ตอนที่ 462 ความโหดร้ายของการสถาปนาสายเลือดย่อยขึ้นบัลลังก์
ฮองไทเฮามีราษฎรรักมากมาย นางสิ้นพระชนม์ ก็มีประชาชนอาลัยให้นางจำนวนมาก
หลีโม่ไม่มีวิธีตรวจดูหนอนพิษของฮองไทเฮา เพราะว่า พระศพของฮองไทเฮาจะต้องไม่ถูกมีดผ่าเด็ด ไม่เช่นนั้น ถึงแม้นางจะตรวจพิษพบ แต่ก็ไม่อาจจะสืบไปยังตัวกุ้ยไท่เฟยได้ เพราะว่า กุ้ยไท่เฟยวางยาพิษชนิดนี้ไม่เป็น ส่วนซุนฟางเอ้อร์ก็ไม่ได้เข้าวังมานานแล้ว
เรื่องนี้ ได้แต่วางไว้ก่อน วันหลังค่อยกลับมาสืบใหม่
อ๋องหนานหวยก็ไม่ได้เดินทางกลับ แต่ใส่ชุดผ้าป่านหยาบสีขาวไว้ทุกข์เข้าวังไปโขกศีรษะคำนับพระศพ และร้องไห้ดั่งเช่นเหล่าขุนนางและกุ้ยไท่เฟย ร้องไห้ไปมา ก็เอาหัวไปพุ่งชนเข้าหีบพระศพของฮองไทเฮา ไม่ตาย แต่สลบไป
เหล่าขุนนางเห็นอ๋องหนานหวยเศร้าโศกเช่นนั้น ขุนนางที่ไม่รู้เรื่องก็คิดว่าเขานั้นกตัญญูมาก ต่างก็พากันชมเชยยกใหญ่ แล้วก็สรรเสริญกันในหมู่ราษฎร
เรื่องที่ฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์ไม่อาจจะปิดบังฮ่องเต้ได้ ในขณะที่ฮ่องเต้เสียพระทัย อาการป่วยก็ทรุดลง
วันที่จะฝังพระศพฮองไทเฮา ฮ่องเต้ก็เรียกอ๋องทั้งหลายและซือถูเย้นเข้าเฝ้า จะปรึกษากันเรื่องเลือกองค์รัชทายาท
อ๋องหนานหวยได้แบ่งศักดินาไปครองเมืองตนเองแล้ว แต่การกระทำที่ดูเหมือนจะกตัญญูต่อฮองไทเฮานั้น ทำให้ขุนนางไม่จำนวนมากรวบรวมรายชื่อให้อ๋องหนานหวยอยู่ไว้ทุกข์ในเมืองหลวงต่อ
ดังนั้น ตอนที่ฮ่องเต้เรียกประชุมเหล่าท่านอ๋องทั้งหลาย อ๋องหนานหวยก็มาด้วย
อ๋องเย่ตงมีวัยวุฒิสูงสุด ได้เสนอรายชื่อผู้ที่สมควรเป็นองค์รัชทายาท เขาเสนออ๋องเหลียง
ครั้งนี้ อ๋องอานชินและอ๋องหลี่ชินเห็นด้วย
อ๋องหนานหวยและอ๋องเป่ยฉวนเสนอลูกชายของอี๋เฟย โอรสองค์ที่7ของฮ่องเต้
ทั้งสองฝั่งสูสีกัน ชนะกันไม่ลง ฮ่องเต้มองมาทางซือถูเย้น “เจ้ามีใครที่เหมาะสมไหม?”
ทุกคนหันมามองซือถูเย้น จริงๆทุกคนก็รู้ว่าซือถูเย้นกับอ๋องเหลียงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ช่วงนี้เขาก็ผลักดันอ๋องเหลียงไม่น้อย ดังนั้น ทุกคนก็คิดว่าเขาจะเสนออ๋องเหลียง
จากนั้น ไม่นึกว่าเขาจะพูดออกมาประโยคหนึ่ง “องค์ชายเจ็ดของหมุยเฟย ซือถูเย้น ยังทรงพระเยาว์ ทั้งยังฉลาดหลักแหลม หม่อมฉันขอเสนอเขา”
ครั้งนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นมา แม้กระทั่งอ๋องหลี่ชินก็ยังพูดว่า “อย่าเลย ปีก่อน ก่อนที่จะส่งไปเรียนหนังสือ ได้ให้ราชครูไปสอนเรื่องวรรณกรรมและขี่ม้ายิงธนู อาจารย์ทุกคนบอกว่าเขาดื้อรั้น ไม่ฟังความ ต่อมาได้มาเรียนในโรงเรียนหลี บอกว่าถึงแม้เขาจะฉลาดอยู่บ้าง แต่ไม่ทำตามหลักการ มีความคิดผิดแปลก เป็นใหญ่ได้ยาก ครั้งที่แล้วก็เลือกผิดมาทีหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ห้ามเลือกผิดอีก”
ซือถูเย้นมองอ๋องหลี่ชิน “ครั้งก่อนฮองไทเฮาบอกว่าพี่สามเป็นไม้แก่ทำดีไม่ได้ สุดท้ายก็ได้ดีไม่ใช่หรือ?”
อ๋องหลี่ชินอึ้งไป “ฮองไทเฮาพูดตอนไหน? ทำไมข้าไม่รู้เรื่องเลย? เจ้าพูดมั่ว”
“ไม่ได้มั่ว ทุกคนล้วนรู้ดี ” ซือถูเย้นกล่าว
อ๋องอานชินขมวดคิ้ว “ไม่น่าใช่ ฮองไทเฮาบอกว่าเขาเป็นก้อนหินในบ่ออุจจาระ ทั้งเหม็นทั้งหัวแข็ง”
“ไม่ ไม่ใช่” อ๋องเย่ก็พูดขึ้นบ้าง “ฮองไทเฮาบอกว่า เขาแก่ตั้งแต่เด็กๆ”
อ๋ฮงหลี่ชินหน้าเสีย “นางบอกว่าข้าเป็นคนสุขุมตั้งแต่เด็ก ภายภาคหน้าจะได้ดี”
“ใช่ ได้ดีทางโง่เขลา!”
ฮ่องเต้เองก็หัวเราะ คิดถึงช่วงเวลาสมัยหนุ่มๆ มีเรื่องอะไรก็มีฮองไทเฮาคอยช่วยเหลือ นางยังอยู่ ฟ้าก็ไม่ถล่มลงมา
คุยกันไปสักพัก หลีโม่ก็เข้ามา “วันพรุ่งนี้ค่อยมาปรึกษากันใหม่ ฮ่องเต้จะพักผ่อน”
ข้อแรก ร่างกายฮ่องเต้ไม่ค่อยดี ข้อสอง วันนี้ก็คุยกันไปมากแล้ว ทุกคนมาใกล้ฮ่องเต้ เดี๋ยวจะมองเห็นอะไรเข้า
ซือถูเย้นกล่าว “ใช่ๆ กลับกันไปก่อนดีกว่า วันพรุ่งนี้ค่อยคุยใหม่”
“เรื่องของเขา ข้ารู้มาพอสมควร อาจารย์ที่เคยสั่งสอนเขา ล้วนส่ายหน้าหนีกันหมด บอกว่าอนาคตเขาจะเหมือนอ๋องเย่ ข้าไม่อาจจะฝากแผ่นดินไว้กับเขาได้ ” ฮ่องเต้พูดอย่างจริงจัง
“ฝ่าบาท สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น รอท่านอาการดีขึ้นหน่อย เดี๋ยวกระหม่อมจะพาท่านไปดูที่ห้องหนังสือ” ซือถูเย้นยิ้ม “เมื่อก่อนกระหม่อมก็ได้ยินว่าเขาดื้อรั้น ก็เลยให้หลีโม่คอยสอดส่องดู จากนั้นหลีโม่ก็ชมเชยอย่างมาก กระหม่อมก็เลยไปตรวจสอบเอง นิสัยของเขา ทำให้กระหม่อมนึกถึงคนหนึ่ง”
“ใคร?” ฮ่องเต้ตาเป็นประกาย แล้วถาม
“คือฝ่าบาท”
“ข้าหรือ?” ฮ่องเต้นิ่ง แล้วก็บ่นๆออกมา “หลอกด่าข้าหรือเปล่า? ข้าไม่เหมือนเขาหรอก เมื่อก่อนตอนที่ข้าอายุเท่าเขา อาจารย์นี่ชื่นชมข้าไม่ขาดปาก”
“นั่นเป็นเพราะว่า ตอนนั้นท่านถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทแล้ว แล้วยังเป็นลูกคนโตของฮองเฮา”
ฮ่องเต้มองเขา “ความหมายของเจ้าคือ พวกเหล่าอาจารย์ดูถูกชาติกำเนิดของเขา? เขาก็ไม่ธรรมดานะ แม่เขาก็เป็นนางสนม ”
“เป็นนางสนม แล้วก็เป็นองค์ชายด้วย ชาติกำเนิดไม่ต่ำต้อย แต่ว่า ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ฮ่องเต้ในอนาคต ดูไปแล้วเหมือนไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ความจริงมันต่างกันราวฟ้ากับเหว ท่านพี่ ท่านก็น่าจะรู้ดี เวลานั้นท่านเป็นองค์รัชทายาท ดังนั้นสิ่งที่ท่านเสนอต่างกับราชครูพวกนั้น ก็กลายเป็นความคิดที่สมเหตุสมผล แต่ว่าในขณะที่เย้นเอ๋อร์กระทำเช่นเดียวกับท่าน กลับถูกมองว่าดื้อรั้นไม่ฟังความ”
ฮ่องเต้ครุ่นคิด “ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็อยากจะทดสอบเจ้าเด็กนี่ดูเสียหน่อย วันหลังถ้าข้ามีแรงดี เจ้าก็เอาตัวเขามาที่นี่ก็แล้วกัน”
“ได้เลย รอท่านมีแรงหน่อย กระหม่อมจะพาเขามา ”ซือถูเย้นยิ้ม แต่ความกังวลยังเต็มอก ฮ่องเต้จะมีวันที่ดีกว่านี้ไหมนะ
ผ่านเรื่องฮองไทเฮาไป เขาแย่ลงมาก แม้หลีโม่เองก็รักษายาก
โดยเฉพาะวันนี้ที่ประชุมกัน เขาเดาได้ว่า เรื่องปวดหัวจะกลับมาอีกครั้ง
การเอาสายเลือดรองมารับตำแหน่งฮ่องเต้ มันเป็นเรื่องโหดร้ายของราชวงศ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...