พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 395

ตอนที่ 395 ผู้ใดยุติธรรมกับข้า

หานชีงชีวเพิ่งจะกลับมาถึงจวน ก็ได้ยินว่าพระชายาซื่อเจิ้งจะมาที่นี่ นางเงียบไปพักหนึ่งและกล่าวว่า “เชิญ”

หลีโม่พาเย้นเอ๋อร์กับเตาเหล่าต้าเข้ามาด้วย เมื่อหานชีงชิวเห็นหลีโม่ ก็ทำความเคารพตามกฎ “หม่อมฉันถวายพระ

พรพระชายาซื่อเจิ้ง”

“ฮูหยินไม่ต้องพิธีรีตองหรอก” หลีโม่มองไปที่นาง เห็นใบหน้าของนางไม่เศร้าหมอง สีหน้าแดงระเรื่อ มีกลิ่นเหล้าโชยออกมา น่าจะดื่มเหล้ามาหน่อยแล้ว

“พระชายาเชิญนั่ง” หานชีงชิวกล่าว

“ฮูหยินมีเหล้าหรือไม่? ข้าอยากจะดื่มเหล้ากับฮูหยินสักสองแก้ว” หลังจากหลีโม่นั่งลงก็เอ่ยถาม

หานชีงชิวตะลึงงันทันที “เหล้า?”

“ใช่ ข้ารู้สึกเหนื่อยไปหน่อย ดื่มแล้วคืนนี้จะได้หลับสบาย” หลีโม่ยิ้มแล้วพูดอย่างอ่อนโยน

หานชีงชิวรีบสั่งให้คนไปเตรียมเหล้ากับกับแกล้มเอาไว้ พ่อบ้านไปจัดการด้วยเอง

เหล้าดอกอบเชยที่เก็บไว้เป็นเวลานานเข้าปากง่าย กลิ่นหอมและรสชาติหวานอ่อนๆ

หลีโม่ดื่มไปหนึ่งแก้ว เมื่อเห็นว่าหลีโม่ยังนิ่งอยู่ จึงพูดขึ้นมาว่า “ฮูหยินไม่ให้เกียรติข้าหรือ?”

หานชีงชิวฝืนยิ้มออกมา “หม่อมฉันดื่มเหล้ามากไม่ได้เพคะ”

“ดื่มเถอะ” หลีโม่กล่าวด้วยความเย็นชา

หานชีงชิวได้แต่ยกเหล้าขึ้นดื่ม นางไม่อยากดื่มเพราะก่อนหน้านี้ดื่มไปแล้วหลายแก้วแล้ว อีกทั้งเสี้ยหลีโม่ก็เหมือนไม่ได้มาดี นางจึงอยากจะรักษาสติเอาไว้

“ไม่ทราบว่าวันนี้พระชายามา…”

“ดื่มเหล้า!” หลีโม่รินเหล้าให้นางด้วยตัวเอง “อยากหาเพื่อนดื่มเหล้า รู้ว่าฮูหยินยังไม่นอน ดังนั้นจึงมาหาฮูหยินเพื่อดื่มเหล้าสักสองแก้ว”

หานชีงชิวพูดว่า “หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเพคะ” ทว่านางกลับดูเหมือนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

ถูกหลีโม่รินเหล้าให้ติดต่อกันหลายแก้ว ท่าทางไม่เป็นธรรมชาติของนางก็หายไป

หลีโม่วางแก้วเหล้าลง เอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “จริงสิ ได้ยินมาว่าฮูหยินไปตำหนักองค์หญิงมาเมื่อเย็นวันนี้”

สีหน้าของหานชีงชิวเปลี่ยนไปทันที มองหลีโม่ด้วยความระแวดระวัง “เพคะ พระชายาทราบแล้วงั้นหรือ?”

“เจ้าไปได้ไม่นาน ข้าก็กลับมาแล้ว ไม่ทราบว่าฮูหยินไปทำอะไรที่ตำหนักองค์หญิงหรือ? ได้ยินที่ฉินจือบอกว่าเจ้าอยากจะพูดกับองค์หญิง แต่พอเห็นองค์หญิงเจ้าก็ไม่พูดอะไรสักคำ” หลีโม่เอ่ยถาม

หานชีงชิวเห็นนางถามออกมาตรงๆ เช่นนี้ ก็หลบเลี่ยงไม่ได้ง่ายๆ “เพคะ หม่อมฉันได้ยินว่าองค์หญิงเกิดเรื่อง จึงอยากจะไปเยี่ยมเยียนเพคะ”

“ข้ายังได้ยินมาอีกว่าวันพรุ่งฮองไทเฮาเรียกเจ้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าด้วย” หลีโม่ถามขึ้นมาอีก

หานชีงชิววางแก้วเหล้าลง มองไปที่หลีโม่ “พระชายา ท่านมีเรื่องอะไรอยากจะพูดก็พูดมาตรงๆ จะดีกว่านะเพคะ พูดอ้อมไปอ้อมมาหม่อมฉันฟังไม่เข้าใจเพคะ”

หลีโม่ยิ้มอย่างเย็นชา “ทุกคนต่างก็พยายามทำให้ฐานะตนก้าวหน้า เจ้าอยากจะเป็นนายคน ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้ แต่เพื่อที่เจ้าจะได้เป็นนายคน ต้องหักหลังองค์หญิงที่มีพระคุณต่อเจ้า ฆ่าหยาวจื่อที่รักเจ้าเหมือนพี่น้อง มันทำให้คนเดือดดาลยิ่งนัก เจ้ามีอะไรที่จำใจหรือ? อย่าพูดเหมือนตนบริสุทธิ์อะไรขนาดนั้น หานชีงชิว เมื่อทำสัญลักษณ์เอาไว้แล้ว ก็อย่าคิดตั้งอนุสาวรีย์ เจ้ายอมรับตรงๆ ข้าก็จะรับถือเจ้า แต่เจ้าทำเรื่องเห็นแก่ตัวเหล่านี้ และยังทำเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม แกล้งทำเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกทำร้าย ทำให้คนรังเกียจยิ่งนัก”

หานชีงชิวลุกขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแข็งกระด้าง “ดูเหมือนว่าหม่อมฉันกับพระชายาไม่มีเรื่องอะไรพูดกันแล้ว เชิญพระชายากลับไปเถอะเพคะ”

หลีโม่นั่งนิ่งไม่ขยับ เล่นแก้วเหล้าที่อยู่ในมือ พูดด้วยความเย็นชาว่า “เย็นวันนี้ที่เจ้าไปหาซือถูจิ้ง เพราะรู้สึกละอายใจใช่หรือไม่? ในใจของเจ้ามีสักครึ่งที่จะยอมถอยให้หรือไม่?”

“ไม่เพคะ” หานชีงชิวพูดอย่างเย็นชา “หม่อมฉันไม่มีความจำเป็นต้องถอย ไม่ผิด ตั้งแต่องค์หญิงเกิดเรื่อง ความจริงหม่อมฉันนอนไม่หลับทั้งคืน ข้าวก็ไม่อยากกิน หม่อมฉันคิดถึงเรื่องราวมากมายในอดีต องค์หญิงดีกับหม่อมฉันมากนั้นก็ไม่ผิด แต่ว่านางให้ในสิ่งที่หม่อมฉันต้องการไม่ได้ อีกทั้งหม่อมฉันก็พยายามปรนนิบัตินางอย่างเต็มที่มาหลายปี เย็นวันนี้ หม่อมฉันอยากจะไปเยี่ยมนาง หม่อมฉันอยากจะดูว่าตัวเองเสียใจภายหลังหรือละอายใจหรือไม่? แต่ว่าเมื่อหม่อมฉันเห็นนางสวมชุดแต่งงาน ในใจของหม่อมฉันก็เจ็บปวดยิ่ง พระชายารู้หรือไม่ว่าทำไมหม่อมฉันถึงเจ็บปวด? เพราะว่าหม่อมฉันก็เคยใส่ชุดแต่งงานเหมือนกันกับนาง แล้วได้แต่งงานกับที่หม่อมฉันรัก แต่ในคืนแต่งงานวันนั้น เขาเผาชุดแต่งงานของข้าแล้วบอกว่าข้าทำให้ชุดแต่งงานนี้ด่างพร้อย ดังนั้น ในตอนที่เห็นองค์หญิง หม่อมฉันก็คิดถึงเรื่องที่หม่อมฉันเจอมา พวกท่านคิดว่าองค์หญิงบริสุทธิ์ แล้วหม่อมฉันเล่า? หรือหม่อมฉันไม่มีค่าพอให้สงสารเลยงั้นหรือ? หม่อมฉันรักเซียวเซียวมาสิบกว่าปี ในใจของหม่อมฉันไม่เคยมีชายอื่น แต่เขาแม้แต่จะมองหม่อมฉันสักครั้งก็ยังไม่ยอม พวกท่านเคยสงสารหม่อมฉันบ้างหรือไม่?”

นางพูดออกมาแล้ว และยังไม่ยอมหยุด พูดต่อด้วยความเศร้าใจว่า “หลายปีมานี้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ชายแดนหรือกลับมาเมืองหลวง ในใจเขาไม่มีหม่อมฉันอยู่ในนั้นเลย ข้าเคยคิดว่าขอเพียงให้ข้าได้เฝ้ารักษาอย่างเงียบๆ สุดท้ายเขาจะต้องรู้ถึงความดีของข้า และสุดท้ายเขาต้องลืมองค์หญิงไปในที่สุด ข้ารออย่างไร้เดียงสา รอมาสิบเอ็ดปี แต่รอแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง? พวกเขาพยายามฆ่าตัวตายทั้งคู่ เขายอมตายไปกับองค์หญิง และไม่ยอมอยู่กับข้า มีใครให้ความยุติธรรมกับข้าได้บ้าง? พวกท่านล้วนแต่โทษข้า ล้วนว่าข้าเป็นคนเลว ข้าขอพูดอย่างสำนึกผิด คนที่ข้าอยากขอโทษมีเพียงหยาวจื่อ แต่ข้าไม่ขอโทษองค์หญิง หากไม่ใช่ข้าก็เป็นคนอื่นอยู่ดี นางมีความสามารถไปหาฮ่องเต้ มาทำให้ข้าลำบากทำไม?”

“พูดอีกอย่างก็คือแม้ว่าพรุ่งนี้ ฮองไทเฮาจะเรียกเจ้าเข้าเฝ้า เจ้าก็ไม่มีทางยอมถอยใช่หรือไม่?” หลีโม่เอ่ยถาม

“ไม่มีทาง ไม่มีทางเด็ดขาด งานแต่งงานนี้เป็นฮองไทเฮาที่ประทานให้ และเป็นไปไม่ได้ที่นางจะบังคับข้า” หานชีงชิวรู้สึกฮึกเหิม นางจ้องไปที่หลีโม่ “พระชายาเอาก็เลิกคิดใช้ความตายของหยาวจื่อมาขู่หม่อมฉันให้ยอมถอยได้แล้ว หม่อมฉันไม่มีทางยอมแน่ เรื่องนี้ไม่มีหลักฐานอะไร ตอนนี้ใครก็ตรวจหามันไม่เจอ หากตรวจเรื่องนี้ก็จะลากฮ่องเต้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หม่อมฉันไม่ใช่คนโง่ หม่อมฉันรู้ดี ดังนั้นพระชายาอย่าคิดมาขู่หม่อมฉันเลยเพคะ”

สีหน้าของหลีโม่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ยังคงนิ่งสงบและเย็นชาเช่นเคย นางลุกขึ้นมา “เจ้าพูดถูก ความจริงแล้วพวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว คิดซะว่าวันนี้ข้าไม่ได้มา”

พูดจบ นางก็เดินไปอย่างรวดเร็ว เย้นเอ๋อร์กับเตาเหล่าต้าก็รีบเดินตามไป

เมื่อออกมาจากประตูจวนแม่ทัพใหญ่ หลีโม่ก็กำชับเตาเหล่าต้าว่า “คืนนี้เจ้าจับตาดูอยู่บนหลังคา ซ่อนตัวเอาไว้ให้ดี หากมีนักฆ่าเข้ามา ไม่ต้องช่วยนาง ให้นางตายไปซะ”

“คุณหนูใหญ่รู้ว่าวันนี้จะมีนักฆ่ามาหรือขอรับ?” เตาเหล่าต้ารู้สึกตกใจ

“กุ้ยไท่เฟยไม่มีทางให้นางเข้าวังอย่างแน่นอน นางกลัวว่าหานชีงชิวจะยอมประนีประนอม ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือฆ่านางซะ ทำเช่นนี้นางก็จะกลายเป็นฮูหยินของแม่ทัพตลอดกาล ที่ข้ามา แค่อยากจะมาดูว่านางคุ้มค่าให้ช่วยเหลือหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่านางไม่คุ้มค่าพอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม