ตอนที่ 479 อาซื๋อกูกูกลับมา
กุ้ยไท่เฟยโกรธจนจมูกเบี้ยว
หากยังโดนนางตามรังควานแบบนี้ต่อไป งานสำคัญอะไรก็ทำไม่ได้สักอย่าง ถูกนางลากๆถูๆอยู่ในบ้านทุกวัน สิ้นเปลืองเวลาและสิ้นเปลืองแรง
นางจะเสียเวลาไปกับเหล่าไท่จูนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว นี่จะต้องเสียเวลาไปถึงเมื่อไหร่?
นางอยู่คุยด้วยทั้งวัน จนเย็นห้าหกโมงนางก็กลับแล้ว นี่เป็นวันแรกที่กลับเช้าขนาดนี้ นับว่าหาได้ยากมาก
นางรีบสั่งคนไปเรียกซุนฟางเอ้อร์เข้าวังมา บอกว่าทุ่มหนึ่งก็มาเลย อ๋องหนานหวยกลับไม่อยู่ในเมืองหลวง ไปชานเมือง ไม่รู้ไปทำไม
นางอดที่จะสงสัยไม่ได้ คาเฒ่านี้รู้ว่าวันนี้องค์ชายแปดออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงตั้งใจไม่อยู่ที่นี่ต่อ
แต่ก็ไม่เป็นไร เรียกฟางเอ้อร์เข้าวังมาก็สามารถคุยเรื่องสำคัญได้ และยังสามารถปรึกษาได้ว่า จะทำยังไงให้สามารถไล่เฉินไท่จูนไปได้
ความหวังนั้นมักงดงามเสมอ แต่ความจริงนั้นโหดเหี้ยม
ซุนฟางเอ้อร์เพิ่งเข้ามาถึงประตูตำหนัก ยังไม่ทันได้คุกเข่าทำความเคารพ ก็ได้ยินเสียงอันดังกังวานดังขึ้นมาอีกว่า “กุ้ยไท่เฟย ข้ามาอีกแล้ว คราวนี้ข้าเอาขนมมาให้ด้วยนะ ล้วนเป็นฝีมือของหลิ่วหลิ่วทำเองกับมือเลยนะ”
กุ้ยไท่เฟยโกรธจนสั่นเทาไปทั้งตัว ความโกรธแค้นในใจพุ่งขึ้นมา ความเย่อหยิ่งสูงส่งทลายลง ก้าวเดินออกไป ชี้หน้าเหล่าไท่จูนแล้วด่าเสียงดังว่า “เจ้าน่ารำคาญมากไปไหม? มายุ่งวุ่นวายกับข้าทั้งวัน เจ้าอยากทำอะไรกันแน่? อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าทำเจ้า...”
“กุ้ยไท่เฟยคิดอยากทำอะไรนางหรือ?” ร่างคนคนหนึ่งเดินออกมาทางด้านหลังเหล่าไท่จูน สีหน้าเย็นชา
กุ้ยไท่เฟยตะลึง “อาซื๋อกูกู?”
นางรีบเงยหน้ามองไปรอบๆ มองดูว่าคนคนนั้นมาไหม
โชคดี มีอาซื๋อมาคนเดียว ไม่เห็นคนอื่น
“ไม่ต้องมอง ต่อให้มาก็ไม่ให้เจ้าได้เห็น” อาซื๋อกูกูพูดอย่างเย็นชา
ในใจกุ้ยไท่เฟยร้อนรุ่มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ กลับระบายออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงเชิญอาซื๋อกูกูกับเฉินไท่จูนเข้าไป
เฉินไท่จูนดูหวาดกลัว “ข้าไม่รู้ว่ากุ้ยไท่เฟยไม่ชอบที่ข้ามาหา ขออภัยจริงๆ”
อาซื๋อกูกูพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เจ้าเป็นไว้ทุกข์เป็นเพื่อนกุ้ยไท่เฟย นั่นถือเป็นความกตัญญูของเจ้า หากมีคนไม่ชอบ นั่นก็เป็นเพราะไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”
กุ้ยไท่เฟยอดทนไม่ไหวแล้ว “การไว้ทุกข์ควรเป็นไปอย่างเงียบสงบ เอะอะวุ่นวายแบบนี้ทุกๆวัน สร้างความไม่สงบสุขจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนยังจะเลือกมา ข้าอยากมีคนอยู่เป็นเพื่อนยังหาไม่ได้เลย” อาซื๋อกูกูนั่งลง มองดูซุนฟางเอ้อร์ “เจ้าคือซุนฟางเอ้อร์?”
ซุนฟางเอ้อร์รีบถวายความเคารพ “ซุนฟางเอ้อร์ถวายพระพรอาซื๋อกูกู”
“อืม รูปร่างไม่เลว” อาซื๋อเพ่งมองดูนาง ใบหน้าที่เคร่งขรึมย่นขึ้นมา “แต่จิตใจไม่ค่อยสะอาด ดำไปข้างหนึ่งแล้ว”
ซุนฟางเอ้อร์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อายอาซื๋อกูกูยิ่งนัก”
“แค่ความจริง ภายใต้เสื้อผ้าทั้งหมดของเจ้า ข้าเคยเห็นหมดแล้ว ไม่มีอะไรนาอายหรือไม่น่าอาย เจ้าดำไปแค่ครึ่งเดียว เสี้ยหลีโม่สิดำสนิทไปแล้ว”
ซุนฟางเอ้อร์อึ้ง ไม่รู้ว่าที่นางพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
กุ้ยไท่เฟยพูดว่า “อาซื๋อกูกูรู้ก็ดีแล้ว มีบางคนจิตใจโหดเหี้ยมมาก จะต้องล้างให้สะอาด”
“เพคะ งั้นฟางเอ้อร์ขอลา” ซุนฟางเอ้อร์พูดเสร็จ แล้วก็เดินออกไป
ในใจนางรู้สึกเสียใจ วันนี้ที่ถูกเรียกให้เข้าวังมา เดิมทีคิดว่าจะได้คุยเรื่องสำคัญ คิดไม่ถึงว่าจะถูกเหล่าไท่จูนก่อกวนแบบนี้ ทำให้ต้องมาเสียเวลาเปล่า
แต่หลังจากเสียใจแล้ว ในใจก็กลับมีความรู้สึกเบาสบาย นางไม่ได้โง่ รู้สถานการณ์ในวังตอนนี้ดี กุ้ยไท่เฟยกับอี๋เฟยไม่ได้รับผลดีใดๆ ถึงขั้นดีไม่ดีอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย กุ้ยไท่เฟยป้องกันอ๋องซื่อเจิ้งมาตลอด นึกว่าอ๋องซื่อเจิ้งออกจากวังไปแล้ว ก็จะกลายเป็นช่วงเวลาที่พวกนางจะได้ลงมืออย่างสะดวก คิดไม่ถึงว่า อ๋องซื่อเจิ้งเพิ่งไปได้ไม่กี่วัน พวกนางก็ถูกกระทำจนเกือบสิ้นแล้ว
หลายวันมานี้นางอยู่ข้างนอกตัวคนเดียว รู้สึกสบายเป็นที่สุด นางไม่จำเป็นต้องมองสีหน้าใคร ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องอะไรอีก ไม่จำเป็นต้องช่วยพวกนางคิดแผนการใดๆ ตอนจนตื่นขึ้นมาเองทุกวัน ดื่มชา ทานข้าว ออกไปเดินเล่น ถึงแม้จะมีคนจับตามองอยู่ แต่คนพวกนั้นไม่ได้เข้ามาใกล้นาง ให้อิสระนางอย่างเต็มที่
ตั้งแต่ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลซุน ก็มาพึ่งพิงอ๋องหนานหวย นางไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายแบบนี้มานานมากแล้ว
นางเริ่มสงสัย ตัวเองกำลังโหยหาอะไร ยังมีความหมายอยู่ไหม
“กูกู เฉินเหล่าไท่จูน ข้าเหนื่อยแล้ว” หลังจากซุนฟางเอ้อร์ไปแล้ว กุ้ยไท่เฟยก็พูดไล่แขก
อาซื๋อกูกูพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เจ้าเหนื่อยแล้วก็ไปนอนเถอะ ข้าไม่ได้กีดขวางเจ้า ข้าจะกลับมาอยู่หลายวัน”
กุ้ยไท่เฟยอึ้ง “ท่านจะมาอยู่ที่พระราชวังซีอาน?”
“ไม่ได้หรือ? ก่อนที่ข้าจะออกจากวัง ก็อาศัยอยู่ที่พระราชวังซีอานกับบรรพบุรุษไม่ใช่หรือ? ที่พระราชวังซีอานมีห้องตั้งมากมาย ไม่มีที่ให้ข้าอยู่หรือ?” อาซื๋อกูกูลากใบหน้ายาวถามขึ้น
กุ้ยไท่เฟยกัดกรามพูดขึ้นว่า “ได้ ยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
อาซื๋อกูกูรับมือยากยิ่งกว่าเฉินไท่จูนอีก เห็นที พวกนางตั้งใจควบคุมนางไว้อย่างหนาแน่น
ไม่ได้ จะต้องคิดหาหนใจ ไล่พวกน่าเบื่อพวกนี้ออกไปให้หมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...