ตอนที่ 370 ฮองไทเฮามาประณาม
ซือถูเย้นกับหลีโม่คิดว่าอ๋องเหลียงยังอยู่พระตำหนักจิ้งหนิง กลับไม่รู้ว่าอ๋องเหลียงกำลังถูกพาออกไปทางประตูเหนือ
ไปถึงพระตำหนักจิ้งหนิง คนในวังก็มารายงาน ฮองเฮากำลังตามหาหลีโม่ เมื่อได้ยินว่านางมา จึงพูดขึ้นเสียงดังว่า “เรียกพวกเขาเข้ามา”
พานดานกำลังออกมาพอดี เห็นหลีโม่กับซือถูเย้น ลังเลอยู่แปบหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ท่านอ๋องเหลียงถูกฮองไทเฮาส่งออกจากวังไปแล้ว ท่านอ๋องเหลียงยืนยันที่จะกลับจวน”
ทั้งสองได้ยินพานดานพูด แล้วก็รีบจากไปอีก
หงฮัวออกมาเรียกทั้งสองคน พานดานกับบอกว่าพวกเขาไปแล้ว หงฮัวมองดูพานดาน แล้วพูดขึ้นเสียงเบาว่า “พานดาน เจ้าเป็นคนของฮองเฮาเหนียงเหนียง หวังว่าเจ้าจะจำไว้”
พานดานยกมือประสาน “ขอบใจแม่นางฮัวที่เตือน”
หงฮัวส่ายหัว หันตัวแล้วเดินเข้าไป
ฮองเฮาได้ยินว่าซือถูเย้นกับหลีโม่ไปอีกแล้ว จึงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ไม่กล้าสู้หน้าข้าหรือ? เจ้าเอาราชโองการของข้าไป ให้เสี้ยหลีโม่รีบมายังพระตำหนักจิ้งหนิง”
หงฮัวรับคำสั่งแล้วก็หันตัวออกไป
หงฮัวตามซือถูเย้นกับหลีโม่ไปไม่ทันอยู่แล้ว พวกเขาทั้งสองได้รีบออกจากวังไปยังจวนอ๋องเหลียงแล้ว
หงฮัวจะประกาศราชโองการ ก็ต้องตามไปยังจวนอ๋องเหลียง แต่ซือถูเย้นสั่งไว้ ไม่ว่าใครหากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามให้เข้าไปในจวน หงฮัวก็โดนกันไว้ให้อยู่ข้างนอก
ไม่รู้จะทำยังไง หงฮัวจึงบอกคนเฝ้าประตูไว้ แล้วก็กลับไป
หลีโม่เห็นบาดแผลอ๋องเหลียงตั้งแต่เอวลงมา น้ำตาไหลอาบแก้ม ตีได้โหดร้ายจริงๆ หากอ๋องเหลียงไม่มีกำลังไว้บ้าง หกสิบทีนี้ คงเอาชีวิตเขาไปแล้ว
ตั้งแต่เอวลงมา ทั้งเลือดทั้งเนื้อปนกันจนมัว เพราะใช้เส้นหวายโบย ดังนั้นจึงทำให้บาดแผลน่ากลัว บาดแผลมีเลือดไหลไม่หยุด หมอวังช่วยจัดการเพียงเบื้องต้น ที่จริงก็จัดการอะไรไม่ได้ เพราะบาดแผลทั้งใหญ่ทั้งเยอะ
เส้นหวายหนักโบยหกสิบที น่ากลัวว่ากระดูกก็คงได้รับความเสียหาย แต่ก็ตรวจไม่ได้ เขาทำได้เพียงนอนคว่ำอยู่แบบนี้ และเนื้อหนังที่ปรากฏให้เห็น ล้วนเป็นแผล แผลที่มีเลือดไหลอยู่
หลีโม่รู้จักแส้หวาย แต่ปกติแล้วแส้หวายไม่น่าโบยออกมาเป็นแผลแบบนี้นี่ นางถามซือถูเย้นด้วยเสียงสั่นว่า “แส้หวายทำไมถึงโบยออกมาเป็นแผลแบบนี้? แส้หวายไม่ใช่เอาหนามออกไปหมดแล้วหรือ?”
ซือถูเย้นกัดกรามพูดขึ้นว่า “แส้หวายหนักในวัง ล้วนมีหนาม หนามเหล็กสั้นมาก แต่ก็ชิดมาก เอาไว้ใช้สำหรับลงโทษคนในวังที่กระทำผิดใหญ่หลวง ฮองเฮาต้องการเอาชีวิตเขา”
“ชีวิตไม่รู้ว่าจะรักษาไว้ได้ไหม ขา........”หลีโม่ตัวเย็นเฉียบ กัดฟันจนมีเสียงดังไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรือเพราะกลัว
นางเป็นหมอมาหลายปี ไม่เคยเห็นบาดแผลแบบนี้ ชีวิตสามารถรักษาไว้ได้ ขาอาจจะรักษาไว้ไม่ได้
จะผ่านช่วงนี้ไปได้ อ๋องเหลียงจะต้องใช้สติอย่างมาก
นางค่อยๆเริ่มทำความสะอาดบาดแผล เพราะเป็นหนามเหล็กบนแส้หวาย หนามเหล็กพวกนี้ต้องไม่ผ่านการฆ่าเชื้อก่อนแน่นอน สนิมของหนามเหล็กก่อให้เกิดบาดทะยักได้ง่าย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะต่อให้ติดบาดทะยัก นางก็ไม่มีเข็มให้ฉีด
การรักษาในครั้งนี้เป็นการสูญเสียกำลังอย่างมาก ค่อยๆเล็มหนังกับเนื้อที่หลุดแล้ว แล้วทำการล้างแผลครั้งใหญ่ ทายา ขั้นตอนต่างๆนี้เจ็บปวดมาก อ๋องเหลียงที่สลบอยู่ก็ฟื้นขึ้นมา หลีโม่เห็นเขากัดฟันอดกลั้น จึงพูดขึ้นเสียงเบาว่า “เจ้าร้องออกมาเถอะ เจ็บก็ร้องออกมา”
“ไม่เป็นไร” ร่างเขาสั่นเทา เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ก็ยังคงทนอยู่
ที่จริงซือถูเย้นตั้งใจจะเข้าวังไปหาฮองเฮา แต่เห็นสภาพอ๋องเหลียงแล้ว เขาก็ไม่กล้าจากไป กลัวเกิดอะไรขึ้นแล้วจะไม่ได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
ระยะนี้ตระกูลซือถูเย้นเกิดเรื่องขึ้นมากมาย แรกเลยก็คือซือจู๋กูกู ต่อมาก็ซือถูจิ้ง ตอนนี้ก็เป็นอ๋องเหลียงซือถูเฮ่า ความเป็นความตายกับการเจ็บการป่วย ทำให้ความอดทนของซือถูเย้นจะถึงขีดสูงสุดแล้ว ตอนนี้เขาก็เหมือนกับชนวนระเบิด สามารถระเบิดได้ทุกเวลา
พอถึงเที่ยงคืน ก็เริ่มมีไข้สูง หลีโม่เตรียมยาฆ่าเชื้อกับยาลดไข้ไว้แต่แรกแล้ว เมื่อมีไข้สูงก็สามารถให้ดื่มยาได้ทันที แต่ดื่มยาลดไข้เข้าไปไม่ถึงชั่วโมง ไข้ไม่ลด กลับมีไข้สูงยิ่งกว่าเดิม
เพราะเขามีโรคลมชัก ดังนั้นหลีโม่กลัวไข้สูงจะทำให้โรคลมชักกำเริบ ไม่กล้าห่างเลยสักนิด เฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอด
ตอนกลางดึกซุนกงกงก็มาด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง ตรวจดูอาการแล้ว หลีโม่ก็บอกตามความจริง บอกว่าบางทีอ๋องเหลียงอาจจะผ่านช่วงนี้ไปไม่ไหว
ซุนกงกงทรมานใจเป็นอย่างมาก กลับวังไปรายงานฮองไทเฮา ฮองไทเฮาเสียใจเป็นอย่างยิ่ง พาซุนกงกงแล้วบุกไปยังพระตำหนักจิ้งหนิง
ฮองเฮานอนไปแล้ว แต่ก็ยังนอนไม่หลับ ได้ยินหงฮัวบอกว่าฮองไทเฮามากลางดึก จึงลุกขึ้นมาในการต้อนรับ ในใจโมโหยิ่งนัก
นางรู้ว่าอ๋องเหลียงมีวรยุทธ์ ดังนั้นจึงคิดว่าโดนโบยหกสิบที น่าจะสามารถทนได้ มากสุดก็แค่ไม่มีขาทั้งคู่
แต่นางลืมไปว่าตั้งแต่โรคลมชักอ๋องเหลียงกำเริบ ร่างก็ไม่ได้มาตลอด ใช้ยาเยอะเกินไป ร่างกายได้รับผลกระทบไปนานแล้ว โดนโบยไปหกสิบทีสามารถคร่าชีวิตเขาได้จริงๆ
“ท่านแม่มาค่ำขนาดนี้ มีธุระสำคัญอะไรหรือ?” ฮองเฮาย่อคำนับ และก็ไม่กล่าวทักทาย ถามขึ้นมาตรงๆเลย น้ำเสียงก็ฟังดูหงุดหงิดมาก
ฮองเฮามองดูนาง แววตาเยือกเย็น เย็นไปถึงกระดูก “สำหรับฮองเฮา ไม่น่าจะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร แต่สำหรับข้าแล้ว กลับเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากที่สุด”
ฮองเฮานั่งลงอย่างเกียจคร้าน ยื่นมือเช็ดตาที่แดงก่ำของตน คืนนี้นางนอนไม่หลับ และก็ร้องไห้ไปแล้วหลายรอบ ตอนนี้ในใจก็ยังหงุดหงิดยิ่งนัก ไม่อยากต้อนรับแม่ยายคนนี้
“เรื่องใหญ่โตอะไรมากมายก็ล้วนย่อมมีทางแก้ ท่านแม่พักผ่อนแต่เช้าดีก่อน พรุ่งนี้เข้าข้าจะไปเข้าเฝ้าเอง”
ฮองเฮาตบโต๊ะหนึ่งที ที่นั่งนางตอนนี้ ที่นั่งของนางก็คือที่นั่งของฮองเฮาเมื่อกลางวันนี้ นางก็ตบโต๊ะติดต่อกันไปสามที ตบโต๊ะเพราะโกรธอ๋องเหลียง
“ข้าแค่อยากเห็นว่าใจของเจ้าเป็นสีอะไร ลูกของตัวเองแท้ๆยังลงมือได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ หากเจ้าอยากให้เขาตาย มีดฟันลงไปก็จบ ทำไมยังต้องให้เขาต้องทรมานก่อนตายแบบนี้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...