พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 485

ตอนที่ 485 รักษาตัวด้วย

“เจ้ารีบบอกข้ามาว่าองค์หญิงยี่ลี่เอาชนะฉินโจวได้อย่างไร?” หลีโม่รีบเอ่ยถาม รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ฉินโจวเก่งกาจขนาดนั้น มันจะดีกว่าที่จะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนางให้มากกว่านี้

“แคว้นเป่ยโม่ส่งราชทูตไปที่หนานเลียง ในงานเลี้ยงรับรอง องค์หญิงยี่ลี่เอาชนะนางในการขี่ม้า อีกทั้งในด้านการทหาร แม้ว่าฉินโจว จะจงใจสร้างปัญหาสักเพียงใด ก็ล้วนถูกองค์หญิงยี่ลี่ กำจัดไปได้ทีละเรื่องๆ”

หลีโม่ผิดหวังอย่างอดไม่ได้ “นั่นก็เป็นเพียงเรื่องที่คุยโวโอ้อวดเท่านั้นกระมัง เล่ากันปากต่อปาก แต่ในสนามรบอาจจะไม่ใช่เรื่องพูดกันมาก็ได้”

“แต่ฉินโจวกลับหวาดกลัว ทั้งที่นางเป็นแม่ทัพรุ่นหนึ่งที่มีชื่อเสียง แต่กลับหวาดกลัวกลยุทธ์การสงครามขององค์หญิงผู้หนึ่ง หากเป็นเพียงการคุยโวโอ้อวด ไม่อย่างนั้นนางจะกลัวหรือ?”

“มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?” หลีโม่รู้สึกว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล

“มีน่ะมี แต่ถ้าจะให้หา เจ้าจะเอามาทำอะไร?”

“จะลองศึกษาเสียหน่อย”

“ได้ ข้าจะสั่งให้คนนำมันเข้ามามอบให้เจ้า” อ๋องเหลียงกล่าว

วันต่อมา อ๋องเหลียงก็สั่งให้คนนำข้อมูลมามอบให้หลีโม่ ความจริงแล้วข้อมูลนั้นมีไม่มาก เพราะองค์หญิงยี่ลี่กับฉินโจวไม่ได้ประมือกันมากเท่าไรนัก มีเพียงเรื่องในงานเลี้ยงรับรองที่ถูกเผยแพร่ออกไป

หลีโม่ศึกษาตัวอย่างการวางแผนการรบบนกระดาษของพวกนางทั้งสองคนครู่หนึ่ง กลับอดรู้สึกไม่ได้ว่า องค์หญิงยี่ลี่ผู้นี้ช่างเก่งกาจจริงๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงผังการรบ แต่ก็ไม่มีส่วนไหนบกพร่องเลย

มิน่าล่ะฉินโจวถึงได้กลัว

แม้จะเป็นเพียงการวางแผนการรบบนกระดาษ ทว่าหลีโม่กลับสามารถสังเกตแบบแผนการรบคร่าวๆ ของฉินโจวออกได้ นางผู้นี้เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย การหักโหมคือสิ่งที่ไม่สามารถทำให้การโจมตีชนะได้ เพราะทหารที่แข็งแกร่งและม้าที่แข็งแรงของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำระหว่างความแข็งแกร่งและความอ่อนแอ ทว่าฉินโจวกลัวเล่ห์เหลี่ยม กลัวการรบแบบกองโจร เพราะนางเคยถูกกองทัพเช่นนี้กดดันมาก่อน จึงทำให้พ่ายแพ้ต่อการรบแบบกองโจร

นางหาข้อมูลและศึกษารูปแบบการสู้รบของฉินโจว และได้พบว่ามันเป็นอย่างที่คิดจริงๆ

นางเขียนจดหมายให้ซือถูเย้นฉบับหนึ่ง และให้ม้าเร็วรีบนำไปส่ง

แต่หลังจากส่งไปแล้ว จู่ๆ นางก็นึกถึงคำพูดของซือถูเย้นก่อนจะไปออกรบว่าได้ให้เซียวเฮาเย่และแม่ทัพสิบสองของตระกูลเฉินไปหาเหามาจำนวนหนึ่ง

หลีโม่เผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เฮ้อ ที่นางเป็นห่วงเขานั้น มันเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์จริงๆ เป็นอย่างที่ซือถูจิ้งพูด เขาเป็นแม่ทัพชำนาญการทำสงครามแล้ว จะไม่ศึกษาแผนการรบของศัตรูให้ชัดเจนก่อนได้อย่างไร?

แต่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ถึงอย่างไรก็เป็นความทุกข์ทรมานของชีวิตที่เงียบสงบ

ค่ายทหารเป่ยเย่

ตั้งแต่สงครามเริ่มจนมาถึงวันนี้ ก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือน

ทั้งสองฝ่ายต่างก็กำลังรอจังหวะบุกโจมตี แนวรบจะครอบคลุมพื้นที่ของเป่ยเย่ เพราะเมืองเป่ยเย่ได้เปรียบในการทำสงคราม ล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสามด้าน หากจะโจมตีเข้ามาใน เป่ยเย่ มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นที่สามารถเดินทางได้ นั่นก็คือเส้นทางทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เส้นทางถูกภูเขาสูงขนาบข้างทั้งสองฝั่ง กองทัพทหารของแคว้นต้าโจวต่างก็ยึดเอาพื้นที่ของภูเขาสูงทั้งสองฝั่งเรียบร้อยแล้ว หากกองทัพของฉินโจวคิดจะเข้ามา ก็จะเข้ามาในพื้นที่บุกโจมตีแล้ว

แน่นอนว่าฉินโจวไม่สามารถบุกโจมตีได้อย่างไม่รอบคอบ นางจะต้องคิดหาวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทาง

เซียวโธ่ซูชิงและซือถูเย้นทั้งสามคนอยู่ในกระโจม กำลังพูดคุยเรื่องกลยุทธ์สงคราม ก็เห็นจิ่นเฉิงเปิดม่านกระโจมเข้ามา “มีจดหมายส่วนตัวส่งมาจากวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ!”

จดหมายจากวังหลวง จดหมายทางการกับจดหมายส่วนตัว แน่นอนว่าจดหมายทางการนั้นเป็นของราชสำนักที่ส่งมาถามสถานการณ์ของสงคราม ส่วนจดหมายส่วนตัวนั้นก็เป็นจดหมายที่ครอบครัวของแม่ทัพส่งมา ก็คือจดหมายครอบครัว

“มีจดหมายมาส่งอีกแล้วหรือ? น่ารำคาญจริงๆ ว่าหรือไม่?” เซียวโธ่มีหน้าที่หงุดหงิด ทว่าสายตากลับเป็นประกาย ตั้งแต่มาตั้งค่ายที่เป่ยเย่ หลิ่วหลิ่วก็ส่งจดหมายมาให้เขาทุกวัน

เขายื่นมือเข้าไปคิดจะแย่งจดหมายมาจากจิ่นเฉิง แต่จิ่นเฉิงกลับหลบออกไปอย่างว่องไว “ไม่ต้องรำคาญเลย ไม่ใช่ของเจ้า”

เซียวโธ่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “ไม่ใช่ของข้างั้นหรือ? ใครยังมีคนที่เขียนจดหมายให้อีก?”

จิ่นเฉิงส่งให้กับซือถูเย้น “เป็นจดหมายของพระชายาส่งมาให้ท่านแม่ทัพ”

“อ๊ะ? พระชายาก็เขียนหนังสือได้หรือนี่? นางก็รู้หนังสือด้วยหรือ?” เซียวโธ่มุ่ยปากพูดด้วยความเสียใจว่า “แล้วไม่มีของข้าหรือ? เมื่อวานก็ไม่มี เฉินหลิ่วหลิ่วมัวไปทำอะไรอยู่? เหตุใดถึงไม่ส่งจดหมายให้ข้า?”

“เมื่อครู่ไม่ใช่บอกว่ารำคาญหรอกหรือ?” ซูชิงพูดหยอกล้อ

ซือถูเย้นเปิดจดหมายออก เซียวโธ่ก็ยื่นหัวเข้ามา “เขียนว่าอะไรบ้าง?”

“ดูเอาเอง” ซือถูเย้นหยิบจดหมายออกมาแล้วส่งให้เซียวโธ่

เซียวโธ่รับมาแล้วอ่านครู่หนึ่ง “เป็นความจริงๆ ด้วย พระชายาผู้นี้ ช่างเก่งกาจจริงๆ”

แต่เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองซือถูเย้นพร้อมกับพูดอย่างน่าสงสารว่า “เหตุใดจดหมายฉบับเดียวที่ส่งมา ถึงไม่มีประโยคหวานๆ สักประโยคเลยเล่า? แม้แต่คิดถึงเจ้าประโยคเดียวก็ไม่เขียนเลย”

“ไสหัวไปทางนั้นเลยไป!” ซือถูเย้นแย่งจดหมายกลับมาพร้อมกับผลักเซียวโธ่ออกไป

เซียวโธ่ปิดปากแอบหัวเราะ “ผัวเมียประสาอะไร? อย่างกับสหายร่วมงาน”

“เซียวโธ่” ซือถูเย้นสั่งการด้วยความจริงจังว่า “เจ้ารีบพาคนออกไปสืบเดียวนี้ หากพระอาทิตย์ยังไม่ตก ห้ามกลับมา”

นี่เป็นตัวอย่างของการโลภหลงในชื่อเสียงอันจอมปลอม

ซูชิงยิ้มหน้าแป้นจนปากจะไปถึงหลังหู

หลังจากทั้งสามคนไปแล้ว ซือถูเย้นจึงหยิบจดหมายของหลีโม่ออกมา อ่านอย่างละเอียดครู่หนึ่ง อันที่จริงแล้วก่อนนหน้านี้ก็มีการวางแผนการรบแบบกองโจร แต่เพราะเห็นว่ากองทัพของศัตรูกดดันเข้ามา เขาจึงอยากจะเปลี่ยนแผนการ เคยคิดว่าหลังจากรวมพลในสนามรบแล้วก็จะบก

ทัพโจมตีอย่างเต็มกำลัง แต่จดหมายของหลีโม่ กลับทำให้เขาสงบขึ้นมา

ยังไม่พอที่จะยกกำลังออกไปโจมตี เพราะโอกาสชนะนั้นไม่มากพอ แม้ว่าจะแข็งแกร่งพอให้ชนะ แต่การบาดเจ็บล้มตายต้องเกิดขึ้นหนักแน่นอน แคว้นต้าโจวยังต้องจัดกองกำลังไปรับมือกับเซียนเป้ย ไม่มีทางให้ถอยจากฉินโจวมีเพียงต้องเดินหน้าสู้ตายอย่างเดียว

“แม่นางสารพัดประโยชน์ โชคดีที่เจ้าเตือนข้าก่อน ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่สงบใจแน่” ซือถูเย้นเก็บจดหมายเอาไว้อย่างดีก่อนจะพูดเบาๆ

ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง จึงสั่งให้จิ่นเฉิงเตรียมเครื่องเขียนให้เรียบร้อย เขาต้องตอบจดหมายกลับไป

ครุ่นคิดอยู่นาน มีคำพูดมากมายที่อยากจะเขียน แต่กลับไม่ชินที่จะเขียนมันลงไป อีกทั้งอยู่ต่อหน้าก็ยังไม่พูดไม่ออก

สุดท้ายก็ได้แต่แข็งใจเขียนออกมาสองคำ “รักษาตัวด้วย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม