่หัวเราะออกมา “เขาบอกว่ามีคนขโมยเขาละมั่งโลหิตไป และยังขโมยของอย่างหนึ่งที่สำคัญมากไปด้วย อย่างเช่นลูกอะไรแบบนั้น ถึงข้าไม่พูด เจ้าเองก็รู้ ในใจของเจ้าเองย่อมรู้ดี”
สีหน้าของหลิวเยว่พลันซีดเผือด “เขาพูดเช่นนี้หรือ? บอกว่าข้าขโมยลูกของเขาไปใช่หรือไม่?”
“อ่ะหะ!” หลีโม่พูดมาสองคำที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก
หลีโม่กระทืบเท้าอย่างรุนแรงเพราะความโกรธ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะมีลูก? และข้าก็ไม่ได้อยากจะมีด้วย ใครจะไปรู้ว่าข้าจะท้องล่ะ? หากไม่ใช่เพราะเขาให้คนตามสังหารข้า ข้าคงเอาเด็กออกไปนานแล้ว ใครอยากจะเก็บเอาไว้ล่ะ? หากเขาอยากล่ะก็ ก็เอากลับไปด้วยเถอะ”
หลีโม่แอบตกใจอยู่ในใจ ซ่งรุ่ยหยางยังส่งคนตามสังหารนางอีกหรือ?
เมื่อนางเรียบเรียงเหตุการณ์ครู่หนึ่งก็ได้รู้ข้อมูลทั้งหมด ประมาณว่าหลังจากทั้งสองเริ่มมีความสัมพันธ์กัน นางก็หนีออกมา และยังขโมยเขาละมั่งโลหิตกับของที่สำคัญมากอยากหนึ่งมาด้วย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ใจของเขาหรือเป็นที่ลูกของเขา ถึงได้ส่งให้คนตามล่าสังหารนาง? หากขโมยหัวใจไป ก็หมายความว่าซ่งรุ่ยหยางตกหลุมรักนางแล้ว ไม่มีทางตามสังหารนางเป็นแน่ แต่ว่าหากบอกว่าขโมยลูกไป นางเองก็บอกว่านางไม่รู้ว่าตัวเองจะมีลูก นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าตอนที่นางหนีออกมานางยังไม่รู้ว่านางกำลังท้อง เช่นนั้นซ่งรุ่ยหยางเองก็น่าจะยังไม่รู้เช่นเดียวกัน
“เขาไม่ยอมรับเรื่องที่เขาตามสังหารเจ้า” หลีโม่จงใจพูดเช่นนี้ก็เพื่อหยั่งเชิงเรื่องที่นางบอกว่าตามสังหารแท้ที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เขายังมรหน้าบอกว่าไม่ยอมรับอีกหรือ? ก็เขาเองที่ตามสังหารข้า ไปก่อเรื่องวุ่นวายที่สำนักงานขายเกลือพลิกฟ้าพลิกดินเพื่อตามหาข้า คนผู้นี้ช่างขี้เหนียวนัก ข้าไม่ได้นอนกับเขาแม้แต่ครั้งเดียวหรืออย่างไรหรืออย่างไร? ถึงขั้นต้องส่งคนมากมายขนาดนั้นมาสังหารข้า?” นางดึงแขนเสื้อขึ้น บนแขนของนางมีรอยแผลเป็นอยู่ที่หนึ่ง “นี่คือแผลที่ข้าถูกฟันตอนที่เขาตามล่าสังหารข้า หากไม่ใช่เพราะว่าข้าหนีออกมาก่อน คงตายไปนานแล้ว”
หลิวเยว่เอียงหัวจากนั้นก็หัวเราะออกมาครู่หนึ่ง “เจ้าทำไม่ได้หรอก เจ้ารู้ว่าหากเจ้าพูดไป ข้าจะทำลายเขาละมั่งโลหิตนั่นเป็นอย่างแรก ขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัว…ไม่สิ เรื่องทำลาย ข้าชอบที่สุดเลยล่ะ”
หลีโม่นึกไม่ถึงว่าเขาจะรับมือได้ยากขนาดนี้ ความคิดที่ชัดเจนขนาดนั้น เรื่องนี้คงยุ่งยากแล้ว
เมื่อข่มขู่ไม่ได้ ก็คงทำได้เพียงใช้ความรู้สึกแล้ว “ตอนนี้องค์หญิงใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตราย อีกเพียงไม่กี่วัน…”
หลิวเยว่พูดแทรกนางขึ้นมา “ไม่ต้องพูดอีก พูดจนท้องฟ้าพังทลายข้าก็ไม่ใจอ่อนหรอก เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าซ่งรุ่ยหยางมาที่นี่ทำไม? เขามาสู่ขอองค์หญิงใหญ่ไงล่ะ ไอ้คนที่มันส่งคนมาตามสังหารข้า แค้นใจยิ่งนัก ข้าจะไม่ให้เขาทำแผนชั่วร้ายสู่ขอสตรีที่งดงามผู้นั้นสำเร็จเด็ดขาด ”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว องค์หญิงใหญ่มีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว เขาคือแม่ทัพใหญ่เซียวเซียว”
“เซียวเซียวตายแล้ว แม่ว่าจะยังไม่ตาย แต่เซียวเซียวก็มีภรรยาแล้ว อีกทั้งยังเป็นไทฮองไทเฮาที่เป็นคนราชทานงานมงคลให้ นอกจากนางจะบังเอิญเดินมาตาบนถนน ไม่อย่างนั้น หากนางยังมีชีวิตอยู่ เซียวเซียวก็ไม่สามารถหย่าร้างกันนางได้” หลิวเยว่ทำราวกับว่าเจ้าอย่าคิดว่าข้าโง่
นางพูดต่ออีกว่า “อีกอย่าง องค์หญิงใหญ่จะชอบหรือไม่ชอบเขา ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือเขาชอบนาง หากสิบเอ็ดปีก่อนคนเช่นนี้มาตกอยู่ในกำมือของข้า ข้าจะต้องสับเขาให้เป็นหมื่นๆ ท่อนแน่นอน”
หลังจากนางพูดจบ ก็แทบจะกัดฟันกรอดๆ เพราะความแค้น
หลีโม่พูดด้วยความแปลกใจว่า “เจ้าเคยเกลียดเขามากขนาดนี้? เช่นนั้นก็ได้จังหวะเลยไม่ใช่หรือ? เจ้าก็ตรงไปหาเขา ตบตีเขาแรงๆ สักยกหนึ่ง แม้แต่องค์รัชทายาทเจ้าก็ยังกล้าตีมาแล้ว”
หลิวเยว่มองไปที่นาง จึงพูดอย่างมั่นใจว่า “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร? ที่ข้าตีองค์รัชทายาท ก็เพราะว่ามีเจ้าที่เป็นพระชายาอยู่ที่นี่ด้วย รู้ว่าเจ้าจะต้องดึงข้าเข้าพวกด้วย เพราะว่าข้ามีเขาละมั่งโลหิต เจ้าไม่มีทางให้องค์รัชทายาทจำข้าได้แน่นอน หากวันนี้เจ้าไม่มา ข้าก็จะมาพาตัวอี้เอ๋อร์ออกไป จากนั้นก็ไปหาอ๋องเหลียง ปลุกปั่นให้อ๋องเหลียงกับน้องชายของเขากลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน”
หลีโม่วาดตัวตัวอักษรขึ้นมาในใจชุดหนึ่ง “สมแล้วที่เป็นผู้ช่วยสำนักงานขายเกลือ ช่างมีประสบการณ์จริงๆ”
หลิวเยว่พูดว่า “ตอนนี้เจ้ามีเรื่องยุ่งยากกองใหญ่รอเจ้าอยู่ เมื่อกลับไปเมืองหลวง คาดว่าจะต้องเกิดเรื่องแน่นอน ดังนั้นข้าก็เลยไม่กลัวคำขู่ของเจ้า เจ้ายังต้องไปคิดวิธีว่าจะผ่านด่านองค์รัชทายาทกับอี๋เฟยไปได้อย่างไร เมื่อผ่านด่านนี้ได้แล้ว ค่อยมาถามเอาเขาละมั่งโลหิตกับข้า ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...