พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 438

ตอนที่ 438 ท่านอ๋องบอกต้องแย่งชิง

เมื่อฮองไทเฮาคิดมาถึงตรงนี้จึงพูดว่า “ความจริงแล้วฮ่องเต้ไม่ได้เป็นแผลหน้าผี มันเป็นเพียงข่าวลือ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

ความจริงแล้วกุ้ยไท่เฟยไม่ได้อยากพูดถึงส่วนนี้ นางไม่ได้ยอมให้ซุนฟางเอ๋อร์รักษาอาการประชวรให้ฮ่องเต้ หากเรื่องที่ฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นแผลหน้าผีนั้นคือเรื่องจริง หรือว่านางอยากได้หน้าขนาดนั้นถึงขั้นไม่สนใจความเป็นความตายของฮ่องเต้?

ถึงแม้นางจะปฏิเสธ พวกนางก็ย่อมพูดอะไรอีกไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ดอกผลมาบ้าง สามารถโบยเย้นเอ๋อร์เจ้าเด็กนั่นจนตายได้ ก็นับว่าได้ตบหน้าเสี้ยหลีโม่แล้ว

หลังจากกุ้ยไทเฟยจากไปได้ไม่นาน ฮองไทเฮาก็รีบสั่งซุนกงกง “เจ้ารีบออกจากวังไปหาท่านอ๋องให้นำตัวเสี้ยหลีโม่เข้ามาในวัง”

“แต่ว่าเมื่อครู่ท่านเพิ่งจะบอกว่าไม่อยากให้ท่านอ๋องพาตัวพระชายาเข้ามาไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? เข้าวังมาคราวนี้ เกรงว่าจะไม่ได้ออกไปอีกนะพ่ะย่ะค่ะ” ซุนกงกงกล่าว

ฮองไทเฮาส่ายหน้า “ไม่ เจ้ายังจำที่เหล่าชีพูดได้หรือไม่? เขาบอกว่าหลีโม่สามารถรักษาแผลหน้าผีได้ ในตอนนั้นข้าไม่เชื่อ แต่ถ้าหากแม้แต่ซุนฟางเอ๋อร์ก็ยังสามารถรักษาได้ เช่นนั้นหลีโม่ก็ต้องทำได้”

“ท่านจะบอกว่าพระชายารักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ได้อย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ซุนกงกงคิดไม่ถึงจริงๆ เดิมทีนึกว่านางจะใจอ่อนให้ซุนฟางเอ๋อร์นักษาอาการประชวรฮ่องเต้ เพราะถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้นางก็ลังเลใจจริงๆ

ฮองไทเฮายิ้มอย่างเย็นชา “กุ้ยไท่เฟยมีความคิดเช่นไร ความจริงแล้วข้ารู้ดีมากกว่าใคร วันนี้รีบเข้าวังมาเพื่อเสนอตัวซุนฟางเอ๋อร์คนชั่วผู้นั้น ยากที่จะรับประกันว่าที่นางมานั้นไม่ได้มีใจคิดร้าย แม้ข้าจะสับสนมึนงง แต่ก็อยากรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ เจ้าคิดว่าข้าจะเลือกใครระหว่างหลีโม่กับซุนฟางเอ๋อร์?”

ซุนกงกงยิ้มแย้มขึ้นมา “หรือว่าเมื่อครู่นี้ฮองไทเฮาตั้งใจแสดงละครให้กุ้ยไท่เฟยดู?”

“ไม่ใช่การเล่นละคร ข้าเพียงอยากฟังว่าพวกนางจะพูดอย่างไร และโรคแผลหน้าผีนี้ ข้าก็เข้าใจมันไม่มากนัก ถามวิธีการรักษาของซุนฟางเอ๋อร์ ก็สามารถให้หลีโม่ได้ศึกษาค้นคว้า”

“เช่นนั้น เรื่องนี้ท่านเชื่อจริงๆ หรือไม่ว่าพระชายาเป็นคนปล่อยออกไป? หากไม่ใช่ การโบยให้สาวใช้ผู้นั้นตาย ก็เท่ากับนางไม่ได้รับความเป็นธรรมนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮองไทเฮายิ้มแย้มพูดว่า “เจ้านี่ช่างคร่ำครึจริงๆ ทำไมเพียงเท่านี้ก็ยังดูไม่ออก? ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งมีกุ้ยไท่เฟยเป็นนายหรือ? แม้ว่านางจะเป็นนาย นางกำนัลผู้นั้นเป็นสาวใช้มาพร้อมกับหลีโม่ตอนแต่งงาน ยังไม่ถึงตานางที่ต้องลงโทษ เมื่อครู่นี้ข้าเพียงบอกให้นางลงโทษ แต่ข้าก็มีราชโองการไปแล้วไม่ใช่หรือ? หากไม่มีคำสั่งของข้า เช่นนั้นก็เป็นเรื่องครอบครัวของตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งแล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ พูดเช่นนี้ก็ไม่ผิด ทว่าฮ่องเต้มีราชโองการให้โบยพระชายาจนสิ้นใจ ท่านจะพูดโน้มน้าวฮ่องเต้ให้พระชายามารักษาอาการป่วยได้อย่างไร?” ซุนกงกงกังวลกับปัญหานี้

“ไม่จำเป็นต้องพูดโน้มน้าวให้หมอหลวงใช้ยากับเขาเล็กน้อย ตอนที่หลีโม่รักษา มันจะทำให้เขาหลับ” ฮองไทเฮากล่าว

ซุนกงกงพยักหน้าอย่างพอใจ “ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงประชวรจึงยังเลอะเลือนอยู่ ฮองไทเฮาช่วยตัดสินใจก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมควร”

ครั้งนี้ซุนกงกงออกจากวังไปหาซือถูเย้นด้วยตัวเอง

ซือถูเย้นได้ฟังสิ่งที่ซุนกงกงพูดมา ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาคิดเอาไว้แล้ว “ได้ เจ้ากลับไปกราบทูลเสด็จแม่ ครั้งหน้าข้าจะพาหลีโม่เข้าวังไปด้วย”

ซุนกงกงเห็นซือถูเย้นไม่ได้มีความแปลกใจแม้แต่นิดเดียว จึงอดแปลกใจไม่ได้ “ท่านอ๋องคิดเอาไว้นานแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ซือถูเย้นยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาอย่างแปลกประหลาด “ข้าไม่ได้คิดเอาไว้หรอก แต่เรื่องก็ควรจะเป็นไปอย่างนี้อยู่แล้ว ซุนกงกงคิดว่าเช่นนั้นหรือไม่?”

ซุนกงกงอุทานออกมา “เป็นเช่นนี้ไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ”

แต่ซุนกงกงก็บอกไม่ถูกว่าตรงไหนที่ผิดปกติ เหตุใดท่านอ๋องเหมือนมีแผนในใจ?

หลังจากซูนกงกงจากไป ซือถูเย้นจึงไปปล่อยหลีโม่ออกมาจากคุกด้วยตัวเอง ทั้งยังบังคับให้นางดื่มน้ำส้มสายชูอีกหนึ่งอึก เมื่อได้เห็นนางได้กลิ่นน้ำส้มสายชูแล้วเหมือนจะอ้วก เขาจึงยิ้มอย่างเบิกบานใจ

“ประสาท!” หลีโม่สบถด่าในใจ

ทั้งสองคนเพิ่งจะออกมา มามาก็เข้ามาอย่างรีบร้อน “ท่านอ๋อง พระชายา แย่แล้วเพคะ กุ้ยไท่เฟยพาตัวเย้นเอ๋อร์ไปแล้วเพคะ”

“แม้แต่ราชโองการของฮองไทเฮาเขาก็ขัดขืนเชียวหรือ? เขาช่างกล้าดีนัก” กุ้ยไท่เฟยพูดอย่างเดือดดาล

“กระหม่อมไม่รู้อะไรมากขนาดนั้น เพียงทำตามคำสั่ง” กล่าวจบ ก็ยกมือคำนับก่อนจะยกมือขึ้นพาตัวเย้นเอ๋อร์จากไป

อ๋องหนานหวยที่ไม่พูดไม่จามาตลอด มองดูจิ่นเฉิงพาตัวเย้นเอ๋อร์จากไป ถึงได้ชำเลืองมองกุ้ยไท่เฟยอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าในตำหนักนี้เสด็จแม่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลยแม้แต่ครึ่งเดียว”

กุ้ยไท่เฟยกล่าวด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ “พวกเราสองแม่ลูก เพียงอาศัยใต้ชายคาผู้อื่นเท่านั้น เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าเท่าไหร่”

อ๋องหนานหวยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ลูกยังกลับไปที่แคว้นเหลียงได้ ใช้ชีวิตร่ำรวยของข้า หากท่านแม่อยู่ในตำหนักอ๋องนี้ต่อไป สุดท้ายท่านก็จะกลายเป็นผู้อาศัยใต้ชายคาผู้อื่นจริงๆ ท่านแม่ควรวางแผนให้ดีกว่านี้หน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

กุ้ยไม่เฟยจะไม่รู้ได้อย่างไร? แต่ลูกของนางหนีออกจากวัง ในฐานะที่นางเป็นมารดา ย่อมต้องตามเขาออกไป มีหรือจะยอมตายอยู่ในวัง?

“กุ้ยไท่เฟยไม่ต้องโมโหไป โมโหแล้วทำให้สุขภาพไม่ดีเพคะ” ซุนฟางเอ๋อร์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสงบ “ตำแหน่งของกุ้ยไท่เฟย ก็มีเพียงท่านคนเดียว ท่านต้องรักษาสุขภาพให้ดี ร่างกายฮองไทเฮาไม่ค่อยดีนัก หากเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด ในฐานะที่ท่านตำแหน่งสูงสุด เรื่องวังหลังก็ต้องเป็นท่านที่เป็นไท่กุ้ยเฟยจัดการ”

ไม่กุ้ยเฟยมองซุนฟางเอ๋อร์ ในใจพลันสั่นไหวขึ้นมาอย่างฉับพลัน มันคือหันทางแห่งแสงสว่างโดยไม่ต้องสงสัย

นางอยู่ในตำหนักแห่งนี้เพราะไม่ทางจะมีชีวิตอยู่ได้ ที่นี่เป็นตำหนักของอ๋องซื่อเจิ้ง ความกตัญญูของบุตรชาย นางก็คือคนในครอบครัวของตำหนักนี้ แต่ตอนนี้ลูกชายไม่กตัญญู แม้แต่อำนาจของนางจะจัดการคนยังไม่มี

เหตุใดนางถึงต่ำต้อยเพียงนี้?

“เจ้ามีวิธีอะไรดีๆ บ้างล่ะ?” กุ้ยไม่เฟยเอ่ยถาม นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำถามนี้จะทำให้การเดินบนเส้นทางแห่งความตายยิ่งเดินยิ่งไกลออกไป อย่างน้อยก็ถึงขั้นเอาชีวิตนางไปได้เลย

ซุนฟางเอ๋อร์ยิ้มบางๆ “เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ ตำหนักท่านอ๋องมีเสี้ยหลีโม่ ท่านต้องออกหน้ากำจัดเสี้ยหลีให้ได้ แต่ฆ่าเสี้ยหลีโม่แล้ว กลับยังมีตำแหน่งพระชายา ส่วนวังหลัง...ฟางเอ๋อร์ไม่อยากพูดอะไรมาก กุ้ยไม่เฟยก็น่าจะพอคิดออก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม