พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 472

ตอนที่ 472 อยากฟังเรื่องราวของเจ้า

ซือถูจิ้งถามว่า “อยู่ในวังเจ้ากับนางนับว่าสนิทกันที่สุด เรื่องระหว่างนางกับซือถูเย่ เจ้าก็รู้ดีที่สุด เจ้าคิดว่า นางชอบซือถูเย่จริงๆหรือไม่?”

หมุยเฟยได้ฟังคำพูดของซือถูจิ้งแล้ว ก็ตกใจเป็นอย่างมาก รีบหันมองดูซ้ายขวา แล้วพูดเสียงต่ำว่า “องค์หญิง จะพูดไปเรื่อยไม่ได้ เราไม่มีหลักฐาน”

หลีโม่พูดขึ้นว่า “หมุยเฟยวางใจได้ อยู่กับข้าที่นี่ อยากจะพูดอะไรก็ได้ ก็เหมือนกับที่ข้าพูดกับองค์หญิงเมื่อกี้ กล้าคิดอย่างกล้าหาญ หาหลักฐานอย่างระมัดระวัง”

หมุยเฟยมองดูซือถูจิ้ง “เรื่องนี้...ข้าก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี”

ซือถูจิ้งถามอย่างแปลกใจว่า “นางอยู่ต่อหน้าเจ้า ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเลยหรือ?”

“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ปิดบังอะไร แต่ว่าข้าไปเจออยู่สองสามครั้ง ตอนที่องค์ชายรัชทายาทอายุได้สิบหกปีก็ได้เข้าออกตำหนักของนางแล้ว”

“นั่นก็สี่ห้าปีมาแล้วนี่” ซือถูจิ้งกลอกตามองบน “อี๋เฟยนี้ก็ช่างใจกล้าจริงๆ ตอนนั้นฮ่องเต้ยังไม่ล้มป่วยเลยนะ”

“นางใจกล้าจริงๆ ถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมนางถึงไม่ระวังเลย เรื่องแบบนี้ พวกเราไม่กล้าแม้แต่จะคิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำเลย นางกลับทำแล้วยังไม่กลัวคนรู้อีก”

สักพักหนึ่ง นางก็รู้สึกว่าพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก “ก็ไม่ใช่ว่าไม่กลัวคนรู้ เพียงแต่นางเก็บความลับไว้ได้เป็นอย่างดี เชื่อว่านอกจากข้ากับพระฉายาแล้ว ก็น่าจะไม่มีใครรู้”

“เจ้าว่านางทำไปเพื่ออะไรกัน? คนอย่างซือถูเย่ เศษสวะชัดๆ อี๋เฟยหลงเขาไปได้ยังไง?” ซือถูจิ้งพูด

เป็นอะไรที่คิดไม่ออกจริงๆ

หลีโม่หัวเราะพร้อมพูดว่า “จะมีอะไรคิดไม่ออกกัน? ถึงซือถูเย่จะเป็นเศษสวะ แต่เหลียงไถ้ฝู้กับฮองเฮาองค์ก่อนไม่ใช่นี่ เข้าใกล้ชิดซือถูเย่ ก็เท่ากับเข้าใกล้ชิดเหลียงไถ้ฝู้กับฮองเฮา มีข่าวอะไรที่จะถามไม่ได้ในระหว่างอยู่บนเตียง?”

ซือถูจิ้งอึ้งไป “หลีโม่ เจ้าพูดแบบนี้ เท่ากับกลายเป็นแผนร้ายแล้วนะ แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้วก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล หากนางเป็นไส้ศึก เข้าใกล้ชิดซือถูเย่ ก็เท่ากับเข้าใกล้จุดศูนย์กลางความลับของต้าโจว แต่นางจะเป็นไส้ศึกของใครล่ะ? นางเป็นคนต้าโจวนะ”

หมุยเฟยได้ยินที่พวกนางพูดคุยกัน ก็รู้สึกตกใจ “พวกเจ้าพูดถึงไส้ศึกอะไร? นางจะเป็นไส้ศึกได้อย่างไร? นางเป็นถึงพระสนมของฮ่องเต้แห่งต้าโจวนะ เป็นพระมารดาขององค์ชายเจ็ด ตำแหน่งสูงส่ง ทำไมนางต้องไปเป็นไส้ศึก? นี่ไม่สอดคล้องกับความเป็นไปได้นะ”

เรื่องนี้ ช่างทำให้คิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว หากเป็นผู้ชาย ไปเป็นไส้ศึกให้กับประเทศชาติ ยังพอเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ อย่างน้อยผู้ชายต้องมีความทะเยอทะยานเพื่ออนาคต แต่ผู้หญิงจะทำไปเพื่ออะไร? ตอนนี้นางก็เป็นถึงพระสนมแล้ว ต่อให้ช่วยประเทศอื่นแย่งชิงได้มา สุดท้ายแล้วนางจะได้อะไร? จะดีไปกว่าตอนนี้ไหม?

อีกอย่าง นางเป็นแค่ผู้หญิง จะไปเกี่ยวข้องกับคนต่างประเทศได้อย่างไร? แล้วจะไปเป็นไส้ศึกได้อย่างไร? นี่ล้วนเป็นคำถามที่คิดไม่ออก

เป็นอย่างที่หมุยเฟยพูด ตอนนี้นางเป็นถึงพระสนมแห่งต้าโจว และเป็นพระมารดาขององค์ชายเจ็ด ตำแหน่งสูงส่ง จะไปเป็นไส้ศึกทำไม?

หรือว่าที่ทำไป ก็เพราะความชอบหรือ?

“หมุยเฟยเหนียงเหนียง เรื่องนี้ เจ้าอย่าไปพูดกับใครนะ พวกเราแค่คิดคาดเดาเอง ไม่ได้หมายความว่านางจะเป็นไส้ศึก” หลีโม่พูดเตือนหมุยเฟย

หมุยเฟยพยักหัว “วางใจเถอะ ข้าไม่พูดออกไปหรอก”

หลังจากที่หมุยเฟยไปแล้ว หลีโม่กับซือถูจิ้งทั้งสองคนยังคงคุยปรึกษากันอีกอยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่ได้ความอะไรเลย

พลบค่ำตอนที่ซือถูเย้นกลับมา หลีโม่พูดกับเขาเรื่องของอี๋เฟย ซือถูเย้นฟังเงียบๆอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดว่า “ข้าส่งจดหมายไปหาซ่งรุ่ยหยาง ให้เขาเค้นถามกงซูนเย่นดู”

“กงซูนเย่นติดต่อกับอี๋เฟยได้ แสดงว่าต้องมีลู่ทางอะไรแน่ ถามเขาดีที่สุด” หลีโม่ถูกเขาทำให้เกิดคิดได้ขึ้นมา จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้ากับซือถูจิ้งคุยกันมาตั้งครึ่งวัน ก็ยังคิดอะไรไม่ออก ท่านอ๋องนี่ฉลาดจริงๆ”

“นี่คือคำชมใช่ไหม?” ซือถูเย้นชำเลืองมองดูนาง

“แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”

ซือถูเย้นกอดนางไว้ เอาศีรษะวางบนผมของนาง “ข้าอยากรู้เรื่องราวของเจ้า”

หลีโม่อึ้ง ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะเคยสงสัยกลับไม่เคยถาม ตอนนี้ทำไมถึงถามขึ้นมา?

“พูดไม่ได้หรือ? งั้นไม่ต้องพูด” ซือถูเย้นก็ไม่ได้บีบบังคับนาง

หลีโม่นั่งลง จ้องมองดูเขา “ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ ในเมื่อข้าเลือกเจ้าแล้ว เรื่องราวของข้าสามารถให้เจ้ารู้ได้ทุกอย่าง แต่อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือ เจ้าอาจจะไม่เชื่อก็ได้”

“เจ้าพูดอะไร ข้าก็เชื่อ” ซือถูเย้นพูด

หลีโม่รู้สึกซาบซึ้งใจ “โชคชะตานี่ก็น่าแปลก คิดถึงตอนแรก ฮองเฮาบอกว่าจะให้ข้าแต่งงานกับเจ้า ที่จริงในใจข้าหวาดกลัวมาก ข้ารู้ว่าฮองเฮาต้องการใช้ข้าเพื่อเยาะเย้ยเจ้า คิดไม่ถึงว่า วันนี้พวกเราจะสามารถเดินมาถึงได้ขนาดนี้ ความคิดชั่วร้ายของฮองเฮาในตอนนั้น กลับกลายเป็นการทำให้พวกเราได้มาอยู่คู่กัน”

“เจ้าหวาดกลัว? แต่ตอนนั้นข้าไม่เห็นเจ้าจะมีวี่แววหวาดกลัวเลย” ซือถูเย้นหวนกลับไปคิดถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นเห็นสีหน้านางก็เปลี่ยนไปจริง แต่ใบหน้าของนางมีแต่แผลบาดเจ็บ ดูมีสีสันอยู่แล้วจึงไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจริงหรือไม่ แต่เข้าแน่ใจว่า ใบหน้าของนางหรือหางตาของนางไม่ปรากฏความหวาดกลัวแล้วสักนิด

นางในตอนนั้น สภาพดูน่าเวทนา ทั้งร่างกายกลับเต็มไปด้วยพลังแห่งการต่อสู้ ไม่มีความรู้สึกนอบน้อม ตอนนี้หวนกลับไปคิด ที่จริงนางมีความกล้าหาญมาตั้งแต่แรกแล้ว

“จะไม่ให้หวาดกลัวได้อย่างไร? คนภายนอกใครๆก็รู้ว่าเจ้ากับฮองเฮาไม่ถูกกัน และฮองเฮาก็ยกข้าให้เจ้า ที่จริงก็ไม่ใช่ความหวังดีอยู่แล้ว ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่โกรธแล้วมาลงที่ข้า?”

“ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ? ข้าแค่ทำทุกอย่างเพื่องาน ไม่ทำกับคน รองพระสนมซุนแต่งเข้าจวนมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ข้ารู้ความตั้งใจของนางดี ได้เคยไปทำอะไรให้นางลำบากใจไหม?” ซือถูเย้นพูดแก้ตัวให้กับตัวเอง

“เอาเถอะ ข้าไม่รู้เลยว่าพระสวามีของข้าจะเป็นคนมีเมตตากรุณาขนาดนี้” หลีโม่พูดพร้อมกับหัวเราะ

“เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า เล่ามาสิ” ซือถูเย้นมองดูนาง คืนนี้เข้าอยากที่จะรับรู้เรื่องที่ผ่านมาของนางมาก ทุกสิ่งอย่างของนาง เขานึกว่าเขายังมีเวลาอีกมากมาย รอนางยอมพูดออกมาเอง แต่ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้ว

วันนี้ เขาตัดสินใจแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม